เดอะ คอตส์โวลด์ส ย่านหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยบนเกาะอังกฤษ

10 พฤษภาคม 2558

เจ้าของผลงานดัง เฟซบุ๊ก เน็ตเวิร์คชวนตาย และซัมเมอร์ เกาะชะตาฆาต ปองวุฒิ รุจิระชาคร นักเขียนผู้มีผลงานหลากหลาย

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ ปองวุฒิ รุจิระชาคร

เจ้าของผลงานดัง เฟซบุ๊ก เน็ตเวิร์คชวนตาย และซัมเมอร์ เกาะชะตาฆาต ปองวุฒิ รุจิระชาคร นักเขียนผู้มีผลงานหลากหลายแนวทั้งเรื่องสั้น นวนิยายและบทความ ตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 60 เล่ม สำหรับเล่มล่าสุด “ประเทศเหนือจริง” ของแพรวสำนักพิมพ์ วรรณกรรมแนวหมกมุ่นครุ่นคิด ที่พูดถึงการเมืองสังคมไทยในแบบเหนือจริง หากสำหรับ Roads วันนี้ เป็นวันที่ปองวุฒิไม่ได้เขียนหนังสือ แต่แอบหนีไปเที่ยว!

นักเดินทางทุกคนย่อมมีสถานที่ประทับใจติดอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม สำหรับปองวุฒิคือ เดอะ คอตส์โวลด์ส (The Cotswolds) เขตชนบทแสนสงบอันซ่อนตัวในเนินเขาคอตส์โวลด์สของประเทศอังกฤษ ประกอบด้วยเมืองและหมู่บ้านเล็กๆ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของอังกฤษประมาณ 26 แห่ง ห่างจากกรุงลอนดอนเพียงแค่ร้อยกว่ากิโลเมตร

เอกลักษณ์ของแถบนี้คือบ้านที่สร้างจากหินปูนสีเหลืองแกมน้ำตาล มองแล้วคล้ายสีทองหรือสีน้ำผึ้ง ซึ่งหาได้จากบริเวณคอตส์โวลด์สเท่านั้น มองแล้วมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง แตกต่างจากแถบอื่นอย่างเห็นได้ชัด

เดอะ คอตส์โวลด์ส ย่านหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยบนเกาะอังกฤษ

 

วิธีการเดินทางที่สะดวกและเข้าถึงหมู่บ้านใน Cotswolds ได้แบบใกล้ชิดมากที่สุดคือการขับรถเที่ยวเอง อยากหยุดพักตรงไหน เดินซึมซับบรรยากาศได้นานเท่าไรก็ได้ตามแต่ใจ ไม่มีตารางเวลามาคอยบังคับ ตอนวางแผนการเดินทางเขาพยายามเลือกแวะหมู่บ้านต่างๆ ให้มากที่สุด แต่เนื่องจากไม่อยากเร่งรีบจนกลายเป็นชะโงกทัวร์ สุดท้ายจึงตัดใจเลือกเพียงแค่จำนวนหนึ่ง โดยเงื่อนไขแรกที่นำมาใช้พิจารณาคือ ต้องเป็นเมืองและหมู่บ้านหลักที่ใครต่างถือว่า “ต้อง” ไปให้ได้ ส่วนที่เหลือก็เปิดแผนที่แล้วเลือกชื่อเอาตามใจ เพราะถึงยังไงทริปเดินทางด้วยตัวเองมีปัจจัยหลักสำคัญคือความอิสระอยู่แล้ว

หมู่บ้านแรกที่ไปเยือนคือ Lacock อยู่ตรงขอบด้านใต้ของ Cotswolds พอดี หมู่บ้านนี้นอกจากสงบและสวยแล้ว ยังมีสถานที่น่าเที่ยวคือ Lacock Abbey โบสถ์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้าง โบสถ์นี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ภาค 1 และ 2 ในฉากห้องปรุงยาของศาสตราจารย์สเนปด้วย ที่นี่ต้องเสียค่าเข้า แต่มาแล้วไม่น่าพลาดและก็ไม่ผิดหวังเลย ระหว่างทางเดินไปยังโบสถ์มีต้นไม้ใหญ่และหญ้าสีเขียวสดเหมือนป่าขนาดย่อม ให้ความรู้สึกสดชื่นจริงๆ

เดอะ คอตส์โวลด์ส ย่านหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยบนเกาะอังกฤษ

 

จากนั้นไปต่อยังหมู่บ้าน Castle Combe ซึ่งเล็กมากๆ ขนาดเดินแค่ไม่กี่นาทีก็แทบจะทั่วหมู่บ้าน กระนั้นก็ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัว โดยเฉพาะตรงกลางหมู่บ้านที่เรียกว่า The Market Cross เคยใช้เป็นตลาดนัดประจำหมู่บ้าน น่าจะเอาไว้ขายขนแกะเพราะตามประวัติหมู่บ้านนี้เคยเป็นเมืองขายขนแกะมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว รวมถึงไม่มีปราสาทหลงเหลือใน Castle Combe ด้วย นอกจากโรงแรม Castle ตรงใจกลางเมือง

