ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

16 สิงหาคม 2558

พูดถึงอินโดนีเซียเพื่อนบ้านในอาเซียนที่หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้อีกนอกจากบาหลี

โดย...พาแลง ภาพ รัศมี พัดเปรม

พูดถึงอินโดนีเซียเพื่อนบ้านในอาเซียนที่หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้อีกนอกจากบาหลี และบุโรพุทโธ แต่เมื่อสองปีที่แล้วเพื่อนกลุ่มหนึ่งตัดสินใจแบ็กแพ็กเพื่อเดินทางไปพิชิตภูเขาไฟในอินโดนีเซีย หลังจากทริปอินเดียล่มในคราวแรก พวกเขาเดินทางอย่างฉุกละหุก ไม่ได้ตั้งความหวังกับจุดหมายปลายทาง และหาข้อมูลติดปลายเป้ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

รัศมี พัดเปรม หรือปลาบู่ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ และผู้จัดการศิลปิน เล่าถึงการเดินทางอันฉุกละหุกนี้ให้ฟังว่า ทริปเกิดขึ้นปลายเดือน ส.ค. อากาศกำลังดี ฝนค่อนข้างบางตาและท้องฟ้าสดใสพอประมาณ เธอมีเวลาเตรียมตัวก่อนออกเดินทางเพียงอาทิตย์เศษ ด้วยหน้าที่การงานจึงเร่งสะสางทุกอย่างให้จบก่อนขึ้นเครื่องชนิดหายใจรดต้นคอ

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

“วันสุดท้ายก่อนเดินทางเคลียร์งาน 18 อย่างทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน แพ็กของ หารองเท้า เตรียมอุปกรณ์ เสื้อกันลมกันหนาวเท่าที่จำเป็นสำหรับ 5 วัน 4 คืน เพื่อนร่วมทริปมี 6 คน ผู้หญิง 2 คนรวมปลาบู่ด้วย และผู้ชายอีก 4 คน เราแบ่งหน้าที่กันคนที่เก่งภาษาอังกฤษก็ติดต่อกับโลคัลไกด์ที่โน่น เพื่อนอีกคนหนึ่งจองตั๋วเครื่องบิน ความยากเย็นของการจัดกระเป๋าคือ หนึ่งเราไม่มีกระเป๋าแบบแบ็กแพ็ก เพราะปกติจะใช้กระเป๋าลาก ก็ต้องหากระเป๋าใหม่ สองเพื่อนร่วมทางต้องการสุนทรียะจากการเดินทาง อยากดริปกาแฟเราก็ต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ไปด้วย อยากจิบไวน์มองดูปล่องภูเขาไฟเราก็มีหน้าที่หาแก้วไวน์ ที่แพ็กกระเป๋ายากก็เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนหนึ่ง (หัวเราะ)” เธอเล่าอย่างอารมณ์ดี

ตามหาแสงไฟสีฟ้า ที่คาวาอิเจี้ยน

เครื่องบินออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอนสองทุ่ม ถึงเมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเซียราวเที่ยงคืน จากนั้นนั่งรถตู้จากสนามบินต่ออีก 7-8 ชั่วโมง เพื่อไปถึงที่พักซึ่งเป็นโฮมสเตย์ในตอนเช้า พักผ่อนนอนเอาแรงก่อนจะออกเดินทางไปภูเขาคาวาอิเจี้ยน (Kawah Ijen) ตอนเที่ยงคืน

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

“ตอนเช้าเราถึงหมู่บ้านคาติมอร์ โฮมสเตย์ (Catimor Homestay) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ปลูกกาแฟและผลิตเมล็ดกาแฟที่เก่าแก่ บ้านที่พักเป็นบ้านเก่าของคนมีฐานะสมัยก่อน รอบๆ เป็นแหล่งชุมชนเล็กๆ พื้นที่แถบนั้นเป็นภูเขา การเดินทางก็ต้องลัดเลาะ หลังกินข้าวเสร็จพวกเราเดินดูวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบมากเวลาไปไหนมาไหนเพื่อดูวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของผู้คน

“พอเดินหลุดจากหมู่บ้านเล็กๆ นี้ ก็มีพื้นที่ราบด้านล่าง เรามองเห็นเหมือนบ้านหลังเล็กรวมกันอยู่กระจุกหนึ่ง เดินลงไปดูจึงรู้ว่าเป็นหมู่บ้านแพะ ซึ่งเขาจะปลูกบ้านให้แพะอยู่เป็นหลังๆ จับคู่บ้านคนกับบ้านแพะ และพอถึงเวลาคนในหมู่บ้านก็จะออกมาให้อาหารแพะของตัวเอง เราก็เดินไปชมแพะของเขาอย่างมีความสุข เราตื่นเต้นกับแนวคิดนี้มาก เป็นการจัดระบบเรื่องความสะอาดได้ดีมาก”

