เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

04 พฤษภาคม 2558

“ถ้าเริ่มที่เรารักกันสวรรค์ก็ไม่ไกล ถ้าตั้งหน้าทะเลาะกัน คอนเสิร์ตก็เลิกไว”

โดย...พงศ์ พริบไหว

“ถ้าเริ่มที่เรารักกันสวรรค์ก็ไม่ไกล ถ้าตั้งหน้าทะเลาะกัน คอนเสิร์ตก็เลิกไว”

ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ได้แต่งเนื้อเพลงชื่อ “คอนเสิร์ตเลิกไว” ขึ้น เพื่อสะท้อนให้เป็นดังบทเรียนและเครื่องเตือนใจของเหล่าบรรดาแฟนเพลงขาลุย ที่มักเข้ามามีเรื่องมีราวกันในงานคอนเสิร์ต ซึ่งหลายต่อหลายครั้งเหตุการณ์ดังกล่าวก็คล้ายเป็นวัฒนธรรมจนกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งก่อเกิดความเบื่อหน่ายให้คนฟังเพลงที่ตั้งใจเดินทางมาร่วมงานเพื่อส่งกำลังใจให้ศิลปินที่รัก

แน่นอนว่า นอกจากกระทบโดยตรงต่อคนที่ตั้งใจมาดูคอนเสิร์ตแล้ว เรื่องดังกล่าวก็ทำให้ศิลปินเองอึดอัดใจมิใช่น้อย เพราะไม่มีศิลปินที่ไหนอยากให้คอนเสิร์ตของตัวเองต้องล่ม ซึ่งล่าสุดศิลปินที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากโขอย่าง ปู-พงษ์สิทธิ์ คําภีร์ ก็ออกมาเปรยๆ ว่า ชักจะเบื่อหน่ายกลุ่มแฟนเพลงที่เข้ามาตีกันในงานของตัวเอง ทำนองว่าจะตีกันทำไม! ผ่านเวลามาเป็นสิบๆ ปีก็ยังเป็นซ้ำๆ เดิมๆ ทำให้ตัวศิลปินเองเจ็บปวด หนักเข้าอาจทำให้มีคอนเสิร์ตน้อยลง อันเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อแฟนเพลงกลุ่มใหญ่

ในเรื่องดังกล่าวหากจะมองการแก้ปัญหาด้วยจิตสำนึกสาธารณะ คงเป็นเรื่องที่ยากและไกลห่างความเป็นจริง ซึ่งหลายต่อหลายปีมานี้ ทางผู้จัดคอนเสิร์ตเองใช่ว่าจะไม่แยแสเรื่องนี้ พยายามหาทางออกในการแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยภายในงานไม่ให้เกิดมีการทะเลาะวิวาท เพราะหากมีเหตุตีกันเกิดขึ้นนอกจากจะทำให้คอนเสิร์ตล่มแล้ว สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นคือผู้มาดูคอนเสิร์ตได้รับลูกหลงบาดเจ็บและเสียชีวิต

เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

หลังจากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ หนุ่ม-สุรพันธ์ วันช่วยบุญ รองผู้จัดการ บริษัท อะไลฟ์ โปรเจคท์ (Alive Project) ที่ทำงานด้านออแกไนซ์รับดูแลเรื่องการจัดงานคอนเสิร์ต เนื่องจากเจ้าตัวเองเป็นผู้วางแผนดูแลความปลอดภัยในการจัดงานคอนเสิร์ตมากว่า 10 ปี ทำให้มีประสบการณ์มากพอในการจัดคอนเสิร์ต และดูเหมือนว่าการทำงานของเขาจะเห็นทางออกในการแก้ปัญหาได้จริง เพราะเขาสามารถจัดงานคอนเสิร์ตอย่างคนหัวใจสิงห์ อันถือเป็นโมเดลของความสำเร็จในเรื่องความปลอดภัยในคอนเสิร์ต

ตลอด 8 ปีในงานคอนเสิร์ตเรียกได้ว่าไม่มีเหตุที่ทำให้งานต้องล่มเลยสักหน นั่นคงเป็นเพราะวิธีคิดที่มุ่งหวังความปลอดภัยของผู้ชมเป็นที่ตั้ง โดยเจ้าตัวเล่าถึงปัจจัยสำคัญที่เป็นมูลเหตุในการเกิดเรื่องวิวาทกันในคอนเสิร์ตให้ฟังว่า

“หลักๆ การตีกันไม่ได้มีเหตุมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด มูลเหตุการตีกันมีหลายเรื่องหลายปัจจัย ซึ่งแนวเพลงก็ไม่ใช่ประเด็น แต่ที่ผมเห็นๆ มาสาเหตุการตีกันในคอนเสิร์ตจะเกิดได้จากเวลาที่วัยรุ่นมาดูคอนเสิร์ตเขาไม่ได้มาคนเดียวคือมากันเป็นพรรคพวก ซึ่งโอกาสเกิดการทะเลาะได้จากคนกลุ่มนี้สูง เพราะความเป็นกลุ่มก้อนมักจะมีการยั่วยุฝั่งตรงข้าม ยิ่งมีปัจจัยอย่างเรื่องของสภาพแวดล้อมการจัดงานที่เอื้ออำนวยอย่างเช่นงานกลางแจ้งที่มีทางหนีทีไล่ งานไม่มีรั้วรอบขอบชิด ไม่มีการจัดจำหน่ายบัตร และงานที่วางซีเคียวริตี้หลวม อันนี้คือปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการตีกันสูง”

เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

 

เรียกได้ว่าเรื่องของสภาพแวดล้อมมีส่วนสำคัญสูงที่ทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งแน่นอนว่าในงานใหญ่ๆ ที่มีการจัดการกันแบบเข้มงวดมักจะเกิดเหตุการณ์ตีกันขึ้นน้อยมาก แต่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งเฮดซีเคียวริตี้อย่างสุรพันธ์ย้ำให้ฟังต่อว่า เขาเองจึงใส่ใจเรื่องของสภาพแวดล้อมเป็นสำคัญ และจัดการให้ลงตัวกับเงื่อนไขในแต่ละคอนเสิร์ต ซึ่งล้วนแตกต่างกันออกไป

“ปัจจุบันผมทำคอนเสิร์ตคนหัวใจสิงห์ เราไปทำตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และงานนี้ยังมีเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเกี่ยวด้วย บัตรก็ราคาถูกมาก 200 บาท บัตรฟรีก็มี ซึ่งแน่นอนคอนเสิร์ตลักษณะนี้มีโอกาสในการตีกันสูง เพราะในงานที่มีบัตรคอนเสิร์ตสี่หมื่นใบ มีโอกาสที่จะมีวัยรุ่นหัวแถวจากที่ต่างๆ มาร่วมในงานแน่นอน ทีนี้ประเด็นคือที่ยกตัวอย่างคอนเสิร์ตนี้มาเพราะผมทำมา 8 ปี ไม่มีการตีกันเลย เพราะเราวางแผนในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก เราเลือกจัดงานในสเตเดียมหรือสนามฟุตบอลซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด ใช้มาตรการดับเบิ้ลเช็ก คือมีจุดตรวจ 2 จุด จุดแรกคือจุดตรวจอาวุธหนักและอาวุธเบา จุดที่สองคือการตรวจก่อนเข้าไปดูคอนเสิร์ต

ข้อดีของสนามกีฬาคือพื้นเป็นสนามหญ้าไม่มีหิน ไม่มีอิฐ ที่เป็นอาวุธซึ่งจับต้องง่ายและสามารถหยิบมาใช้เป็นมูลเหตุการสร้างแรงยั่วยุในการตีกัน เรามีการกำหนดชนิดของภาชนะที่ใส่น้ำดื่มให้ปลอดภัย มีการปิดกั้นทางออกด้วยรั้วที่แข็งแรงถึง 2 ชั้น ทั้งยังวางกำลังในการดูแลด้วยการ์ดที่ถูกฝึกมาอย่างดีให้พอกับสถานที่ และสามารถทำงานร่วมกันกับตำรวจและทหารได้เป็นอย่างดี และเมื่อทุกอย่างถูกวางมาตรการไว้ดีมันจึงไม่มีเหตุให้ตีกัน ถึงจะเมาแค่ไหนก็ไม่มี กลายเป็นว่าคนที่เข้ามาได้สนุกกันเต็มที่กับงานคอนเสิร์ต เราถึงบอกได้ว่างานที่มีเหตุตีกันมันมาจากสาเหตุของความมักง่าย ไม่มีการวางแผนที่ถูกและมาตรการไม่เข้มข้น ซึ่งแน่นอนว่ามันมีเรื่องของงบประมาณเข้ามาเกี่ยว”

เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

 

จากที่ หนุ่ม-สุรพันธ์ อธิบายให้ได้เห็นโมเดลการจัดงานของเขา เรียกได้ว่าวิธีคิดในการบริหารจัดการและวางมาตรการในงานคอนเสิร์ต ถือเป็นงานที่ปิดทองหลังพระก็ไม่ปาน เพราะหากไม่มีเหตุเกิดขึ้น วิธีคิดเช่นนี้ก็ดูเหมือนไม่มีความสำคัญ เพราะคอนเสิร์ตผ่านไปได้ด้วยดี แต่หากจะมองให้ลึกนี่ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา ซึ่งบางครั้งผู้จัดงานคอนเสิร์ตเองก็ละเลยเรื่องนี้ไป หรือตัดงบประมาณในส่วนสำคัญนี้ให้เหลือน้อยลง

