รพินพันธ์ คำภู ภูมิใจในความเป็นตัวเอง

21 พฤษภาคม 2558

จากลูกชายคนเล็กของบ้านที่รอบข้างมีแต่ผู้หญิง จนความเป็นหญิงเริ่มไหลวนเข้ามาในชีวิต “อัพ-รพินพันธ์ คำภู” สไตลิสต์อิสระ วัย 30 ปี

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

จากลูกชายคนเล็กของบ้านที่รอบข้างมีแต่ผู้หญิง จนความเป็นหญิงเริ่มไหลวนเข้ามาในชีวิต “อัพ-รพินพันธ์ คำภู” สไตลิสต์อิสระ วัย 30 ปี ผู้ซึ่งในวันนี้สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างชนิดที่เรียกได้ว่า กำแพงระหว่างความเป็นหญิงของเธอกับครอบครัว ได้พังทลายลงไปอย่างชื่นอกชื่นใจ

วันนี้เธอจะมาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตนับตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงเส้นทางการทลายกำแพงที่ก่อกั้นเธอกับครอบครัวให้เราได้รับรู้กัน

“อัพเป็นคน จ.อุดรธานี ตั้งแต่เกิด พระตั้งชื่อให้ว่า ธเนศ คำภู คุณพ่อคุณแม่มีลูก 4 คน เราเป็นลูกคนสุดท้อง โดยเติบโตมากับผู้หญิง เพราะพ่อไปทำงานที่ต่างประเทศนานๆ จะเจอกันที ส่วนพี่ชายคนโตและคนรองก็ไปเรียนที่จังหวัดอื่น อัพก็จะอยู่กับแม่ พี่สาว น้าสาว และลูกของน้าสาวที่เป็นผู้หญิง”

รพินพันธ์ คำภู ภูมิใจในความเป็นตัวเอง

 

เมื่อเข้าโรงเรียนชายล้วน เธอเริ่มมีเพื่อนที่มีความเป็นหญิงอยู่ในตัวเองเหมือนกัน อีกทั้งยังไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้ชาย เพราะเด็กผู้ชายชอบเล่นแรงๆ “เมื่อกลับมาบ้าน ก็ไม่ได้มีจริตจะก้านอะไร เป็นเด็กผู้ชายธรรมดา แต่หากแม่เผลอก็จะจัดเต็มกับความเป็นหญิง ด้วยการแต่งหน้าทำผมนั่นเอง (หัวเราะ)”

พอเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ทุกคนเริ่มสงสัยว่ารพินพันธ์ต้องเป็น “ตุ๊ด” แน่ๆ โดยเฉพาะเพื่อนแม่ที่ชอบมาล้อ แม่เลยส่งเธอไปเรียนศิลปะการป้องกันตัว อีกทั้งส่งไปอยู่บ้านป้าที่มีแต่เด็กผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไร เพราะป้าของเธอเป็นเจ้าของหอพักหญิง นั่นยิ่งทำให้ชีวิตของเธอวนเวียนกับผู้หญิงมากขึ้นไปอีก

“พอเรียน ม.ปลาย เราก็เริ่มสับสนว่าใช่ หรือไม่ใช่ เป็น หรือไม่เป็น แม่กับพี่สาวก็กดดันว่าเราเป็นเด็กผู้ชายต้องมีแฟน เราเลยลองคุยกับผู้หญิง ลองคบกับผู้หญิง และอยู่กับเพื่อนผู้ชายมากขึ้น ตอนเย็นก็เตะบอลกับเพื่อน แต่เวลากลับบ้าน ก็แอบเอาเสื้อของพี่สาวมาใส่เล่น หรือเอาผ้าเช็ดตัวมาทำเป็นชุดเดรสสวยๆ หรือตกดึก ทุกคนนอนหมดแล้ว ก็แอบเอารองเท้าส้นสูงของพี่สาวมาใส่เดินแบบเล่น ถึงแม้มีครั้งหนึ่งที่แม่ดันมาเห็นเข้า แต่เวลามีโอกาสก็จะทำอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ (หัวเราะ)”

รพินพันธ์ คำภู ภูมิใจในความเป็นตัวเอง

 

พอมาเรียนมหาวิทยาลัย รพินพันธ์ก็ยังคงมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่เวลาที่เธอเห็นผู้ชาย เธอต้องแอบมองด้วยความรู้สึกพิเศษอยู่ตลอดเวลา “พอเรารู้ใจตัวเองแล้วว่า เราไม่ชอบผู้หญิง เราชอบผู้ชาย เราไม่ใช่ผู้ชาย เราเป็นตุ๊ด เราเลยบอกเลิกแฟนผู้หญิง เพื่อให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า ที่พร้อมจะดูแลเขาได้ ซึ่งหลังจากนั้น โอ๊ย เต็มที่เลยจ้า เปิดตัวสุดแรงเกิด เป็นตุ๊ดเต็มเหนี่ยวเลย (หัวเราะ) แต่ที่บ้านก็ยังไม่มีใครรู้นะ”

ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มอยากทำงานหาเงิน เธอจึงเริ่มงานเป็นแดนเซอร์ หลังจากนั้นก็มีคนแนะนำให้เธอไปเป็นผู้ช่วยของสไตลิสต์ชื่อดังคนหนึ่ง จนเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็ได้ไปทำงานกับสไตลิสต์ชื่อดังหลายๆ ท่าน จนได้มาเป็นสไตลิสต์อิสระที่มีผลงานโดดเด่นในนิตยสารหลากหลายเล่ม

