โตโน่เปิดใจแยกทางแตงโม "วันนี้เลยขั้นที่จะกลับไปแล้ว"
โตโน่ ภาคิน แถลงเปิดใจปมแยกทาง แตงโม ภัทรธิดา ระบุคนเราจะเลิกกันมีหลายสาเหตุ ขอรับผิดคนเดียว
โตโน่ ภาคิน แถลงเปิดใจปมแยกทาง แตงโม ภัทรธิดา ระบุคนเราจะเลิกกันมีหลายสาเหตุ ขอรับผิดคนเดียว
หลังจากเงียบหายไปสักพักสำหรับนักร้องหนุ่ม โตโน่ ภาคิน เมื่อทราบข่าวอดีตคู่รัก แตงโม ภัทรธิดาตัดสินใจฆ่าตัวตายประชดรักทำเอาฮือฮาไปทั้งประเทศ ทั้งนี้อาการของสาวโมปลอดภัยแล้วพร้อมทั้งออกมาแถลงข่าวไปเป็นที่เรียบร้อย
ล่าสุด(8 ก.ค.)ถึงคิวของฝ่ายชาย โตโน่ ภาคิน ออกมาแถลงข่าวเปิดใจทุกประเด็นกับพี่ๆสื่อมวลชนจำนวนมาก ณ ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ โดยโตโน่เผยให้ฟังว่า...
"ก็ดีใจที่เขาปลอดภัย เมื่อผมรู้เรื่องก็โทรคุยกับผู้จัดการและคุณพ่อ ผมคิดว่าบางทีก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทะเลาะกัน เวลาเราเลิกกันก็ไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นว่าเขาทำอะไร ผมรู้ข่าวตอนทุ่มหนึ่งจากอินสตาแกรม ก็เป็นห่วงเขาครับ
จริงๆแล้ว มันเป็นเรื่องที่เริ่มมาจากความรัก ให้ผมย้อนเวลากลับไปก็จะรัก เพราะเราสองคนพยายามทำความรักให้มันดี แต่มันอาจจะจบลงไม่สวยงามแบบที่ตั้งใจไว้ ก็เลยมีคนเสียใจ พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่มีใครมีความสุข ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตามแต่ ถ้าทำให้กระทบใจแตงโม หรือใครก็ตาม ผมผิดเองผมขอโทษ
สองเดือนที่ผ่านมาเราตกลงว่าเลิกมีการไปพบบาทหลวงพาพ่อแม่ไปคุยเรียบร้อยแล้ว แต่ตลอดเวลาที่เลิกกันไปโมก็ส่งข้อความมาซึ่งผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ส่วนคำมั่นสัญญาผมที่บอกจะรักกันไปจนตายผมเคยพูด ผมยอมรับครับ เรื่องไลน์แชทที่มีภาพอยู่ในโซเชียล ได้คุยกันจริง ประมาณปีกว่าหรือสองปีที่แล้ว
สาเหตุที่ต้องเลิกกัน ผมว่าเราไม่ต้องไปพูดถึงหรอกครับ ผมว่าพูดไปแล้วมันไม่ได้มีประโยชน์กับใครต่อใคร คือมันไม่มีใครหรอกอยู่ดีๆ คนหนึ่งคนจะเดินออกมาจากชีวิตคนที่เรารัก การที่ผมมานั่งตรงนี้ผมไม่ต้องการให้ใครเสียใจกับเรื่องนี้ กระแสที่ว่าผม ผมเข้าใจและผมก็อยู่กับมันได้ แต่ขอร้องให้เข้าใจโมด้วยอย่าไปซ้ำเติมความรู้สึกของเขา
คืออยากให้รู้แค่ว่าตลอดระยะเวลาสองปี ที่คบกันมา เราไม่ต้องบอกใครว่าเรารักกันมากขนาดไหน ทั้งนี้กระแสที่โมโยนข่าวของออกจากบ้านไม่เป็นความจริงเลย ความรักมันยิ่งใหญ่กว่าชื่อเสียงเงินทองมากกว่าสิ่งที่ผมเลือก พอวันหนึ่งที่เราต้องเลิกกันมันไม่จำเป็นเลย ที่เราจะต้องมานั่งอธิบายเหตุผล ส่วนตัวเราเองรู้อยู่แล้ววันหนึ่งเราต้องโดนด่า เมื่อเลิกกันแต่จะทำไงได้ มันคือชีวิต คงไม่มีใครอยากเลิกหรอกครับแต่อยู่ที่ว่าเราจะเลิกกันไปได้แบบไหน
