posttoday

กาแฟ...กลิ่นหอมของการค้นหา

05 กรกฎาคม 2558

ตอนเปิดร้าน Cafe at ease โบว์ตั้งใจรวบรวมชาจากทุกๆ มุมโลกมาไว้ในร้าน เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ดื่ม

โดย...มนต์ริสสา ลีนุตพงษ์ เรียบเรียง ปอย

ตอนเปิดร้าน Cafe at ease โบว์ตั้งใจรวบรวมชาจากทุกๆ มุมโลกมาไว้ในร้าน เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ดื่ม ก็ทุ่มเทค้นคว้าเรื่องราวของชาไว้หลายๆ กลิ่น หาความรู้เรื่องชาจากหลายๆ แหล่ง แต่ในที่สุดเราคนไทยก็ปฏิเสธกาแฟไม่ได้นะคะ คนไทยเราติดกาแฟค่ะ ก็ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ๆ อีกครั้ง ทั้งๆ ที่โบว์ไม่ดื่มกาแฟเลย แต่เมื่อเราเปิดร้านเครื่องดื่มก็ย่อมต้องการเสาะแสวงหาสิ่งดีที่สุดสำหรับลูกค้าของเรา

จึงต้องเริ่มไปเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่เรียนวิชาชงกาแฟก่อนเป็นเรื่องแรก และเรียนรู้เกี่ยวกับเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด ว่าแตกต่างกันอย่างไร?

แล้วในที่สุด โบว์ก็ได้เลือกกาแฟหอมละมุนที่สุดในรสนิยมของเรานะคะ คือเอสเปรสโซ่เบลนด์ ตัวที่โบว์ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ได้รับคำชมจากลูกค้ามากๆ ทั้งคนไทย ฝรั่งเศส อิตาลี นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นลูกค้าหลักของร้านเรา เขาก็น่าจะดื่มกาแฟกันมาหลายๆ แห่งแล้ว ก็บอกว่า กาแฟที่ร้านดื่มแล้วไม่ขื่นคอ ไม่มีรสเปรี้ยว หรือ acidic เนื่องจากความดันในการสกัดกาแฟสูงมากเกินไป ไม่มีกลิ่นไหม้ขมค้างคอจากการคั่วเมล็ดเลยค่ะ ซึ่งกว่าโบว์จะเจอยี่ห้อนี้ก็ค้นหามานานค่ะยอมรับว่าก็เลือกจากเวทีที่ประกวดเมล็ดพันธุ์กาแฟ แล้วตัวนี้ก็ได้รางวัลมา

กาแฟ...กลิ่นหอมของการค้นหา

 

โบว์ก็เลือกจิบ เลือกชิมไปเรื่อยๆ ค่ะ ชิลๆ ไม่เร่งรีบอะไร อาจเพราะโบว์ไม่ใช่คนดื่มกาแฟด้วยจึงไม่มี drive-แรงขับเคลื่อนในเรื่องนี้ แต่เมื่อมีโจทย์ว่าในร้านต้องมีกาแฟแล้วนะ ก็เริ่มค้นหากาแฟตัวไหนดีที่สุด ซึ่งก็วัดกันยากมาก โบว์เปรียบเทียบเหมือนกับหนังแอ็กชั่นกับหนังโรแมนติก ซึ่งก็แล้วแต่รสนิยมของเจ้าของร้านด้วยนะคะ บางร้านอาจมีกลิ่นถั่ว หรือกลิ่นเบิร์นหนักๆ ไหม้ๆ โบว์เลือกกลิ่นฟรุตตี้หอมอ่อนๆ ค่ะ

การเรียนรู้เรื่องต่อมา คือ การเรียนเรื่องชง เรียนตั้งแต่เรื่องอุณหภูมิน้ำที่เลือกใช้ เครื่องบด-ชงกาแฟแบบไหนดีที่สุด ตอนนี้ร้านเกือบ 2 ปีแล้ว ก็ได้ประสบการณ์เพิ่มมาอีกนะคะว่าการทำร้านกาแฟจะหมุนเวียนปรับเปลี่ยนพนักงานกันบ่อยๆ มากๆ เลยค่ะ เครื่องโปรที่ใช้ง่ายดายที่สุด จึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่สุดอีกด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างคือการเรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ทั้งสิ้นค่ะ  

ตอนเรียนแฟชั่นจบจากอังกฤษ โบว์ทำเสื้อคอลเลกชั่นแรก Skin On Skin by Monrissa และคอลเลกชั่นอื่นๆ จนเป็นที่รู้จักในแวดวงแฟชั่นว่าเราค่อนข้างอาร์ต เป็นดีไซเนอร์หัวศิลป์ แล้วพอมาทำร้านกาแฟ โบว์ก็มองนะคะว่าเครื่องดื่มก็คืองานศิลปะอีกแขนงหนึ่ง

