ดาวเด่นหรือดาวดับ ณ พรมแดง
ก้าวเข้ามาสู่ความเป็นดาว นอกจากจะมีออร่าในตัวเองเปล่งออกมาแล้ว ยังมีแสงแฟลชวูบวาบๆ ส่องอยู่ตลอดเวลา
โดย...นกขุนทอง-วิภาคย์ พูนพันธุ์ ภาพ... วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
ก้าวเข้ามาสู่ความเป็นดาว นอกจากจะมีออร่าในตัวเองเปล่งออกมาแล้ว ยังมีแสงแฟลชวูบวาบๆ ส่องอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลาออกงานใหญ่ เดินสวยเฉิดบนพรมแดงด้วยแล้วล่ะก็ จะหยิบจับชุดอะไรมาสวมใส่สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีชุดสวยดูดีก็ต้องไปหายืมมา และประมาทไม่ได้ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ดัง ราคาแพงหูฉี่ก็ตาม แต่ถ้าใส่แล้วไม่เหมาะกับสรีระของตัวเอง จากที่คิดจะมาเกิดบนพรมแดงอาจจะต้องดับแดดิ้นไป
บนพรมแดงหรือจะพรมสีอะไรก็แล้วแต่คอนเซ็ปต์งาน เพราะในงานประกาศผลรางวัลประจำปีขององค์กรต่างๆ นั้น เปรียบเสมือนเวทีแจ้งเกิดอีกครั้งของเหล่าศิลปินดารา อย่างตัวเด่นพระเอกนางเอกแน่นอนว่าถูกจับจ้องอย่างรอคอยอยู่แล้ว แต่สำหรับตัวรอง ตัวประกอบ หรือนักแสดงรุ่นใหม่ รวมไปจนถึงนักแสดงที่หายหน้าหายตาไปจากจอ บนเส้นทางแห่งนี้ให้เขาได้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง บางคนก็มาสวยสง่า มีผลงานใหม่ ธุรกิจใหม่ มีเรื่องราวให้ได้ถามไถ่จนเป็นข่าว ทว่าบางคนก็ใช้อาภรณ์เครื่องนุ่งห่มกายนี้แหละเป็นตัวพรีเซนต์ดึงความสนใจเรียกแสงแฟลชให้วูบวาบ และมักจะเป็นภาพที่ออกมาแล้ว ไม่เปิดบนก็แหวกล่าง เห็นเนื้อหนังมังสาแบบทะลักล้น
เสื้อ ผ้า หน้า ผม พร้อม
เรื่องชุดการแต่งกายมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาไม่เว้นสักงาน ดังนั้นศิลปินนักแสดงต้องพร้อมตั้งแต่หัวจรดเท้า จะมางานแบบไก่กาขำๆ ไม่ได้ เพราะนอกจากเป็นการให้เกียรติงานแล้ว ยังต้องแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ “สง่า” “สวย” “เซ็กซี่” จะมาเด่นทางไหนนั้น ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า เลือกชุดให้ “เหมาะ” กับตัวเอง
“ฐิตารีย์ วาณิชวัฒนากุล” สไตลิสต์ฟรีแลนซ์ มองว่า การแต่งตัวออกงานของคนบันเทิงในตอนนี้มีพัฒนาการที่ดีหากเทียบกับ 5-10 ปีก่อน ที่ชุดจะแบ่งเกรดได้อย่างชัดเจน มาสวยเรียบหรู สง่า สวยใส คือ นางเอก เซ็กซี่ คือ ดาวร้าย เสมือนการหลุดออกมาจากจอแก้ว หรือชุดที่อลังการ มีรายละเอียดเยอะหน่อย เป็นจุดดึงดูดสายตา มักเป็นนักแสดงดาวรุ่ง แต่ตอนนี้นักแสดงแต่งตัวอิสระมากขึ้น และเน้นคาแรกเตอร์จริงๆ ของตัวเองออกมา
