posttoday

‘ตุ่มน้ำใส’ เครียดคันแสนรำคาญ

13 สิงหาคม 2558

ยิ่งเกาทำไมยิ่งมัน ยิ่งคันทำไมยิ่งเกา เกาไปเกามาก็กลายเป็นแผลถลอกปวดแสบจนได้

โดย...เพรงเทพ ภาพ : amazonaws.com/i.imgur.com 

ยิ่งเกาทำไมยิ่งมัน ยิ่งคันทำไมยิ่งเกา เกาไปเกามาก็กลายเป็นแผลถลอกปวดแสบจนได้

คงมีหลายคนเคยเจออาการนี้มาแล้ว กับการที่เป็น “ตุ่มน้ำใส” ที่เกิดขึ้นบริเวณฝ่ามือและเท้า พอเจาะน้ำออกมาก็บังเกิดอาการคันแบบยิ่งเกายิ่งมัน ยิ่งคันยิ่งเกา จนสุดท้ายกลายเป็นแผลอักเสบต้องรักษากันอีกอาการ

นี่คือโรคไม่ติดต่อที่ดูเหมือนเล็กน้อย ไม่มีใครค่อยสนใจสำหรับคนเมืองที่อยู่ในสังคมอันเร่งรีบและทุกอย่างวุ่นวายรอบตัว ดูเหมือนจะสะสมความเครียดไปทีละน้อยทีละนิดอย่างไม่รู้ตัว

ความกังวลจากในเรื่องต่างๆ ที่รุมโหมประดังอย่างช้า ผนวกกับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอจนกลายเป็นความเครียดที่ก่อเกิดอยู่ข้างในอย่างไม่รู้ตัว ทำให้เกิดโรคบางโรคอย่างต่อเนื่องแบบเป็นๆ หายๆ หรือไม่ก็เรื้อรังไปเลย

ความเครียดสามารถเกิดได้ทุกแห่งทุกเวลาอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เป็นระบบเตือนภัยของร่างกายให้เตรียมพร้อมที่จะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การมีความเครียดน้อยเกินไปและมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ

โดยทั่วไปส่วนใหญ่เข้าใจว่าความเครียดแค่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หัวใจเต้นเร็ว แน่นท้อง มือเท้าเย็น เพียงเท่านั้น แต่มีโรคเล็กๆ ที่หลายๆ คนมองข้ามว่า มันเป็นเพียงตุ่มน้ำใสๆ และคันคะเยอไม่มาก เดี๋ยวมันก็หายไป แต่กลับเป็นดัชนีชี้วัดความเครียดของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี

‘ตุ่มน้ำใส’ เครียดคันแสนรำคาญ

 

ตุ่มน้ำใสที่ทำให้เกิดอาการคันตามนิ้วมือและซอกนิ้วเท้า ถือว่าเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดจากภาวะที่ต่อมเหงื่อทำงานผิดปกติ มีอาการเป็นๆ หายๆ และทำให้คันได้มากพอควร

ภาวะเหล่านี้เป็นอาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส (Dyshidrosis or Dyshidrotic Eczema or Pompholyx) หรือเรียกง่ายๆ ว่า ตุ่มน้ำอักเสบ เป็นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มน้ำเล็กๆ ที่ชั้นผิวหนังที่อยู่ในระดับลึก (deep-seated vesicles) พบได้ที่มือและเท้า ผื่นนี้จัดอยู่ในกลุ่มผิวหนังอักเสบชนิดที่มีสาเหตุจากในตัวของผู้ที่เป็นผื่นชนิดนี้เอง (Endogenous dermatitis) ซึ่งในปัจจุบันไม่สามารถยืนยันสาเหตุได้อย่างชัดเจน

พญ.เปรมจิต จันทองจีน แพทย์ผิวหนังได้เขียนให้ความรู้ถึงโรคนี้ในเว็บไซต์หาหมอดอทคอมว่า เป็นผื่นผิวหนังที่พบได้บ่อย มีรายงานการพบได้ 1 รายในประชากร 5,000 คน โดยพบอุบัติการณ์เท่าๆ กันทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมักพบในวัยรุ่น วัยกลางคน และส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นได้

ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส ส่วนใหญ่มักไม่ทราบสาเหตุ แต่จากการศึกษาเชื่อว่าอาจเกิดจากการตอบสนองต่อผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) บางชนิดได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ และเหรียญต่างๆ หรือแพ้ไรฝุ่น เป็นต้น หรือเกิดจากภาวะเครียด อดนอน เจ็บป่วย การมีเหงื่อออกมาก ความร้อน การล้างมือบ่อยๆ สามารถกระตุ้นให้ผื่นกำเริบ หรือเกิดเป็นซ้ำได้

‘ตุ่มน้ำใส’ เครียดคันแสนรำคาญ

 

ตุ่มน้ำใสที่เกิดมักมีขนาดเล็ก 1-3 มิลลิเมตร ในบางกรณีอาจรวมตัวกันเป็นตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่ได้ มักเรียงตัวเป็นแนวตามด้านข้างหรือปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ด้านข้างฝ่ามือฝ่าเท้า หรือที่บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าก็ได้ มักเป็นๆ หายๆ และมีอาการคันมาก บางครั้งอาจพบผิวหนังแตก (Fissure) แห้งหนา จากการเกาที่เรียกว่า Lichenification, รอยเกา (Excoriation) และอาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน (Secondary bacterial infection) อันเนื่องมาจากการเกาผื่น/ผิวหนังอย่างมากได้

การรักษาให้ใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีความแรงสูง เช่น Clobetasol cream หรือ Betamethasone diproprionate cream เป็นต้น ในบางกรณีอาจใช้ยากลุ่ม Immunomoderator เช่น 0.1% Tacrolimusointment เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ได้

ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังซ้ำซ้อน อาจใช้ยาทาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ยาปฏิชีวนะ) หรือถ้ามีลักษณะการติดเชื้อมาก อาจพิจารณารับประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

วิธีลดอาการคันให้ใช้ยาต้านฮิสตามีน (ยาแก้แพ้) หรือในบางกรณีที่มีอาการคันมาก ผื่นขึ้นเห่อมาก อาจพิจารณารับประทานยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้ รวมถึงให้ความชุ่มชื้นที่ผิวหนัง ด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์หรือโลชั่นให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่มือเท้าบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการล้างมือเท้าที่ไม่จำเป็น

ข้อแนะนำที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ไม่ควรเจาะหรือทำให้ตุ่มน้ำแตก เพราะจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนมากขึ้น เพราะตุ่มน้ำใสไม่สามารถป้องกันการเกิดได้เต็มร้อย และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นให้โรคกำเริบหรือให้เกิดเป็นซ้ำได้ โดยการดูแลตนเองเมื่อเป็นเกิดตุ่มน้ำใส สังเกตและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นทั้งหลายที่ทำให้เกิดอาการ เช่น ความร้อน ความเครียด เหงื่อออกมาก และการล้างมือบ่อย

เมื่อเป็นแล้วก็อย่าตกใจ เพราะผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใสนี้ ไม่ใช่โรคติดต่อ เป็นโรคผื่นผิวหนังอักเสบเฉพาะบุคคล โดยทั่วไปตุ่มน้ำใสนี้หายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าคันมากจนรบกวนคุณภาพชีวิต หรือเกามากจนเป็นแผล ซึ่งอาจมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา