ความสุขของครู‘ได้เป็นผู้ให้ในทุกๆ วัน’
Motto การเป็นครู สำหรับแจนคือ...เรียนเก่งไม่สำคัญเท่าใช้ชีวิตให้เก่งและให้เป็น
Motto การเป็นครู สำหรับแจนคือ...เรียนเก่งไม่สำคัญเท่าใช้ชีวิตให้เก่งและให้เป็น
คนรอบข้างเรามักถามเราเสมอว่า ทำงานอะไรมากมาย แจนรู้สึกมีความสุขกับประโยคนี้มากเพราะแจนเป็นพวกเวิร์กฮอลิกก็ว่าได้นะคะ เริ่มทำงานเร็วตั้งแต่อายุ 20 ปี เรียนจบก็ทำงานเลย จับงานหลากหลายอีกด้วยค่ะ ทุกวันนี้ 08.00-10.00 น. สอนหนังสือ13.00-15.00 น. เข้าออฟฟิศประชุมต่างๆ เวลา17.00-18.00 น. จัดรายการ Gmm news ช่องGmm 25 เวลา 20.00-21.00 น. จัดรายการBusiness watch ช่อง Tnn 24 ก็เลยคิดว่าถ้าเริ่มต้นอายุถึงเลขสี่ ก็จะไม่ทำงานหลากหลายอะไรมากมายอีกแล้ว จะโฟกัสที่งานอย่างเดียวคือ เป็นอาจารย์สอนหนังสือ
ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษคณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด สอนวิชาแนวโน้มของสื่อ (Media Trend) ก่อนหน้านี้เคยสอนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และวิทยาลัยนานาชาติมหิดล ความสุขของการเป็นครู “เราได้เป็นผู้ให้ในทุกๆ วัน” การให้ความรู้ถือเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพราะผู้ที่ได้รับสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตและอนาคตของเขาต่อไป ทุกครั้งที่สอนหนังสือจะพยายามนำความรู้ที่ตัวเองมี และประสบการณ์ในการทำงานถ่ายทอดให้ได้เยอะที่สุด
หลายคนคุ้นหน้าแจนจากทางทีวี หรือตามงานสังคมอีเวนต์ต่างๆ ก็แปลกใจว่าเรามีโอกาสมาสอนหนังสือได้อย่างไร? เริ่มจากการได้รับเชิญเป็นวิทยากรก่อนค่ะ เพราะตอนนั้นเป็นดีเจ แล้วมันมีวิชา Radio Production(วิชาการผลิตรายการวิทยุ) อาจารย์ประจำคณะเลยเชิญไปบรรยาย และทางมหาวิทยาลัยเห็นหน่วยก้านได้เลยทาบทามมาเป็นอาจารย์พิเศษสอนอยู่ 6-7 ปีก็เริ่มได้ไปสอนในวิชาอื่น ส่วนใหญ่จะเป็นสาขานิเทศศาสตร์เป็นส่วนใหญ่เพราะเรามีประสบการณ์ทางด้านนี้ และเรียนจบทางด้านนี้ คือแจนจบปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และงานในแวดวงนี้ก็เคยทำมาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นงานดีเจ พิธีกร ผู้ประกาศข่าว
จริงๆ ตอนเด็กๆ ฝันอยากจะเป็นหลายอย่างเลยค่ะ แล้วทุกวันนี้ก็พยายามสานฝันตัวเองด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำงานหลายๆ อย่าง แต่ปรากฏว่าพอได้มาสอนหนังสือกลับเป็นหนึ่งในอาชีพในฝันที่เรารักมากที่สุดเพราะค้นพบตัวเองว่าชอบสอนหนังสือ ชอบที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้เด็กๆ หลายครั้งที่สอนเด็กจนจบไปทำงาน แล้วเขากลับมาบอกเราว่างานที่ส่งอาจารย์ผมเอาไปสมัครงานแล้วได้งานแล้ว มันเป็นความรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในอนาคตด้วย