“ถ้านักแสดงที่มีสังกัด มีผู้จัดการ ตรงนี้เขาจะมีคนช่วยดูแล มีคนสอนในเรื่องการแต่งตัวให้ มีกำหนดลุคให้ ซึ่งบางคนก็สวยเป๊ะมาก บางคนก็พลาด มีให้เห็นประจำ ที่พลาดกันส่วนมากคือ ต้องการเน้นความเซ็กซี่มากเกินไป คือผู้หญิงทุกคนมีความเซ็กซี่อยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่บางคนดึงจุดนั้นออกมามากเกิน ใช้ชุดที่ดูเซ็กซี่ประจวบกับการโพสท่าด้วยก็เลยโชว์มากเกินไป นักแสดงบางท่านเขามีการเซฟตัวเอง ทั้งจุกปิด กางเกงรัดรูป เซฟด้วยการตัดเสื้อพอดีตัวไม่หลวม บางคนยืมชุดมาบางแบรนด์ไม่ได้เอาชุดเข้าตามรูปร่างให้ ตรงนี้ก็ทำให้ชุดที่ดูสวยพลาดได้ ที่จริงการแต่งตัวไปงานนั้นไม่ยากเลย แต่งตัวให้เข้ากับธีมงาน รู้สรีระของตัวเอง ใส่แล้วมั่นใจ ชุดที่อยู่บนตัวเราได้คือเราเลือกแล้ว ไม่มีใครมาบังคับจับเราใส่ได้ ดังนั้นชุดที่ใส่จะบ่งบอกรสนิยมของผู้ใส่เอง”
ถ้ายังจำกันได้ หลายงานมีนักแสดงแต่งตัวหวือหวามาออกงาน เรียกว่าเห็นแทบจะทั้งหมดของของสงวนไม่ว่าจะบนหรือล่าง แต่ตอนนี้ “เด่น” ไม่จำเป็นต้อง “โป๊” และยังสามารถ “เซ็กซี่” ได้อย่าง “สง่า” ด้วย
“เรื่องการแต่งโป๊ขึ้นอยู่กับรสนิยม แล้วเราต้องยอมรับว่าคนไทยเสพกับข่าวแบบนี้ บางคนอยู่ในช่วงขาลงก็อาศัยการแต่งตัวแบบนี้เรียกความสนใจ อย่างฮอลลีวู้ดถ้าเขาจะโป๊ของเขาโป๊ไปเลยนะ แต่บ้านเราเล่นแนวผ่าแล้วยกขาหรือก้ม เป็นแนวนี้แล้วบอกก้าวพลาด โพสต์พลาด เป็นข้อแก้ตัวกันไป จริงๆ ชุดราตรีเป็นชุดที่เน้นความเซ็กซี่ได้อยู่แล้ว อย่างใส่เกาะอกก็ดูดีโดยไม่จำเป็นต้องดันจนล้น การผ่าเว้ากระโปรงก็ดูหรูได้โดยไม่โป๊ ตอนนี้ดาราไทยแต่งตัวดูดีมากขึ้นและตอนนี้มีดีไซเนอร์ไทยมากขึ้นการหยิบยืมชุดจากคนที่สนิทกัน มีการออกข่าว ลงรูปในอินสตาแกรมให้เครดิต หรือมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนค่อนข้างที่ให้ดาราหาชุดใส่ไปงานง่าย แล้วเทรนด์ตอนนี้ก็เน้นเรียบหรู ดูเซ็กซี่แต่สง่า ชุดดูไม่มีอะไรมากแต่ดูแล้วเด่นจัง มองแล้วสวยสง่า หน้าผมเป๊ะ เครื่องประดับพร้อม เรียกว่าขาดอะไรไปไม่ได้ ไม่เหมือนแต่งชุดไพรเวทที่จะขาดอะไรไปสักอย่างก็ได้”
คัดแล้วคัดอีก ต้องเป๊ะเท่านั้น
มาดูกันว่าเหล่าสาวสวยในวงการบันเทิง เวลาออกงานแต่ละครั้งให้ความสำคัญกับการเลือกชุดมากแค่ไหน ถึงขนาดที่ว่าใส่ชุดเดิมก็ไม่ได้ หรือใส่ชุดเหมือนกับคนอื่นยิ่งไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถูกวิจารณ์ยับและยังถูกจับเปรียบเทียบ
สาวหน้าหวาน ที่มักได้รับบทบาทผู้น่าสงสาร เรียบร้อย “พลอย-ภัทรากร ตั้งศุภกุล” ที่วันงานเปิดวิกบิ๊ก 3 ได้เลือกชุดจากร้านมีปัญญา ทองหล่อ 25 ซึ่งสนิทสนมกันและใส่ชุดร้านนี้ออกงานหลายงานแล้ว
“เลือกร้านนี้เพราะดีไซน์สวย คัตติ้งเป๊ะ ช่วยเก็บหุ่นให้รูปร่างเราดูดีขึ้น ที่ผ่านมาเคยลองของที่อื่น แต่มาลงตัวกับร้านพี่อู๋ เพราะแฟชั่นเปลี่ยน ความชอบของพลอยก็เปลี่ยนตามไปด้วยค่ะ เมื่อก่อนแต่งแนวฟรุ้งฟริ้ง ตอนนี้อยากปรับลุคให้ดูโตขึ้น อย่างชุดนี้อยากได้ความเรียบหรู ดูเรียบร้อย”
