สัญชาตญาณ คือ เหตุผลที่ยังอธิบายไม่ได้
ในอดีตเรามักมองเรื่องของสัญชาตญาณเป็นเรื่องราวของความเชื่อ
ในอดีตเรามักมองเรื่องของสัญชาตญาณเป็นเรื่องราวของความเชื่อ เป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้หรือเป็นเรื่องที่ออกแนวซิกท์เซนส์ ไสยศาสตร์นิดๆ ประมาณว่าถ้าใครเชื่อเรื่องสัญชาตญาณก็ดูจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไหร่
ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยสปีชีส์ของมนุษย์เราที่มีวิวัฒนาการต่อเนื่องมานับแสนนับล้านปี เรามี “องค์ความรู้” ที่ตกค้างอยู่ในสมองและ DNA ของเรามากมายจนเราเป็นเหมือนเครื่องมีอตัดสินใจเคลื่อนที่ แต่ปัญหาก็คือ มนุษย์ยุคปัจจุบันมองข้ามปัญญาหลายๆ ประเภทที่ติดตัวเรามา เพราะเราถูกหล่อหลอมให้เชื่อเหตุผลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นสำคัญ
แต่ในปัจจุบันกระแสกำลังทวนกลับอย่างน่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ๆ หันมาศึกษาเรื่องสัญชาตญาณกันมากขึ้น ส่งผลให้มีเปเปอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาเรื่อยๆ และทำให้เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่เราน่าจะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เมื่อใดก็ตามที่ “สัญชาตญาณบอก” เราก็ควรฟังบ้าง แม้บางหนจะเป็นฟังหูไว้หู แต่หลายๆ คนก็ควรฟังอย่างจริงจังเลยนะคะ
ล่าสุดข้อมูลจาก คุณหมอจูดิธ ออร์ลอฟ (Judith Orloff, M.D.) ที่ศึกษาและให้คำปรึกษาคนไข้ในเรื่องของการใช้สัญชาตญาณช่วยในการตัดสินใจที่ชาญฉลาดขึ้นนั้น เธอบอกประโยชน์ของสัญชาตญาณว่า เป็นเหมือนอีกแหล่งข้อมูลหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการใช้ประกอบข้อมูลการตัดสินใจสำคัญๆ ครั้งใหญ่ๆ ในชีวิต เช่น การเลือกคู่สมรส การเลือกสาขาที่เรียน การเลือกที่ทำงาน แม้กระทั่งการเลือกซื้อบ้านและการเลือกเดินทางไปพักผ่อนที่ไหนๆ
สิ่งที่เธอมักแนะนำคนไข้ก็คือ ให้สังเกต “ร่างกาย” ของตัวเองว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองกับ คน/สถานที่ อย่างไรบ้าง โดยร่างกายของเรานี่ละที่เป็นตัวให้ข้อมูลสะท้อนกลับที่แม่นยำที่สุดแห่งหนึ่ง หากเรา “ฟัง” เป็น เราก็จะตัดสินใจได้ฉลาดขึ้น ยกตัวอย่างหากเป็นบุคคล ขอให้เราลองสังเกตร่างกายตัวเราดังนี้
สัญชาตญาณเชิงบวก
- ความรู้สึกสบายๆ รู้สึกคุ้นชิน รู้สึกเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
- หายใจโล่งสบาย หน้าอกและช่องท้องผ่อนคลาย จิตใจผ่อนคลายสบายๆ
- เราพบว่าตัวเองโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่าย ไม่กอดอกและเคลื่อนตัวออกห่างโดยไม่รู้ตัว
- หัวใจเราเปิดกว้าง รู้สึกปลอดภัย มีพลังงานดีๆ ในหัวใจ รู้สึกมีชีวิตชีวา
- หากอีกฝ่ายมาโดนตัวเรา จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม เราไม่สะดุ้งหนีหรือตกใจ ไม่รู้สึกแปลกๆ เมื่อโดนสัมผัส กลับรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย
สัญชาตญาณเชิงลบ
- ความรู้สึกมวนท้อง ปวดท้อง เกร็งในช่องท้อง เป็นความไม่สบายในท้องแบบลึกๆ และอธิบายไม่ได้
- ขนตามลำตัวลุก ขนแขนหรือขนขาลุกในลักษณะหวาดระแวงหรือหวาดกลัว
- กล้ามเนื้อหัวไหล่เกร็งแข็งตึง กล้ามเนื้อลำคอเกร็ง คอแข็ง รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว
