พลังจิตเพิ่มขึ้น 1 ชั้น รายได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า
ด้วยสัจธรรมที่เป็นความจริงมีอะไรที่เชื่อถือได้บ้างในโลกใบนี้ แม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของตัวเราเองในแต่ละวัน
โดย...ศูนย์ชี่กงอาจารย์หยาง
ด้วยสัจธรรมที่เป็นความจริงมีอะไรที่เชื่อถือได้บ้างในโลกใบนี้ แม้กระทั่งการดำเนินชีวิตของตัวเราเองในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจใดๆ ล้วนต้องอาศัยความรอบรู้ แล้วความรอบรู้ที่มีอยู่รอบๆ ตัวเรามีอะไรที่เชื่อถือได้บ้าง การเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอก บางครั้งก็เชื่อไม่ได้เสมอไป เพราะมีผิดและถูก ส่วนจะเชื่อคอมพิวเตอร์ ก็เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะมีผิดและถูกเช่นกัน ส่วนจะให้กลับมาเชื่อถือตัวเอง ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกต้อง เพราะเราไม่มีความรอบรู้มากพอที่จะแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ทุกเรื่อง ด้วยความที่เรายังต้องพึ่งพาคนรอบข้าง พึ่งพาผู้คนในสังคม แล้วคำถามในโลกใบนี้มีอะไรที่เชื่อถือได้ สุดท้ายผู้รู้บอกว่าให้เชื่อปัญญา เพราะปัญญาทำให้ผู้นั้นรู้แจ้ง รู้ว่าเมื่อไรควรเชื่อ เมื่อไรควรตัดสินใจเชื่อตัวเอง เมื่อไรควรเชื่อคนอื่น และเมื่อไรควรเชื่อคอมพิวเตอร์
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญญาไม่ใช่ความรู้ทั่วไป ปัญญาเกิดขึ้นจากการสะสมพลังจิต พลังจิตเกิดขึ้นจากการนั่งสมาธิ ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวพุทธรู้จักการนั่งสมาธิมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่านั่งสมาธิ นั่งไปทำไม นั่งสมาธิให้เกิดประโยชน์นั้นนั่งอย่างไร ซึ่งในทางพุทธศาสนา การนั่งสมาธิทำให้เกิดวิปัสสนาญาณ
การนั่งสมาธิที่ถูกต้องไม่ใช่นั่งเฉยๆ เพราะการนั่งเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร คำถามคือแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรานั่งสมาธิถูกต้อง มาถูกทางแล้ว สามารถเข้าสมาธิลึกได้ ซึ่งตามศาสตร์วิชา “ชี่กง” โบราณ การฝึกชี่กงทำให้ผู้นั้นสามารถเปลี่ยนความถี่สมอง เปลี่ยนสนามแม่เหล็กได้ และในทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันมีเครื่องวัดคลื่นสมองเวลานั่งสมาธิ ซึ่งปรากฏว่าลักษณะคลื่นแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ ในชีวิตประจำวัน หากเราใช้ความคิดและปฏิบัติงานตามปกติ สมองจะปรากฏคลื่น Beta หรือในระดับความถี่ 14-30 รอบ/วินาที แสดงว่าเวลานี้ไม่ใช่อยู่ในภาวะนิ่ง จึงไม่รู้สึกสัมผัสสนามพลังแม่เหล็ก