จึงไปเรียนรู้อีกเรี่อง คือ ลาเต้อาร์ต เพิ่มเติมค่ะ ตกแต่งลวดลายกาแฟเป็นรูปต่างๆ น่ารักๆ ดูสนุกง่ายๆ นะคะ แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นงานละเอียดที่ต้องใช้ทั้งทักษะสูง และการฝึกฝนฝีมือเยอะมาก เสียกาแฟไปหลายแก้วเลยค่ะกว่าจะขึ้นลายรู้เรื่อง บางปัญหาก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา เช่น ไปเรียนกลับมาวันแรก เครียดเลย...เฮ้ย ทำไมตีฟองไม่ขึ้นแบบในคลาสล่ะ? ก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ถามบ้าง โง่บ้าง ฉลาดบ้าง ก็ได้รู้ว่าเพราะหัวสตรีมของเราใช้ 4 หัว ลมเยอะมาก แรงเกินไป ฟองก็เป็นบับเบิ้ลใหญ่ๆ ทำ 100 ครั้งถูกแค่ 2 ครั้ง ตะกุกตะกักมาก ก็ใจเย็นทำๆ ไปจนได้รู้ว่าก็ต้องปรับเป็น 2 หัว ฟองก็ได้ละเอียดขึ้น เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น กำลังใจก็เริ่มมาแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ฝึกฝนนะคะที่ร้าน ซึ่งก็ไม่กดดันเหมือนกับในคลาสเพราะเราก็ฝึกๆ และฝึกไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าลายทิวลิปยากที่สุด แต่สำหรับโบว์กลับเป็นลายง่ายที่สุด ลายใบไม้ ลายหงส์ เป็นลายสำหรับพวกโพรเฟสชันนัลที่ใช้ประกวดกัน โบว์ดูแล้วก็มีแพสชั่นนะคะ เฮ้ย...ทำไมเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้สิ

กาแฟ...กลิ่นหอมของการค้นหา

 

ความรู้ความเชี่ยวชาญจะมาเป็นก้อนๆ เลยค่ะ ตั้งแต่กาแฟชนิดไหนดี เครื่องชงแบบไหนดีที่สุด-ใช้สะดวกที่สุด ตีนมแบบไหนจึงจะสวย นมยี่ห้อไหนอร่อยที่สุด ความสวยกับความอร่อยต้องมาคู่กันค่ะ แล้วช่วงฝึกฝนกาแฟแก้วที่ลายไม่สวย โบว์ก็ต้องรับผิดชอบโดยการดื่มเอง ดื่มไปดื่มมา จากดื่มไม่เป็น ก็ต้องดื่มทุกๆ วัน แต่ถ้าถามว่า ติดไหม? ไม่ติดนะคะ แต่ยอมรับเลยว่าดื่มกาแฟแล้วร่างกายเรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า

โบว์กำลังฝึกลายนกฟลามิงโก้ เพราะรู้สึกเหมือนตัวเอง ขายาวๆ  เพื่อนๆ ก็ขำ ว่าเออ...คิดไปได้นะ

การเรียนรู้ในงานสาขานี้ไม่จบจริงๆ ค่ะ แม้แต่เรื่องแก้วกาแฟก็มีการเรียนจริงจัง เพราะฉะนั้นการไม่ปิดหูปิดหา เข้าใจจังหวะในการสอบถามหาความรู้กับรุ่นพี่ๆ เพื่อนๆ ตอนไปเรียนในคลาส ก็ต้องขยันถามหมั่นถาม ตั้งใจฟังจากหลายๆ คน โบว์จดทุกสิ่งจุดอย่างในไดอารี่

การเป็นเจ้าของร้านกาแฟเก๋ๆ ในกลางเมืองรับลูกค้าทั้งคนไทย ทั้งนักท่องเที่ยว หลายคนอาจมองว่าเป็นภาพฝันสวยงาม โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ไม่ใช่นะคะ เมืองไทยมีโลว์ซีซั่นเรื่องการท่องเที่ยว ช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่โดยรวมแล้ว ร้าน Cafe at ease คือฝันดี มีความสุข ร้านอยู่ด้านล่างของบ้านโบว์ ก็ลงมาทำงานสบายๆ คือความผูกพันกับร้าน กับงานของเรา ผูกพันกับลูกค้า ได้เห็นรอยยิ้มกันเองระหว่างกันและกันกลับไป โบว์ก็มีความสุขที่สุด

 ล่าสุด โบว์ต่อยอดพัฒนาธุรกิจใหม่ในร้าน สไตล์ Home & Living ก็เป็นงานใหม่ของการก้าวสู่ปีที่สอง กำลังเรียนรู้ตลาด โบว์คิดว่าการทำงานเป็นการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ไม่มีวันจบจริงๆ เลยค่ะ