“เมื่อเราเข้ามาในวงการแฟชั่น เริ่มมีเพื่อนคอเดียวกัน เริ่มแต่งตัวจัด ใช้ชีวิตอย่างเต็มเหนี่ยว ไปเที่ยวสีลม ปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง มีโอกาสครั้งใดก็แต่งหญิงไปเที่ยวซอย เหมือนได้ปลดปล่อยตัวตนที่มีมาตั้งแต่เด็ก จนมีสไตลิสต์ท่านหนึ่งชวนให้เราแต่งหญิงเดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ของสีลม ซอย 2 เหมือนฝันเป็นจริงจ้า เราก็เดินแบบให้พี่เขาแบบสุดใจขาดดิ้น เดินแบบมาได้สี่ห้าปีแล้ว

รพินพันธ์ คำภู ภูมิใจในความเป็นตัวเอง

ขอบอกว่า การแต่งหญิงมันเป็นกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมาก มากจริงๆ ตอนนี้ มีเครื่องสำอางเป็นของตัวเองหนึ่งกระเป๋า มีวิกผมประมาณ 5 หัว และเพิ่งซื้อใหม่มาอีก 2 หัว เวลาซื้อรองเท้าส้นสูงก็ซื้อไซส์เดียวกับตัวเราเอง เพื่อที่ใช้ในงานได้ด้วย ใส่เองได้ด้วย (หัวเราะ)”

ย้อนกลับมาที่ครอบครัว รพินพันธ์ เผยว่า ยิ่งเธอโตขึ้น มีหน้าที่การงานในสายงานแฟชั่น เธอคิดว่าครอบครัวรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นอะไร แต่พวกเขายังคงหลอกตัวเองว่าเธอเป็นผู้ชาย ที่สักวันต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง

“อัพคิดว่าสิ่งที่จะทำให้พวกเขายอมรับอัพได้ นั่นคือ เราต้องสร้างความน่าเชื่อถือและความภาคภูมิใจในตัวเราให้พวกเขาก่อน จากที่เราทำงาน ไม่เบียดเบียนเงินพ่อแม่ จนเรามีเงินมากพอ เราก็เป็นฝ่ายให้เงินพ่อแม่ใช้ บวชเรียนให้พ่อแม่ได้ชื่นใจ แล้วเราก็ค่อยสร้างความคุ้นชินกับสิ่งที่เราเป็น เช่น เวลาคุยโทรศัพท์กับแม่ ก็จะมีบางคำพูดที่บ่งชี้ถึงความเป็นตุ๊ด เพื่อให้เรากับแม่คุยกันประหนึ่งเป็นเพื่อนสาวคุยกัน ไปเป็นเพื่อนแม่ทำเล็บบ้าง ทำผมบ้าง พอแม่เริ่มชิน เวลาเราเป็นตัวของตัวเอง มีกรี๊ด มีแผดเสียง แม่ก็ยอมรับได้ มีขำใส่เราด้วย (หัวเราะ) กับพี่สาว

รพินพันธ์ คำภู ภูมิใจในความเป็นตัวเอง

 

เมื่อเราตัดสินใจบอกเขาแบบตรงไปตรงมา พี่สาวกลับบอกเราว่า เขารู้ว่าเราเป็นตุ๊ดมาตั้งนานแล้ว แค่รอให้เราพูดความจริงออกมาแค่นั้นเอง เราจะเป็นอะไร เขาก็ยอมรับได้ เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย มันโล่งอกโล่งใจไปหมด ส่วนพี่ชายทั้งสองเขาก็ยอมรับเราได้ ไม่มีปัญหา”

ในส่วนของพ่อ รพินพันธ์ เผยว่า เมื่อพ่อกลับมาจากต่างประเทศ เธอยังคงวางตัวเป็นลูกผู้ชายของพ่อ เพราะรู้ว่าพ่อยังรับในสิ่งที่เธอเป็นไม่ได้ “อัพก็พยายามทำ เหมือนที่ทำกับแม่ คุยกับพ่อ เหมือนที่คุยกับแม่ สร้างความคุ้นเคยกับพ่อเหมือนเป็นเพื่อนกัน

แรกๆ พ่อยังปรับตัวไม่ได้ ยังถามว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน เมื่อไหร่จะแต่งงาน จนเมื่อเราซื้อใจพ่อได้ ด้วยการเป็นลูกชายคนเล็กที่สามารถดูแลเขาได้ ทั้งเรื่องเงินและความรักความใส่ใจ เขาก็ยอมรับเราได้ในท้ายที่สุด เล่นหัวกับเราได้ มองเราเป็นเด็กน่ารักๆ คนหนึ่งได้ บางโมเมนต์ก็ทำตัวคิขุใส่เราด้วย (หัวเราะ) เราสามารถพูดพ่อจ๋า ทำเสียงเป็นผู้หญิงกับพ่อได้ จนวันหนึ่ง เราทักพ่อว่า กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ด พ่อก็ตอบกลับว่า กู๊ดมอร์นิ่งครับ แค่นั้นเรารู้เลยว่า กำแพงที่ก่อกั้นเรากับพ่อ มันได้พังทลายลงไปหมดแล้ว”

วันนี้สิ่งเดียวที่รพินพันธ์ยึดถือไว้ในใจคือ ครอบครัวสำคัญที่สุด ไม่มีใครช่วยเหลือกัน แคร์ความรู้สึกกัน ยอมรับกันได้เท่ากับครอบครัวอีกแล้ว “เราทำอะไรให้กับครอบครัวแบบเต็มร้อย สิ่งดีๆ จะกลับคืนมาสู่เราเกินร้อยอย่างแน่นอน และหนึ่งในนั้นคือความสุขใจ ที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้”

Thailand Web Stat