- ขนที่ลำคอด้านหลังตั้งหรือชันโดยไม่มีเหตุผล
- รู้สึกถึงความไม่มีพลังงาน รู้สึกซึมเศร้า หรืออารมณ์สีดำ มืดๆ แบบอธิบายไม่ได้เช่นกัน
การสังเกตอาการเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า เราควรรีบด่วนตัดสินใจว่าคนคนนี้ไม่ดี หรือ สถานการณ์นี้ไม่ดี เพราะนี่ก็คือเพียงอีกแหล่งข้อมูลเท่านั้น สิ่งที่เราควรทำคือ นำข้อมูลที่ได้มาจากการสังเกตอีกฝ่ายและร่างกายตัวเอง แล้วเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ของสมองเราอีกทีหนึ่ง เช่น เรารู้สึกแปลกๆ กับเขาเพราะอะไร อาจรู้สึกไม่สบายใจเพราะเรากำลังจะเริ่มป่วยหรือไม่ รู้สึกเกร็งเพราะตัวเราเองทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เยอะไปไหมสัปดาห์นี้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เราควรค่อยๆ คิดและตัดสินใจ
ประเด็นก็คือ อย่ามองข้ามปัญญาด้านนี้ เพราะนี่ก็คือระบบหนึ่งที่สมองสร้างมาให้เราใช้งานเช่นเดียวกับระบบการคิดที่มองเห็นและจับต้องได้ง่ายกว่าเช่นกัน
หนูดีเองพบว่า เมื่อใดก็ตามที่หนูดีเริ่มหาข้ออ้างให้คนอีกคนหนึ่ง เช่น
แหม เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย
ไหน ลองให้โอกาสเขาอีกทีซิ
จริงๆ เขาก็โอเคนะ
เราคิดมากไปเองมั้ง
ประโยคเหล่านี้นะคะ หลุดมาทีไร หลังจากนั้นไปสักพักได้เรื่องทุกที และวันหนึ่งหนูดีก็เลยนั่งลงมองพฤติกรรมการตัดสินใจของตัวเองแล้วพบว่า ข้อมูลจากสัญชาตญาณมารอหนูดีอยู่แล้ว แต่หนูดีเองที่ผิด ที่ไม่เชื่อ ที่มองข้าม ที่บอกว่า เราคิดมากไปเอง เพราะทุกอย่างที่อยู่บนกระดาษนั้นดูดีมากเกี่ยวกับคนคนนี้ แต่เราต้องไม่ลืมว่า ปริญญา หน้าที่การงาน และฐานะทางสังคมใดๆ ก็ตามเป็นสิ่งที่พวกเราจำนวนมากถูกฝึกมาให้มอง แต่มันไม่ได้บอกว่า ลึกๆ แล้วคนคนนั้นเป็นคนอย่างไร โดยเฉพาะอาชีพที่น่าเชื่อถือในสังคมจะได้เปรียบมาก เช่น ครูบาอาจารย์ แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่มีครูที่ล่วงละเมิดเด็ก และแพทย์ที่ฆ่าภรรยาตัวเอง เพราะในหนึ่งอาชีพมีคนเป็นล้านๆ คน ตัดสินกันเพียงผิวเผินโดยไม่มองคนตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง มีแต่จะนำอันตรายมาให้ตัวเราเอง
หากใครอยากทดลองทำดูเพื่อเรียนรู้ให้เข้าใจในแบบของตัวเอง ก็มีแบบฝึกหัดฝากไว้ให้ลองเล่นดูค่ะ
ลองหยิบเหตุการณ์ หรือคนคนหนึ่งในชีวิตตอนนี้ขึ้นมาเลย แล้วใช้แบบทดสอบข้างบนสังเกตตัวเราดูสิว่า รู้สึกอย่างไร
หากเป็นเรื่องของ Vacation การท่องเที่ยว ลองดูสิคะว่า วางแผนไปประเทศนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ล่าสุดหนูดีวางแผนจะไปเที่ยว “เปรู” คนเดียว ตอนแรกคึกคักมาก เช็กไปเช็กมาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ได้ไปอาจไม่ได้กลับ ในที่สุดเปลี่ยนแผน ไปเกาะวิกตอเรีย พายเรือคายักออกทะเลดูปลาวาฬเพชฌฆาตกลับสบายใจกว่ามาก ด้วยความปลอดภัยของสองประเทศที่แตกต่างกัน
หรือเรื่องคน ลองลิสต์ดูสิคะว่า ความรู้สึกของเราบอกอะไรเราบ้างเกี่ยวกับคนคนนี้ ร่างกายไม่เคยหลอกเราหรอกค่ะ มีแต่เรานั่นละที่มักหลอกตัวเอง
สัญชาตญาณอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกสิ่ง แต่ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้ ลองฝึกสังเกตดูนะคะ เพื่อการตัดสินใจที่มีข้อมูลครบรอบด้านมากขึ้นในอนาคตค่ะ