พลอยให้ความสำคัญกับการแต่งตัวมาก ถ้าไม่มีการฟิตติ้งก่อนออกงานไม่ได้เด็ดขาด “ทุกคนกลัวพลาดแน่นอน เพราะทุกคนต้องสวย แต่ถ้ามีที่ปรึกษาที่ดี หรือมีพี่คอยช่วยมันก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย อย่างไปบอกพี่อู๋ยืมชุดหน่อย พี่เขาก็จะพาไปฟิตติ้งไปลองให้เหมาะกับเรา ลองมาสามชุดมาลงตัวชุดนี้ ตอนแรกมีสีชมพู แต่พี่เขาบอกว่าพลอยใส่สีชมพูบ่อยแล้ว วันนี้เครื่องประดับน้อย เพราะพลอยเป็นคนไม่ชอบเครื่องประดับ คือเราเยอะที่ชุดแล้ว งานแบบนี้จะไม่เคยพลาด แต่จะพลาดงานที่ไม่น่าพลาด อย่างไปงานอีเวนต์ที่วัดแล้วติดขนตาแน่นมาก ซึ่งมันก็ไม่เหมาะกับงานวัดตอนเช้า บางทีเราหน้าแน่นไปอะไรแบบนี้มันจะดูแปลก แต่ถ้าตอนกลางคืนมันสวยค่ะ”
ด้าน “ว่าที่ ร.ต.หญิง พิมดาว พานิชสมัย” หรือ “มัดหมี่” เผยถึงชุดที่ใส่ออกงาน มีเจ้าประจำคือแบรนด์ Asawa ของหมู-พลพัฒน์ อัศวประภา เพราะชื่นชอบในการดีไซน์สวยและเก่ง ชุดที่สวมใส่ส่วนใหญ่จะเน้นสีที่ขับผิวให้ผิวดูสว่างขึ้น เช่น สีครีม และกว่าจะลงตัวลองถึง 3 ชุดด้วยกัน
“เบลล่า-ราณี แคมเปน” มาในชุดสีแดงสด จากร้านธิภาแบรนด์ เป็นชุดที่เบลล่าตั้งใจเลือกเอง ก่อนหน้านี้ใส่ราตรียาวออกหลายงานแล้ว ครั้งนี้เลยขอใส่เดรสสั้นบ้าง ทุกชุดเลือกเองใส่แล้วมั่นใจทุกชุด ไม่กลัวโดนวิจารณ์ เพราะไม่เน้นโป๊อยู่แล้ว
นางเอก “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” ที่ออกงานระยะหลังปรับลุคจากเรียบร้อย มาดูเซ็กซี่นิดหนึ่ง แต่ยังไม่หลุดลุคเรียบร้อยหากแต่เพิ่มความโก้หรู ดูมีอะไรให้น่าค้นหามากขึ้น “ไม่ได้ปรับลุค เราเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่ได้หวานตลอดเวลา หวานอย่างเดียวเดี๋ยวเลี่ยน มันก็ต้องมีเปรี้ยวบ้าง ก็เซ็กซี่นิดหนึ่ง มันแล้วแต่อารมณ์และความชอบของเราในเรื่องของการแต่งตัว เราคงไม่ได้เซ็กซี่มาก ไม่ได้ผ่าหรือโป๊มาก ปนๆ กันมากกว่า”
ส่วนนางร้าย “เนย-โชติกา วงศ์วิลาศ” ที่จะชินตากันในละครกับการแต่งตัดจัด หน้าตาปากสีมาเต็ม แต่พอถึงเวลาออกงานก็สวยน่ารักหลุดบทบาท “ในละครเราแต่งหน้าแต่งตัวเยอะแล้ว ก็เลยอยากแต่งหน้าโทนใสๆ ให้ดูซอฟต์ลงไปหน่อย เนยไม่มีห้องเสื้อประจำ มีสไตลิสต์หามาให้แล้วเราช่วยเลือกอีกที ก็ลองกันหลายชุด เลือกให้พอดีตัวใส่แล้วมั่นใจ เพราะเวลาออกงาน เราได้เจอคนเยอะ คนคาดหวังว่าจะเห็นเราสวย อีกอย่างเป็นการให้เกียรติงานด้วย ต้องแต่งตัวมาให้โอเคที่สุดเท่าที่จะหาได้ แต่ละงานเนยไม่ได้ฟิกซ์ว่าจะต้องหวานหรือเซ็กซี่ พยายามให้ดูหลายๆ ลุค จะได้สนุกกับการแต่งตัว”
แป้ก หรือ สวยปัง