คลื่นสมอง Beta ยังไม่เกิดประโยชน์ แต่เมื่อเราค่อยๆ ผ่อนคลายเข้าสู่ภาวะนิ่ง สมองจะปรากฏคลื่น Alpha หรือในระดับความถี่ 8-13 รอบ/วินาที แสดงว่าสมาธิลึกขึ้น และเมื่อสมองปรากฏคลื่นความถี่ 10-13 รอบ/วินาที เราจะสัมผัสได้ถึงสนามพลังแม่เหล็กอ่อนๆ และเมื่อสมองปรากฏคลื่นความถี่ 5-7 รอบ/วินาที จึงเป็นการเข้าฌานตามหลักของศาสนาพุทธ ผู้ฝึกจะสามารถสัมผัสสนามพลังแม่เหล็กชัดเจนและรุนแรง เชื่อมกับพลังจักรวาล กระตุ้นเซลล์สมองให้ทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
โดยปกติมนุษย์เรามีเซลล์สมองถึง 14,000 ล้านตัว หากไม่ได้นั่งสมาธิหรือใช้ชีวิตทั่วๆ ไป เซลล์สมองจะถูกใช้งานไปเพียงแค่น้อยนิดหรือประมาณ 5-7% หรือแม้แต่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็ใช้เซลล์สมองไปเพียงแค่ 14% เซลล์สมองส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ไม่ได้รับการกระตุ้นแต่อย่างใด จนเซลล์สมองตายไปในที่สุด
การนั่งสมาธิที่เกิดประโยชน์ คลื่นสมองต้องเปลี่ยนเป็น Alpha และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคลื่นสมองเปลี่ยนเป็น Alpha แล้ว ในวิชาชี่กงโบราณ เมื่อคลื่นสมองเปลี่ยนเป็น Alpha จะเกิดอาการของ “ชี่” ซึ่งเปรียบเหมือนประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดพลังงานจุลและพลังงานศักย์ในร่างกาย ผู้ฝึกจะรับรู้ได้ว่าเกิดพลัง มีลักษณะอาการ อาทิ ตัวร้อน ตัวหนัก ตัวชา เห็นแสง เห็นภาพ เป็นต้น ส่งผลให้จุดกึ่งกลางสมอง (ไป่ฮุ่ย) เปิด เชื่อมกับพลังจักรวาล ทำให้เซลล์สมองที่หลับอยู่ตื่น โดยเซลล์สมอง 1 ตัว หากได้รับการกระตุ้นหรือตื่นขึ้นมาทำงาน ประสิทธิภาพจะเท่ากับคอมพิวเตอร์ 1 ตัว และหากหลายๆ เซลล์สมองตื่น เซลล์สมองจะต่อเชื่อมกันเป็นเครือข่ายเหมือนคอมพิวเตอร์หลายเครื่องต่อเชื่อมกัน ทำให้เกิดประโยชน์มหาศาล
โดยเฉพาะเซลล์สมองที่ตายไปแล้วจะรักษาตัวเอง เซลล์ที่หลับอยู่จะได้รับการกระตุ้น เพิ่มพูนปัญญา คนที่ไม่เก่งจะทำให้เก่งขึ้น ซึ่งเปรียบเทียบได้อีกอย่างหนึ่งว่า ก่อนที่คนจะเกิดปัญญาจะคิดแบบหนึ่ง เมื่อเกิดปัญญาแล้ว ความคิดจะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง สามารถทำให้เราร่ำรวยขึ้นได้จากไอเดียใหม่ๆ เหมือนกับประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “พลังจิตเพิ่มขึ้น 1 ชั้น รายได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า”
เคล็ดวิชานั่งสมาธิทำให้สมองเกิดคลื่น Alpha ทำอย่างไร
ในวิชาชี่กงโบราณ มีเคล็ดวิชานั่งสมาธิเพื่อเปิดจักระ 7 ที่อยู่ตรงกึ่งกลางสมอง (ไป่ฮุ่ย) คือเวลานั่งสมาธิ ให้นั่งตัวตรง เก็บคางเล็กน้อย แล้วกำหนดจิตดึงพลังขึ้นเป็นเส้นตรงไปที่เหนือศีรษะ อย่างไรก็ตามเมื่อฝึกไปแล้วระยะหนึ่ง หากจุดไป่ฮุ่ยยังไม่เปิด ต้องอาศัยอาจารย์ผู้รอบรู้ช่วยส่งพลังเปิดจุดให้ ซึ่งก็จะสำเร็จได้ไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญของผู้ฝึกอย่างหนึ่งคือ ต้องมีจิตมุ่งมั่น ศรัทธาในวิชา และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง