พจนารถ-นพดล คู่โค้ช คู่คิด
หากเอ่ยถึงกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช (Jimi The Coach หรือ JTC Group) ในกลุ่มนักบริหารจำนวนไม่น้อยที่คุ้นเคย
โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์
หากเอ่ยถึงกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช (Jimi The Coach หรือ JTC Group) ในกลุ่มนักบริหารจำนวนไม่น้อยที่คุ้นเคยกับ “จิมมี่ เดอะ โค้ช” เป็นอย่างดี โดย “จิมมี่เดอะ โคช้ ” เป็นกลุ่ม บริษัทที่ให้บริการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงขององค์กรทั้งในด้านการพัฒนาภาวะผู้นำการบริหารจัดการทีมงานด้วยเทคนิคและทักษะที่ลากหลายของไลฟ์โค้ช (Life Coach) และเอ็นแอลพี (NLP) เน้นความสำเร็จของผู้บริหารที่จะนำองค์กรและบุคลากรไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน
ไลฟ์ โค้ช เป็นกระบวนการเจาะลึกถึงที่มาของพฤติกรรมมนุษย์และช่วยส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง ส่วนเอ็นแอลพีเป็นหลักสูตร Neuro Linguistic Programing (NLP) ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจในเมืองไทย เป็นศาสตร์ที่ช่วยให้บุคคลสามารถตั้งเป้าหมายและประสบความสำเร็จได้ ด้วยการประสานจิตใต้สำนึกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความคิด ภาษาพูด และภาษากาย ของตนเอง
พจนารถ ซีบังเกิด (โค้ชจิมมี่) เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช ก่อตั้งในปี 2553 จากนั้นในปี 2554 ได้ก่อตั้งสถาบันฝึกทักษะการโค้ช ThailandCoaching Academy (TCA) สถาบันสอนการโค้ชสำหรับประชาชนทั่วไปด้วยทักษะLife Coach ในปี 2554 และล่าสุดในปี2557 ที่ผ่านมาได้ก่อตั้งบริษัท เบ็ทเทอร์ยู เพื่อให้บริการด้านการพัฒนาผู้บริหารระดับต้นและระดับกลางในทุกองค์กร รวมถึงเอสเอ็มอีและบุคคลทั่วไป
ส่วน นพดล ตังวัชรินทร์ (โค้ชนพ)เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นวิศวกรอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะผันตัวเองไปเป็นนักการเงินและผู้บริหารหน่วยงานในสถาบันการเงินหลายแห่งนานถึง15 ปี จนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงและความรอบรู้ในด้านการบริหารองค์กรและวางแผนธุรกิจ โดยสิ่งที่โค้ชนพให้ความสนใจมากที่สุดคือ การพัฒนาบุคลากรเพราะมีความเชื่อว่าองค์กรจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้ ต้องมาจากการมีทีมงานที่มีความเข้มแข็ง ตั้งแต่ปี 2551จึงเข้าสู่สายงานด้านการพัฒนาบุคลากรและองค์กร
“โค้ชจิมมี่” และ “โค้ชนพ” รู้จักกันโดยการแนะนำจากเพื่อสนิทของทั้งสองฝ่าย ด้วยแรงดึงดูดที่มีความเชื่อในสิ่งเดียวกันคือ เชื่อในศักยภาพของคนว่าทุกคนเป็นได้มากกว่าที่คิดว่าตัวเองเป็น
‘นพดลเป็นความภูมิใจของจิมมี่’
โค้ชจิมมี่-พจนารถ ซีบังเกิด ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช (Jimi The Coach Group) กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2553นพดลเป็นคนที่เดินเข้ามาหาด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และปรารถนาที่จะเป็น Executive Coach เหมือนรุ่นน้องที่เดินมาหารุ่นพี่ในวงการ แบบนอบน้อม เปิดใจ และทุ่มทั้งตัวและใจเพื่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง จากคำถามง่ายๆ ตรงไปตรงมาไม่กี่คำถาม “ผมจะเป็นโค้ชผู้บริหารแบบพี่ ผมต้องเริ่มต้นตรงไหน”
หลังจากคำตอบที่เล่ายาวนานแบบหมดเปลือกแต่อาจชัดบ้าง ไม่ชัดบ้างในการรับรู้ของคนฟัง ไม่น่าเชื่อว่าคนหนึ่งคนที่ออกเดินทางด้วยก้าวเล็กๆจากเรื่องราวที่ฟังในมุมหนึ่งของร้านกาแฟ จะพาเขามาได้ไกลขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้นนพดลเป็นความภูมิใจของจิมมี่ เขาเป็นผลิตผลของไลฟ์ โค้ช ที่สวยงามมากเป็นคนที่เปิดใจค้นหาความเป็นตัวตนของตนเองอย่างแท้จริงเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคแห่งการเจริญเติบโตจากภายในก้าวข้ามความกลัว ก้าวข้ามทุกอารมณ์ที่เป็นลบ เอาตัวตนออกมาเรียนรู้เพื่อที่จะสามารถเข้าใจและสัมผัสชีวิตผู้อื่นได้อย่างแท้จริง
เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจากคนที่วิ่งไล่หาความสำเร็จ วิ่งไล่หาการยอมรับจากผู้อื่น จนเกือบจะต้องละทิ้งชีวิตส่วนตัวและครอบครัว เพื่อให้ได้อะไรบางอย่างที่สังคมเรียกว่าความสำเร็จ มาเป็นคนที่อบอุ่น เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และปรารถนาที่จะช่วยผู้อื่นให้ค้นพบตนเอง เข้าใจความต้องการและความสุขที่แท้จริงของตนเอง จนสามารถสร้างเส้นทางแห่งความสำเร็จแบบอิ่มเอมได้อย่างแท้จริง
ทุกวันนี้นพดลก็ยังไม่หยุดเรียนรู้ เขาแข็งแรงและแจ่มชัดในตัวตนขึ้นทุกวัน พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น และดูแลความสัมพันธ์กับคนรอบด้านได้อย่างน่าทึ่ง
‘เป็นทั้งผู้รู้และเป็นทั้งพี่สาวที่เมตตา’
โค้ชนพ-นภดล ตั้งวัชรินทร์ มาสเตอร์โค้ชของกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้พบกับโค้ชจิมมี่ มีโอกาสได้คุยกันแค่สั้นๆ เพราะแกเป็นกรรมการสัมภาษณ์ว่าที่วิทยากรใหม่ให้กับองค์กรแห่งหนึ่งที่โค้ชจิมมี่เป็นผู้บริหารอยู่ พบโค้ชจิมมี่แวบแรกก็รู้สึกว่าอาจารย์คนนี้เท่จัง ย้อมผมขาวด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงความมีเมตตา ความเป็นกันเอง และความไม่ถือตัวที่ทำให้รู้สึกประทับใจมาก
หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกับโค้ชจิมมี่อยู่พักใหญ่เลย เพราะช่วงนั้นกำลังใส่ความสนใจลงไปที่บทบาทของการเป็นวิทยากรจนกระทั่งเริ่มมีความสนใจอยากจะก้าวเข้าส่กู ารเป็นโคช้ ซึ่งช่วงนั้นหาแหล่งความรู้ในเมืองได้ค่อนข้างน้อยมากจึงรวบรวมความกล้าเพื่อให้รุ่นน้องที่รู้จักกับโค้ชจิมมี่นัดพบให้อีกครั้งหนึ่ง โค้ชจิมมี่ก็ใจดีมากตอบรับให้ไปพบเลย
ตอนแรกคิดว่าคงคุยไม่ได้นาน ที่ไหนได้ โค้ชจิมมี่นั่งคุยอยู่ด้วยเป็นชั่วโมงและเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือกว่าควรจะเริ่มเดินทางอย่างไรและควรจะไปเรียนอะไรบ้างเพื่อก้าวสู่การเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ โค้ช (Executive Coach)ซึ่งบอกตามตรงว่าผมไม่ได้รู้สึกเข้าใจ 100% ในคำแนะนำของโค้ชจิมมี่ในวันนั้น แต่ก็บอกกับตัวเองว่า “หากโค้ชจิมมี่สำเร็จได้เพราะเรียนสิ่งเหล่านี้ ก็จงเดินตามซะเถอะ”ผมพูดได้เต็มปากว่าคำแนะนำในวันนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมอย่างก้าวกระโดดเลย ในปีต่อมาผมทำและเรียนทุกอย่างตามที่โค้ชจิมมี่แนะนำจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของกระบวนการ Transformation to Success ผ่านไลฟ์ โค้ช และเอ็นแอลพี ผมไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดเข้ามาร่วมเป็นส่วนในทีมงานมาสเตอร์โค้ชของกลุ่มบริษัท จิมมี่ เดอะ โค้ช ตั้งแต่ปี 2553ถ้าให้พูดถึงโค้ชจิมมี่ ต้องบอกว่าเป็นที่ปรึกษาที่ผมนับถือมากๆ เป็นทั้งผ้รู ้แู ละเป็นทั้งพสี่ าวทเี่มตตามาตลอดโค้ชจิมมี่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่มีจิตใจและมีฝันที่ยิ่งใหญ่ และไม่เคยมีอัตตาถือตัว หรือวางตัวเหนือใคร ผมว่าใครทำให้แกโกรธได้นี่คงต้องพิจารณาตัวเองอย่างแรง โค้ชจิมมี่นี่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง มีแต่ความมุ่งหวังที่จะสร้างสิ่งที่ดีงามให้กับสังคมไทย
ผมรักแกมากเพราะโคช้ จิมมี่ไมเ่คยทำ งานนี้ เพราะมองว่ามันเป็นธุรกิจหรือมุ่งหวังที่จะร่ำรวยจากการทำงานสิ่งเดียวที่แกฝันไว้คือ จะทำอย่างไรให้คนไทยทุกคนมีโอกาสได้สัมผัสกับไลฟ์ โค้ชชิ่ง และมีความแข็งแรงจากภายในตัวเอง เพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ ซึ่งผมเชื่อว่าวันนี้มันเป็นเพียงแค่ก้าวแรกๆของโค้ชจิมมี่และพวกเราทุกคนในจิมมี่ เดอะ โค้ช ที่จะเดินหน้าสู่ความฝันนั้น