เรื่องล่าสุดที่ (มีความสุขมาก) “อาจารย์แจน” เลกเชอร์ลูกศิษย์เกี่ยวกับเรื่องของวัยรุ่นยุคนี้ ที่ต้องเปิดหูเปิดตาเปิดใจรับสื่ออย่างอื่นนอกเหนือจาก Smartphone และสื่อออนไลน์ค่ะ สื่อทุกชนิดสามารถให้ประโยชน์กับเราได้ เช่น การอ่านหนังสือพิมพ์ทำให้เราทันต่อเหตุการณ์เห็นมุมมองของข่าวในหลากหลายด้าน อย่าดูแต่คลิปเสพแต่สื่อออนไลน์ เด็กยุคนี้เป็นอย่างไรบ้างในมุมมองของอาจารย์แจน/ฝากความหวังไว้กับคนรุ่นเขาได้ไหม?ก็มีคำถามมาอีกที่เห็นเราทำงานคลุกคลีกับอนาคตของชาติ
แจนเป็นห่วงเด็กยุคนี้นะคะ เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตพวกเค้ามากจนบางครั้งกลืนความน่ารักสดใสของวัยนี้วันๆ เอาแต่จิ้มโทรศัพท์ ดูคลิป แล้วอีกอย่างข้อมูลทุกอย่างคุณสามารถเข้าถึงได้ง่าย จนบางครั้งรู้สึกว่าง่ายเกินไป มันเหมือนดาบสองคม เพราะฉะนั้นครูอาจารย์พ่อแม่ มีส่วนช่วยพยุงเขาให้ไปในทางที่ถูกต้อง เราต้องพยายามพาเขาออกมาจากโลกของเทคโนโลยีบ้าง เปิดโลกทัศน์ในมุมมองอื่นๆ สร้างปัจจัยในการฝึกฝนให้เด็กรู้จักแยกแยะ แบ่งเวลาที่เหมาะสมจะได้ไม่กลายเป็นพวกเสพติดเทคโนโลยีจนกลืนกินชีวิตพวกเขาค่ะ เพราะวัยรุ่นก็คืออนาคตของประเทศเรานะคะจะว่าไป
จำความรู้สึกวันแรกที่เดินเข้ามายืนหน้าชั้นเรียนได้ค่ะ ตื่นเต้นสุดๆๆๆ ขนาดเคยยืนพูดต่อหน้าคนมาเป็นร้อยๆ มือเย็นเจี๊ยบ แต่จำความรู้สึกแรกที่ก้าวเข้ามหาวิทยาลัยในฐานะครูได้ว่าภูมิใจ๊ภูมิใจ เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ
ความสุขความประทับใจที่เราได้จากเด็กๆนักศึกษา นึกถึงกี่ครั้งก็จะยิ้มได้คนเดียวทุกครั้งค่ะ เหตุการณ์หนึ่งจะเรียกว่าปราบเฮี้ยวก็ว่าได้ ความที่ลูกศิษย์กับอาจารย์อายุไม่แตกต่างกัน คลาสวันนั้นสอนวิชาการผลิตรายการวิทยุ แจนก็จะโดนลองของตั้งแต่วันแรกทั้งที่เราเป็นครูที่ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการตรงต่อเวลา ยิ่งวิชาวิทยุความเสียหายของการเลตนับกันเป็นวินาทีเลยทีเดียว แต่ก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายเฮี้ยวสุด เกเรๆ สุดๆ ไม่สนส่งงานช้าแล้วพอครูทวงก็ส่งๆ มาแบบเสียไม่ได้ แจนก็พูดเพียงครูผิดหวังในตัวเธอมากนะ เพราะคิดว่าเธอดีกว่านี้ แล้วมองด้วยสายตา ปรากฏว่าลูกศิษย์ซึ่งเป็นเด็กผู้ชาย น้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ส่วนตัวอาจารย์นี่ก็ตกใจไปด้วย ช็อกค่ะ!
เหตุการณ์น้ที ำให้เราต้องกลับมาทบทวนบทบาทการเป็นอาจารย์อีกครั้ง ว่าไม่จำเป็นต้องดุด่าตำหนิ การสอนเด็กโต เพียงเราว่ากล่าวด้วยคำพูดก็จะทำให้เขาสามารถยอมรับได้ค่ะว่า เขาเตรียมตัวกับการเรียนมาไม่เพียงพอจริงๆ ความประทับใจกับเด็กๆ ยังมีอีกมากมายเลยค่ะ เด็กๆผู้หญิงที่รักศรัทธาอาจารย์เป็นเหมือนแฟนคลับ มีทั้งขนม ช็อกโกแลต การ์ดวันเกิดมาวางไว้บนโต๊ะ
สิ่งที่เข้ามากับอาชีพอาจารย์ ก็อย่างที่บอกว่าอาจเป็นอาชีพสุดท้ายที่แจนตัดสินใจทำได้จนแก่เฒ่า เพราะขณะที่งานหน้าจอฉาบฉวยขายหน้าตาและมีอายุขัย แต่งานเกี่ยวข้องกับความรู้ไม่มีวันจบ และเราสามารถเป็นผู้ให้ที่มีความสุขมากมายยาวนานกว่าทุกอาชีพ