คืนนี้เลือกพักที่เมืองใหญ่ Cirencester เนื่องจากมีที่พักถูกใจและถูกราคาให้เลือกมากกว่า น่าเสียดายที่มาถึงช้า ร้านรวงต่างๆ ทยอยปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็น พอหลังหนึ่งทุ่มทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะเงียบเชียบ แม้กระทั่งถนนสายสั้นๆ ที่โรงแรมตั้งอยู่ ตอนแรกเห็นมีร้านอาหารเรียงราย นักท่องเที่ยวนั่งดื่มกินกันอยู่คึกคักแท้ๆ แต่พอเดินวนไปดูโบสถ์ประจำเมืองได้หน่อยเดียว กลับมาก็พากันปิดหมด

เดอะ คอตส์โวลด์ส ย่านหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยบนเกาะอังกฤษ

 

ไปตามเส้นทางการเดินทาง บอกลา Cirencester ตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปยังหมู่บ้านชื่อว่า Bibury ซึ่งครั้งหนึ่ง William Morris นักเขียนชาวอังกฤษผู้โด่งดังเคยขนานนามไว้ว่าเป็น “The most beautiful village in England” เช้าวันเดินทางฝนปรอยลงมาเป็นพักๆ แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง เพราะเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าอังกฤษมักมีฝนตกลงมาได้ทุกฤดู เขาคิดว่าฝนช่วยทำให้ชนบทอังกฤษดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ขณะเดินไปตามทางที่มีใบไม้สีเหลืองแกมน้ำตาลหล่นร่วง สูดกลิ่นสดชื่นของธรรมชาติและอากาศเย็นประมาณ 10 องศา ช่วยให้ผ่อนคลายสมกับความตั้งใจเลยทีเดียว

สถานที่เที่ยวโด่งดังที่ใครๆ ต่างก็ต้องมาเยือนของ Bibury คือ Arlington Row บ้านหลังน้อยที่เรียงรายกันเป็นทิวแถว บ้านเหล่านี้เคยเป็นร้านขายขนสัตว์มาก่อน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นที่อยู่อาศัย ในฐานะที่ประกอบอาชีพเป็นนักเขียน เห็นแล้วอดอิจฉาเจ้าของบ้านเหล่านี้ไม่ได้ เพราะบรรยากาศแถวนี้ทั้งสวยและสงบ ถ้าหากได้มองวิวธารน้ำสวยๆ ที่ขนานไปตามแนวบ้านอย่างนี้ตลอด คงทำงานอย่างรื่นรมย์มากแน่ๆ

ชมวิวในหมู่บ้านเล็กแต่ความงามเหลือล้นจนเข้าช่วงสวย ฟ้าฤดูใบไม้ร่วงยังหม่นมัว เมืองการค้าอย่าง Northleach ที่เลือกไปเยือนเป็นลำดับต่อมาไม่ทำให้ผิดหวัง Church of St Peter and St Paul เป็นจุดหลักที่ต้องมาเยี่ยมชม ทางเดินโรยกรวดเล็กๆ นำไปสู่โบสถ์เก่าหลังเล็ก ต้องผ่านป้ายหลุมศพที่ตั้งกระจายอยู่ในบริเวณสนามหญ้า บนพื้นเต็มไปด้วยใบไม้แห้งร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่ที่เกือบจะเหลือแต่กิ่งก้าน ให้ความรู้สึกทั้งสวยงาม สงบ และหม่นในคราวเดียวกัน

เดอะ คอตส์โวลด์ส ย่านหมู่บ้านเล็กๆ แสนสวยบนเกาะอังกฤษ

 

อีกเมืองที่แวะในช่วงสั้นๆ เท่านั้นคือ Stow-on-the-Wold ดูจากจำนวนรถที่จอดอยู่บริเวณกลางเมืองแล้ว เมืองนี้น่าจะเป็นจุดหมายท่องเที่ยวของหลายคน ผมเลือกเดินวนรอบเมืองสั้นๆ หนึ่งรอบ ในช่วงฤดูฟ้ามืดค่อนข้างเร็ว จึงมีบางครั้งที่ต้องทำเวลาอย่างช่วยไม่ได้ 

ถ้าให้เลือกว่าชอบหมู่บ้านไหนมากที่สุดใน Cotswolds เจ้าตัวบอกว่า คงเทใจให้ Lower Slaughter บอกเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน แค่เพราะรู้สึกประทับใจหมู่บ้านขนาดย่อมแห่งนี้เข้าอย่างจัง นับตั้งแต่จอดรถใต้ต้นไม้ริมถนนแคบๆ บอกได้ว่าที่นี่สวยมาก อาจเพราะความเรียบง่าย เดินตรงจากถนนที่จอดรถไปอีกหน่อยก็เจอบ้านหินคอตส์โวลด์สอันเป็นจุดเด่นเรียงขนานถนน อีกฟากเป็นทางเดินเลียบบ้านอีกฝั่ง คั่นกลางด้วยลำธาร มีเป็ดแหวกว่ายเป็นระยะ บ้านแต่ละหลังที่เดินผ่านสวยๆ ทั้งนั้น

