สวิงอาชีพ...ลงทุนเท่าไหร่?

โดย...SK'96

การเล่นกอล์ฟให้พอเป็น เพื่อเข้าสังคม คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าหวังจนถึงเทิร์นโปรยึดเป็นอาชีพ ไม่ง่ายแน่ และที่สำคัญ ต้องมีทุนหนักเพื่อสู้กับค่าใช้จ่าย ทั้งอุปกรณ์การเล่น เครื่องแต่งตัว ค่าฝึกซ้อมไดรฟ์ รวมทั้งบางคนอาจมีการจ้าง ทีชชิ่ง โปร (Teaching Pro) มาช่วยจับให้เป็นเร็วขึ้น และพอเริ่มออกรอบได้ ก็ต้องมีค่ากรีนฟีสนามต่างๆ

งบอุปกรณ์กอล์ฟชุดแรก

ถ้าตั้งเป้าเดินสายอาชีพนี้ ขอแนะนำชุดกอล์ฟมือสอง แบรนด์มาตรฐานสากลหรือยี่ห้อดัง แต่เป็นรุ่นไม่เก่าเกิน สภาพ 80% ชุดเหล็กอยู่ที่ 7,000-1.5 หมื่นบาท พัตเตอร์ 1,000-2,000 บาท ส่วนถุงกอล์ฟควรซื้อใหม่จะได้ดูดีหน่อย น่าจะ 2,000-5,000 บาท แต่หากใจถึงพอมีตังค์ ก็ต้องชุดกอล์ฟใหม่ แบรนด์มาตรฐานสากล หรือถ้าต้องการเซฟบ้าง ก็ไม่ต้องรุ่นล่าสุด เอาที่ตกรุ่นไปซัก 1 รุ่น ถูกกว่าเยอะ ชุดเหล็ก 1.5-4 หมื่นบาท พัตเตอร์ 2,000-5,000 บาท นี่ยังไม่รวมไดรเวอร์ ที่มีราคาตั้งแต่หลักพันยันหลักแสน

ไดรฟ์ก่อนลุยสนามจริง

สนามไดรฟ์เดี๋ยวนี้มีทั่ว เอาที่ใกล้บ้านก็ดี ไม่ต้องขับรถไกล ประหยัดทั้งเวลาและเงินค่าน้ำมัน เอาไปจ่ายค่าลูกซ้อมดีกว่า มีตั้งแต่ 3-4 ถาด (ถาดละ 40 ลูก) 100 บาท ไปจนถึงถาดละ 100 บาทก็มี ค่าซ้อมสวิงควรเตรียมไว้สัปดาห์ละ 500-2,000 บาท แล้วแต่ความถี่ ซึ่งบางคนอาจจ้างโปรมาสอนด้วย (อย่างต่ำเดือนละ 5,000 บาท) ส่วนจะใช้เวลาฝึกไดรฟ์นานแค่ไหน ถึงจะได้ออกรอบนั้นบอกยาก เพราะแต่ละคนการพัฒนาฝีมือและพรสวรรค์ต่างกัน

การออกรอบนั้น วันธรรมดาจะถูก วันหยุดแพง แต่ถ้าไม่ใช่สนามเอกชน อาทิ สนามทหารหรือรัฐวิสาหกิจ ค่ากรีนฟีรวมค่าทิปแคดดี้แค่ 700-1,000 บาท แต่ถ้าอยากเล่นสนามดีๆ ก็ควรหาสนามที่มีโปรโมชั่น เอาเป็นว่างบค่าสนามแต่ละครั้งมีไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท

โปรช้างฟันธงงบทะลุล้าน

ผู้ที่คร่ำหวอดวงการสวิงย่อมรู้ดี และต้องคนนี้ “โปรช้าง” ธงชัย ใจดี มือ 1 ไทยและอันดับ 42 โลก เพราะด้วยดีกรีมือ 1 เอเชียน ทัวร์ 3 สมัย (ปี 2001, 2004, 2009), แชมป์ยูโรเปี้ยน ทัวร์ 6 รายการ แถมมีโรงเรียนสอนกอล์ฟที่บ้านเกิด จ.ลพบุรี อีกด้วย

“ขึ้นอยู่กับว่าหัดเล่นตอนอายุเท่าไหร่ อย่าง อาร์ม (กิรเดช อภิบาลรัตน์ มือ 2 ไทย) เริ่มเล่นตั้งแต่ 8 ขวบ พ่อเขาลงทุนไปเป็น 10 ล้าน ผมเริ่มตอนอายุ 16 ฐานะก็ไม่ดี แต่โชคดีที่ได้ผู้ใหญ่และสปอนเซอร์ช่วยสนับสนุนมา แต่กว่าจะเทิร์นโปรก็อายุ 30 แล้ว”

นอกจากนี้ จอมสวิงไทย วัย 45 ปี ที่ทำเงินรางวัลศึกเอเชียนฯ สูงสุด 5.31 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 175 ล้านบาท) ยังบอกอีกว่า หากเริ่มเล่นในต่างจังหวัด ค่าใช้จ่ายถูกกว่า ทว่ากว่าจะเทิร์นโปร ต้องลงทุนไม่หนี 1-2 ล้านบาท แต่ถ้าเล่นที่กรุงเทพฯ ต้นทุนสูงมาก นับถึงวันเทิร์นโปร น่าจะสัก 3-4 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งที่ควรรู้สำหรับคนที่คิดจะใช้วงสวิงเลี้ยงชีพ นั่นคือ การไปแข่งแต่ละครั้ง ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายเอง ทั้งค่าเดินทางกินอยู่ที่พัก แล้วยิ่งไปเล่นต่างประเทศ ยิ่งต้องควักเยอะ ดังนั้นต้องพยายามผ่านตัดตัวให้ได้ เพราะจะได้ส่วนแบ่งเงินรางวัลกลับมาบ้าง แต่ถ้าตกรอบ ก็เท่ากับที่ลงทุนไปสูญเปล่า

สรุปแล้ว การเป็นโปรกอล์ฟไม่ได้การันตีความร่ำรวย เพราะมีทั้งประสบความสำเร็จจนเป็นเศรษฐีก็มีหลายคน แต่ที่ล้มเหลวหนี้สินรุงรัง (กู้ยืมเงินไปแข่ง) ก็มีเยอะ

แล้วคุณล่ะ...พร้อมจะเป็นโปรหรือยัง...???