ทุกๆครั้งที่คบกันมาผมไม่เคยที่จะคิดจะทำร้ายโม ครั้งนี้ก็เหมือนกันที่ออกมาพูดก็ไม่ได้จะทำร้ายโม จริงๆ คุยกันครับ ก่อนหน้านี้ก็คุยกัน ไม่มีใครหรอกที่จะอยู่ดีๆ จะเดินออกมาชีวิตคนที่เรารัก มันต้องคุยสิครับ ไม่คุยก็แย่สิครับ แต่หลังจากที่เกิดเรื่องก็ไม่ได้คุย เขาบอกว่าผมบล็อคไลน์ ก็คงบล็อคล่ะครับ การที่ห่างกันออกมาไม่ใช่หมายความว่าผมเกลียดเขาผมไม่รักเขา
ผมกลับไปได้นะครับ แต่ไม่ใช่ในฐานะเดิม การที่ห่างกันออกมาไม่ใช่ว่าผมไม่รักเขา เกลียดเขา แต่เราคุยกันแล้ว ส่วนวันนี้มันมีหลายอย่างที่เราต้องดูแลและรับผิดชอบ ผมไม่อยากให้ใครมาสงสารผมแล้วเห็นผมอ่อนแอ ผมจำเป็นต้องยิ้มต้องเข้มแข็งเพื่อให้คนที่อยู่ข้างๆ ผมเข้มแข็งไปกับผม ตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องดูแลหัวใจดูแลความรู้สึกของครอบครัวก่อน ส่วนเรื่องเคลียร์กันผมกับโมมันจบนานแล้ว แต่ถ้าวันนี้ถ้าเขาไม่สบายใจ ผมสามารถไปคุยกับโมได้ถ้าไปแล้วเขาดีขึ้นผมก็จะไป
เรื่องรอยสักผมไม่คิดจะลบ ผมรักผู้หญิงคนนี้เท่าชีวิตของผม ผมไม่เคยพูดเลยว่า การตัดสินใจในความรักเป็นสิ่งผิด ผมภูมิในที่เคยรักเขา แต่พอต้องเลิกคือเลิก ที่พูดบนเวที ถึงเป็นสคริปต์หรือไม่ ผมก็ผิด ทำไมถ้าผมบอกว่าผมจะไม่พูดก็ได้ ถ้าเป็นสคริปต์ แต่เป็นเพราะผมโง่ ผมคิดน้อย เห็นว่าเลิกกันแล้ว จบกันแล้ว ก็พูดไป เรามีก็มีสมาธิกับงานนั้น แต่พอมานึกถึงความรู้สึกเขา ผมผิดเต็มๆ ไม่ควรทำ และยิ่งมีเสียงเฮ ผมเข้าใจว่า เป็นใคร ใครก็เจ็บ ซึ่งผมผิดครับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสกลับมาคืนดีกันไหม โตโน่เผยว่า "วันนี้มันเลยขั้นนั้นมาแล้วที่จะกลับไป กลับไปตอนนี้คงยังทำอะไรไม่ได้"และฝากบอกให้แตงโมคิดถึงคนที่รักเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แฟนๆ เพื่อนที่อยู่ใกล้ชิด"
อย่างไรก็ตามในการแถลงข่าวโตโน่ไม่ได้ร้องไห้ แต่หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จโตโน่ก็เข้ามาหาแฟนคลับด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีและมีน้ำตาคลอ ก่อนจะลงไปสวมกอดกับหัวหน้าแฟนคลับ ก่อนผู้นำแฟนคลับจะประกาศให้แฟนคลับทุกคนหยุดสงครามระหว่างโมโน่ แฟนคลีบหลายๆ คนก็รับปากสัญญาว่าจะยุติ
เพราะที่จริงแล้วแฟนคลับของโตโน่ไม่ได้เกลียด แต่ก็มีบ้างที่ไม่ชอบแตงโม เพราะวันนี้เรื่องได้จบไปแล้ว ฝั่งแฟนคลับบอกว่าโตโน่เป็นผู้ชายพูดมากไปก็ไม่ดี หลังจากนั้นโตโน่ใช้เวลาอยู่กับแฟนคลับประมาณ 5 นาที ซึ่งเหล่าแฟนคลับก็ร่วมกันตะโกน "รักโตโน่" ทำให้เจ้าตัวถึงกับน้ำตาซึม ก่อนจะกลับออกมาเพื่อไม่ไห้แฟนคลับเห็นน้ำตา