มนัสพร อัมพรพฤติ หรือที่รู้จักกันในนาม style opie ได้วิจารณ์ชุดที่เหล่านางเอกใส่มาร่วมงานเปิดวิกบิ๊ก 3 มาดูกันว่าใครแป้ก หรือสวยปัง
คริส หอวัง หลังๆ เขาดึงเอาความเซ็กซี่ออกมาแต่ไม่โฉ่งฉ่าง เซ็กซี่แบบสะดุดตา ยิ่งเขาเป็นพรีเซนเตอร์ชุดชั้นในยี่ห้อหนึ่ง จะเห็นเขาใส่ชุดที่เผยให้เห็นสัดส่วน โชว์หน้านิดหนึ่ง หลังเยอะหน่อย รู้สึกได้ว่าเซ็กซี่น่ามอง
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ เขาสามารถดึงจุดเด่นของตัวเองออกมาได้ ชุดดูเรียบหรูดูแกลม ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเยอะก็ออกมาดูสวยโดดเด่น โชว์เนินอกนิดหนึ่งชุดยาวเข้ารูปสวยเลย
คิมเบอร์ลี่ ชอบที่หน้าผมไปกับชุด ชุดสวยดี หน้าผมก็ดูน่ารัก ชุดมีลุคที่ดูเหมาะสมกับเขา
ญ่าญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์สวยเรียบหรู ก่อนหน้านี้เขาจะแต่งตัวน่ารัก ตอนนี้เล่นโตขึ้นก็ไปทางสวยเรียบหรู แล้วพอเขาอยู่ในชุดบุคลิกเขาก็ไปทางนั้น แตกต่างจากตอนที่เขาอยู่ในชุดไพรเวท
จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา คิดว่าเขาเป็นคนคมหน้าสวย หน้ากินขาด การเลือกชุดดำเหมาะกับเขาแล้ว ยิ่งขับให้ดูแนวสวยคมเฉียบ แต่รู้สึกขัดนิดหนึ่งตรงที่ชุดดำเรียบหรูไม่ควรเป็นชุดยาวที่บานตรงปลาย น่าจะเป็นทรงตรงๆ แข็งๆ จะทำให้ดูโดดเด่นขึ้น
มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน รู้สึกว่าน้องสวยมาก ใส่เรียบๆ ก็โอเคแล้ว แต่ชุดนี้ดูแล้วเหมือนตัวชุดพยายามสร้างคาแรกเตอร์บางอย่างให้กับน้อง ชุดดูไม่เข้ากับบุคลิกของเขา ทำให้ดูมีอายุ ชุดดูเหมือนชุดแต่งงานโบราณ มันดูตันๆ ไปหมด
ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา ชุดดูเยอะไปนะ มีความพยายามให้ดูแกลม ยิ่งทำให้ดูเยอะ ตรงแขนตรงเอวมีเลเยอร์เป็นสไตล์ออกแนวโมเดิร์นมากๆ แล้วเสื้อกึ่งๆ ทรงอลงการ์ พอมาอยู่ในตัวลิเดียซึ่งเขาตัวเล็ก เสื้อท่อนบนมาใหญ่ มีดีเทลหวานๆ ที่อยู่บนชุดทรงอลงการ์มันเลยดูเยอะ ท่อนบนดูตัน
มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า ทำให้นึกถึงชุดแต่งงาน ชุดนี้ให้ความรู้สึกไม่รู้ว่าน้องจะสื่อมาอารมณ์ไหน ทางเลิศหรู น่ารัก มันก็ดูไม่ชัดในสไตล์ที่เขาจะพรีเซนต์ พอแต่งออกมาดูเป็นชุดแต่งงาน มาร์กี้เขามีหลายลุค น่ารัก เท่ สวยก็ได้ แต่ชุดนี้มันไม่ชัดสักทาง
ท้ายสุด style opie แนะนำว่า “ผู้หญิงเราที่เป็นตัวของตัวเองสำคัญที่สุด รู้จุดเด่นแล้วดึงออกมาได้ ตั้งโจทย์ในการเลือกเสื้อผ้าให้ถูกต้อง ถ้าตั้งโจทย์ฉันจะต้องโดดเด่นกว่าใคร อาจจะลืมคิดถึงสไตล์ของเรา จากประสบการณ์ถ้าดาราแต่งตัวไปงานแล้วพลาดคือ เขาพยายามที่จะเด่นกว่าคนอื่นๆ แต่บางทีมองข้ามความเป็นตัวเอง อย่างใส่ชุดที่มันเด่นแต่บุคลิกเราไม่ใช่แบบนั้น คนดูเขาฟีลลิ่งได้”