“งานรักษาความปลอดภัยงานคอนเสิร์ตคนจัดงานไม่ค่อยจะนึกถึง ทำให้งานคอนเสิร์ตในบ้านเราเลยเกิดเรื่องตีกันอยู่ตลอด คือคนจัดงานมักจะไปกังวลกับเรื่องว่าโชว์จะดีไหม แสงสีเสียงเป็นยังไงมากกว่า เรื่องความปลอดภัยที่เป็นเรื่องจับต้องไม่ได้มองไม่เห็นมักจะไม่ค่อยห่วงกัน เพราะคิดว่าดูแลได้ แต่พอเกิดเรื่องจริงๆ ก็ตามหาคนรับผิดชอบกัน ซึ่งแบบนี้เรียกว่าประมาท แต่สำหรับเราแต่ละส่วนงานสำคัญหมด เราถึงกล้าพูดได้เต็มปากว่างานคอนเสิร์ตที่จะปลอดภัย งบประมาณ มาตรการ และการจัดการสำคัญมาก แล้วภูมิใจนะถ้าเราจัดงานแล้วคนมาสนุกไม่มีเรื่องไม่มีราว”

หนุ่ม-สุรพันธ์ พูดทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นถึงการแก้ปัญหาตีกันในงานคอนเสิร์ตที่สามารถทำให้เป็นจริงและใช้เป็นโมเดลในการวางแผนจัดการเพื่อพัฒนารูปแบบการดูคอนเสิร์ตของคนไทยในอนาคต ในส่วนของชัยยุทธ์ ลิมลาวัลย์ ผู้บริหารเว็บไซต์คาราบาวดอทเน็ต (www.carabao.net) ผู้ที่มีประสบการณ์กับเหตุแฟนเพลงตีกันในงานของวงคาราบาว ที่พูดถึงความรู้สึกเรื่องนี้ให้ฟัง...

เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

 

“คือเราว่าทุกคนเซ็งนะเวลามีเหตุตีกัน โดยเฉพาะคนที่เก็บเงินเพื่อซื้อบัตรมาดู เพราะถ้าตีกันคอนเสิร์ตก็ต้องยุติ อย่างของวงคาราบาวเองที่ตีกันในงานคอนเสิร์ตก็เป็นวัฒนธรรมของคนบางกลุ่มเท่านั้นเองที่นัดกันมา ซึ่งผมเองไม่ได้มองว่าเรื่องนี้มันแย่จนทำให้วงเสียนะ อย่างคาราบาวเองถึงทุกวันนี้ 35 ปีแล้ว ก็ยังมีตีกันให้เห็นอยู่บ้าง แต่ว่าด้วยตัววงเองก็ยังเล่นคอนเสิร์ตทุกคืน พอตีกันจริงๆ แล้วพี่ๆ เขาก็ไม่อยากจะเลิก อยากจะเล่นให้จบ แต่คือถ้าพวกเขาไม่หยุดมันก็จะมีเหตุที่ร้ายแรงเกิดขึ้น มันเป็นธรรมชาติมากกว่า เราต้องเข้าใจและอยู่กับมันให้ได้ คือการอยู่กับมันหมายความว่าผู้จัดต้องระวังและมีเรื่องของการรักษาความปลอดภัยที่ดี

ทั้งนี้ทั้งนั้นคอนเสิร์ตจะผ่านไปได้ด้วยดี มันอยู่ที่ตัวผู้จัดต้องมีมาตรการที่สามารถควบคุมงานได้ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ตายตัวนะ เพราะคนที่เข้ามาตีกันก็มีการพัฒนาอยู่ตลอด คือมันอยู่ที่จิตสำนึกและพฤติกรรมของคนที่เข้ามา ซึ่งคนที่จะเข้ามาป่วนในยุคนี้พวกนี้มีธงอยู่แล้วว่าเข้ามาเพื่อทำอะไร ไม่เหมือนเมื่อ 10 ปี ก่อนคนตีกันในคอนเสิร์ตคาราบาวคือตีกันจริงๆ เพราะเกิดเหตุจากการกระทบกระทั่งกันในงานแล้วก็จบไป ซึ่งแน่นอนว่าทางผู้จัดก็ต้องพัฒนาเรื่องการรักษาความปลอดภัยตามไปด้วยเพื่อที่จะให้ศิลปินสามารถเล่นจนจบโชว์”

ชัยยุทธ์อธิบายถึงทางออกของปัญหาให้ฟังว่า แน่นอนว่าการจัดคอนเสิร์ตให้ปลอดภัยมิได้มีสูตรสำเร็จ แต่ทว่าผู้จัดเองสามารถวางแผนป้องกันได้ ซึ่งแน่นอนคอนเสิร์ตที่ไม่เสียค่าบัตรโอกาสที่เกิดปัญหาก็จะมีมากกว่าคอนเสิร์ตที่เสียค่าบัตรแพงๆ แต่ถึงแม้จะมีการดูแลความปลอดภัยที่เข้มข้นแค่ไหน ทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าจะมีเหตุด้วยเรื่องอะไร ส่วนสำคัญที่สุดที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ การปลูกฝังวัฒนธรรมในการดูคอนเสิร์ตขึ้นมาใหม่ เพื่อส่งต่อให้กับคนอีกยุคสมัย ซึ่งก็ควรเริ่มกันได้สักที

เลิกเสียที ตีกันในคอนเสิร์ต

 

Thailand Web Stat