เวมานิกเปรต
ผลกรรมที่เปรตนี้ทำมีเรื่องเล่าในไตรภูมิว่า ในชาติมนุษย์ได้มีเจ้าหน้าที่ตัดสินคดีความ แต่การตัดสินคดีของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม
ผลกรรมที่เปรตนี้ทำมีเรื่องเล่าในไตรภูมิว่า ในชาติมนุษย์ได้มีเจ้าหน้าที่ตัดสินคดีความ แต่การตัดสินคดีของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม
โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม
เปรตนี้ได้แก่เปรตมีวิมาน กล่าวคือเป็นเปรตจำพวกที่มีวิมานเป็นทิพย์ประดับด้วยเงิน ทอง และแก้ว 7 ประการ งดงามเหมือนวิมานของเทวดา และยังมีนางฟ้าห้อมล้อมเป็นบริวารต่างจากเปรตจำพวกอื่น
เวมานิกเปรตจะมีเวลาของภาคกลางวันกับภาคกลางคืนที่ต่างกันสิ้นเชิง กลางวันพวกเขามีร่างกายที่น่าเกลียดน่ากลัว ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ทุกขณะนาทีมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวกายยิ่งนัก จะหาความสุขสนุกสนานสักนิดก็ไม่มี
เป็นเหมือนประหนึ่งถูกต้มในหม้อน้ำร้อนใบใหญ่ เพราะถูกความหิวกระหายบีบคั้นเสียดแทงพวกเขาอย่างหนักหน่วง เพราะไม่มีอาหารกิน จึงต้องเอาเล็บมือของตนที่คมกริบดัง “มีดกรด” ขูดข่วนเกาเนื้อหนังตัวเองกินเป็นอาหาร และดูดกินเลือดหนองในร่างกายแทนน้ำบรรเทาหิวกระหาย
เรียกว่าภาคเวลากลางวันของเวมานิกเปรตมีสภาพ “นรก” ชัดๆ
แต่เวลากลางคืนพวกเขาจะมีภาคเวลาที่สุดแสนวิเศษ คือ พวกเปรตจะมีร่างเป็นทิพย์เสวยสุขสโมสรอยู่ในวิมานของตนโดยมีเหล่าบริวารนางฟ้าห้อมล้อมตลอดทั้งคืน
เรียกว่าต่างจากกลางวันสิ้นเชิง ทว่าความสุขนั้นก็มีอันต้องยุติเมื่อเวลากลางคืนเคลื่อนไปเป็นกลางวัน วิมานทิพย์ประดับประดาด้วยเงินทองในยามกลางคืนก็อันตรธานไปทันที
ความสุขทั้งมวลหายวับไป ความทุกข์ ความเจ็บปวด ความทรมานเข้ามาแทนที่ กายทิพย์ก็เปลี่ยนกายที่น่าเกลียด ทั้งส่งกลิ่นเหม็นเป็นที่สะอิดสะเอียน
เรียกว่าถึงเวลาทุกข์ก็ทุกข์สุดๆ ถึงเวลาสุขก็สุขสุดๆ
การที่เวมานิกเปรตต้องมีวันและคืนที่ต่างกันนั้น เนื่องด้วยผลกรรมของตัวเองที่มีทั้งดีและชั่ว ซึ่งได้ทำไว้ในชาติที่เป็นมนุษย์นั่นเอง
แน่นอนด้วยผลแห่งกรรมดีทำให้เวมานิกเปรตได้มาเสวยความเกษมสุขสำราญในเวลากลางคืนดังชาวสวรรค์ และด้วยผลแห่งกรรมชั่วก็ทำให้ได้เสวยทุกข์โทมนัสในเวลากลางวันดังชาวนรก
ผลกรรมที่เปรตนี้ทำมีเรื่องเล่าในไตรภูมิว่า ในชาติมนุษย์ได้มีเจ้าหน้าที่ตัดสินคดีความ แต่การตัดสินคดีของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม
แต่อยู่บนพื้นฐานของความมีอคติ เพราะความที่ตนเองไปรับสินบนมา ทำให้คนที่ทำผิดถูกตัดสินเป็นคนที่ทำถูก และคนที่ทำถูกตัดสินเป็นคนที่ทำผิด สร้างความเจ็บปวดใจให้คนที่ไม่ได้กระทำความผิด แต่ต้องมารับโทษเพราะการตัดสินที่ไร้ความยุติธรรม
ถึงวันรักษาศีลอุโบสถพระยาผู้เป็นเจ้าเมืองได้นำบรรดาขุนนางและข้าราชการรักษาศีลอุโบสถ (ศีล 8) กันแล้วได้ถามเจ้าหน้าที่คนตัดสินคดีว่าได้รักษาศีลบ้างหรือไม่
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่เคยรักษาศีลเลย ถ้าจะตอบว่าไม่รักษาก็ละอายบรรดาขุนนางและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ทูลเท็จไปว่าตัวเองรักษาอยู่
แต่เพื่อนคนหนึ่งซึ่งนั่งใกล้เขารู้ว่าเขาไม่ได้รักษาศีลอะไร บุญอะไรอื่นก็ไม่เคยทำ จึงพยายามเลียบเคียงถามเพื่อให้รู้ความจริง แต่เขาก็ตอบตามตรงว่าเขาโกหกต่อท่านเจ้าเมือง
เพื่อนคนนั้นจึงบอกเขาว่าถ้าอย่างนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หลังเที่ยงวันไปถึงเช้าอย่ากินข้าวเย็น จงอดข้าวถึงรุ่งเช้าจึงค่อยกินแล้วจะได้บุญ
เขาเห็นด้วยและทำตามเพื่อนบอก ตั้งแต่เที่ยงจึงไม่กินอะไรเลยจนถึงกลางคืน และด้วยเพราะความที่ไม่เคยอดข้าวเย็นมาก่อนเมื่อเข้านอนก็เป็นลมตายในคืนนั้น
เมื่อตายแล้วบาปกรรมที่ทำในการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รับสินบนและตัดสินคดีความไม่เป็นธรรมทำให้เขาเกิดเป็นเปรตได้รับความทุกข์ยากลำบาก อาหารก็ไม่มีกินต้องเอาเล็บมือคมดังมีดกรดขูดเนื้อหนังของตัวเองกินตลอดเวลา
แต่เพราะผลบุญที่ได้ฟังคำตักเตือนจากเพื่อนได้รักษาศีลด้วยการอดอาหารเย็น ซึ่งเป็นการรักษาศีลข้อ 6 (วิกาลโภชนา) จนตัวเองตายทำให้เขามีวิมานประดับด้วยเงินทองและมีนางฟ้าเป็นบริวารในเวลากลางคืน
คนที่มีหน้าที่ตัดสินคดีความตลอดจนคนที่อยู่ในขั้นตอนกระบวนการความยุติธรรมทั้งหลายจะเรียกชื่ออะไรก็ตามต้องระวังให้ดี ถ้าทำคดี ตัดสินคดี แบบมีอคติ รับสินบน ตัดสินไม่เป็นธรรม ต้องระวัง
เพราะคุณอาจจะไม่ได้มีกลางคืนที่สุขสบายอย่างเวมานิกเปรตก็ได้