ที่สุดท้ายในวันนี้คือ Bourton-on-the-Water หมู่บ้านโด่งดังที่สุดในบรรดาเขต Cotswolds ทั้งหมด แวะพักค้างคืนที่นี่ จองห้องพักในโรงแรม Old Manse Hotel เอาไว้ ทำเลดีมาก เพราะอยู่ริมแม่น้ำ Windrush ที่ไหลผ่านเมือง เทียบกับราคาแล้วถือว่าไม่แพงเลย เสียอย่างเดียวไม่มีอาหารเช้าให้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะการเดินหาของกิน ชิมอาหารในเมืองก็ถือเป็นกิจกรรมอันแสนรื่นรมย์อย่างหนึ่ง

Bourton-on-the-Water สมกับเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว ถนนสายหลักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมมีร้านค้าเยอะแยะ แต่ถ้าเดินเลียบแม่น้ำจะมีทั้งร้านชาและโรงแรมแทรกตัวอยู่ตลอดทาง เดินไปจนถึง Model Village ที่จัดแสดงหมู่บ้านขนาดจำลองเอาไว้ เสียดายที่มันปิดก่อน เลยไม่ได้เข้าไปชม ได้แต่เดินเล่นตามร้านค้าต่างๆ แทน

วันต่อมา ช่วงเช้าเดินชมเมืองอีกรอบ แม้ร้านรวงยังไม่เปิดบริการ แต่ Bourton-on-the-Water ไม่เงียบเหงาเลย ระหว่างทางเดินสวนกับนักท่องเที่ยวที่ออกมาเดินรอบเช้าเหมือนกันจำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย

Moreton-in-Marsh เป็นอีกเมืองหนึ่งในวันนี้ที่ขับรถผ่าน อากาศไม่ค่อยเป็นใจนัก เลยทำให้เลือกผ่านเมืองนี้ไปอย่างรวดเร็วเพื่อต่อไปยังหมู่บ้าน Broadway ที่ตั้งของ Broadway Tower หอคอยขนาดเล็กสูงที่สุดในคอตส์โวลด์ตั้งอยู่บนเนินเขาเห็นทิวทัศน์โดยรอบ แต่ระหว่างทางขึ้นเขาหมอกลงจนมองทางแทบไม่เห็น เมื่อมาถึงลานจอดรถทั้งฝนทั้งหมอกก็ล้อมจนไม่เห็นด้วยซ้ำว่าตัวหอคอยอยู่ตรงไหน หลังจากรออยู่สักพักว่าคงไม่เห็นวิวที่ต้องการแน่ เลยต้องเลือกถอยหลังกลับ

พอมาถึงเมือง Chipping Campden ปรากฏว่าฝนหยุดตกชั่วเวลาสั้นๆ ให้พอเดินเล่นได้ จนถึงบ่ายแก่ๆ ก็ขับรถยาวรวดเดียวถึงเมือง Stratford-upon-Avon ที่พักและจุดหมายสุดท้ายในการเยือน The Cotswolds ครั้งนี้

Stratford-upon-Avon เป็นเมืองใหญ่ คึกคักกว่าทุกเมืองที่ผ่านมา มีร้านค้าและห้างถูกใจขาช็อป ค่ำนี้เลยขอเดินซื้อของก่อน พรุ่งนี้ค่อยตะลุยเที่ยวให้ทั่วเมือง เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศดีกว่าวันก่อน ท้องฟ้าเริ่มมีสีสดใสอย่างที่จะเป็นบ้าง จอดรถแล้วเดินเลียบแม่น้ำ Avon เดินข้ามฝั่งเลียบสวนเล็กๆ และแม่น้ำสะท้อนแสงแดดเป็นประกาย บางจุดมีหงส์ว่ายน้ำมาริมตลิ่งให้เต๊ะท่าถ่ายรูปคู่สนุกสนาน จนกระทั่งถึง Holy Trinity Church ก่อนจะเดินเล่นรอบเมืองชมบ้านสวยๆ

เมืองนี้แตกต่างจากหมู่บ้านแถว Cotswolds อื่นๆ ตรงที่มีบ้านทรงทิวดอร์อยู่ใจกลางเมืองด้วย มองแปลกตาไปอีกแบบ แวะเวียนไปบ้านเกิดของกวีชื่อก้องโลกอย่างเชคสเปียร์เป็นลำดับสุดท้าย ใกล้กันมีรูปปั้น The Jetster หรือตัวตลกที่ปรากฏในบทละครหลายเรื่องของเชคสเปียร์ด้วย มีคนแวะมาถ่ายรูปไม่ขาดสาย

เชื่อว่าถ้าพูดถึงภาพฝันเกี่ยวกับชีวิตเชื่องช้าแสนสงบ หลายคนย่อมคิดถึงหมู่บ้านเล็กๆ น่ารักประเภทมองไปทางไหนก็สวยน่ามองไปเสียหมด แถบ The Cotswolds ของอังกฤษนี่แหละเป็นตัวแทนชั้นดี ดั่งฝันที่ปรากฏให้เห็นเป็นความจริงบนผืนพิภพนี้

Thailand Web Stat