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

หลังจากกิจกรรมช่วงเช้าสิ้นสุดลง ก็ถึงเวลาเตรียมข้าวของสำหรับการเดินทางคืนนี้ นอนพักเอาแรงและตื่นอีกครั้งตอนเที่ยงคืน “นั่งรถตอนเที่ยงคืนประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงตีนภูเขาคาวาอีเจี้ยน ระยะทางที่ต้องเดินขึ้นไปประมาณ 4 กม. ทุกคนจะมีไฟส่องกลบบนหัวเพื่อนำทาง แล้วก็เสื้อกันหนาว เราออกเดินเกือบตีสอง เพื่อให้ถึงปล่องภูเขาไฟตอนตีสามเดินขึ้นจึงเร่งเดินหน่อย แต่เมื่อเร่งเดินเพื่อนร่วมทางของเราคนหนึ่งจึงเป็นลมระหว่างทาง ก็ทำการปฐมพยาบาลกันไป จากนั้นก็เดินเรียงแถวกันไปจนในที่สุดเราก็เดินทางถึงปล่องภูเขาไฟตามกำหนดเวลา” ผู้จัดการศิลปินเล่า พร้อมกับเปิดภาพอธิบายเรื่องราวระหว่างทาง

“เมื่อไปถึงที่ปากปล่องภูเขาไฟฟ้ายังมืดอยู่ เรายังคงเห็นดาวเดือนชัดเจนมาก นักท่องเที่ยวบางคนก็อยู่ด้านบน ช่วงที่เราไปไม่มีคนไทยเลย พวกเราตกลงกันว่าจะเดินลงไปใจกลางปล่อง ซึ่งต้องเดินลัดเลาะหินลงไปอีก 1 กม. ช่วงตีสามแสงบลูไฟเออร์ (Blue Fire) จะสวยมาก เดินลงไปถึงด้านล่างก็พบว่ามีลูกหาบที่ไปขุดแร่กำมะถันขึ้นมาขายกำลังขุดกันง่วนอยู่เลย มองเลยไปจะเห็นทะเลสาบสีเขียว เราอยู่ใกล้แสงไฟสีฟ้าระยะใกล้ แม้ว่าจะได้กลิ่นกำมะถันรุนแรงขึ้นแต่เราก็เตรียมหน้ากากอนามัยมาเพื่อป้องกัน มันสวยสมคำร่ำลือจริงๆ”

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

ปลาบู่ ให้บรรยากาศว่า ในตอนรุ่งเช้าคนงานจะหาบกำมะถันที่ขุดไว้ขึ้นมา พร้อมกับนักท่องเที่ยวที่ทยอยเดินขึ้นจากปล่อง สภาพแต่ละคนมอมแมมไม่ต่างกัน “พวกเราอุตสาหะมากเพราะแบกที่ดริปกาแฟมาด้วย เราก็ล้อมวงจิบกาแฟกันตรงปากปล่องนั่นแหละ นั่งดูความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาถึง เรียกได้ว่ากลุ่มเราเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมา จากนั้นก็เดินลงเขา เป็นการเดินที่เหนื่อย แต่มันคุ้มกับการเดินทางมาก ระหว่างทางลงก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่เราเดินผ่านมาเมื่อคืน พบว่ารอบๆ มีภูเขาไฟล้อมคาวาอิเจี้ยนอยู่เยอะมาก และมีควันลอยจากปล่องเป็นระยะๆ”

สุนทรีย์และความงาม ที่โบรโม่

เมื่อกลับมาถึงที่พักก็เก็บข้าวของให้เตรียมพร้อมสำหรับออกเดินทางอีก 7-8 ชม. เพื่อไปภูเขาไฟอีกลูกหนึ่งคือ โบรโม่ (Bromo) ระหว่างทางต้องผ่านทะเล ภูเขา และไปถึงที่พักเกือบสามทุ่ม “ฟ้ามืดหมดแล้ว ที่พักของเรามองเห็นโบรโม่ไกลๆ ก็ว่าสวยมากแล้ว แต่การไปเห็นใกล้ๆ น่าจะสวยมากกว่า ราวๆ เที่ยงคืนก็นั่งรถจี๊ปเพื่อไปโบรโม่ เมื่อถึงจุดชมวิว นักท่องเที่ยวเยอะมาก เราตั้งกล้องเพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งสวยบรรยายไม่ถูก อากาศเย็นมีหมอกจาง ล้อมรอบปล่องภูเขาไฟ พอแสงอาทิตย์เข้มขึ้นเราจะเห็นภูเขาไฟที่บริวารโบรโม่อยู่ จากนั้นเราก็ออกจากจุดจอดรถจี๊ป จุดนี้จะมีให้เลือกว่าจะเดินเท้าหรือขี่ม้า พื้นที่ที่เหมือนทะเลทรายทำให้เราอยากขี่ม้า พอถึงตีนเขาก็จะมีคนมานั่งขายชา เราก็นั่งจิบชารอชาวคณะที่เดินเท้ามา”

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

ปลาบู่ บอกว่า ที่โบรโม่เส้นทางจะสะดวกกว่าคาวาอิเจี้ยนเพราะมีบันไดให้เดินไป แต่ปากปล่องของภูเขาลูกนี้ไม่สามารถเดินลงไปชมได้เพราะชันและอันตรายมาก จึงมีที่กั้นเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินลงไป แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนพื้นเมืองเดินลงไปเก็บเศษเงินที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปพร้อมดอกไม้ที่มีขายตามความเชื่อว่าใครโยนดอกไม้ลงกลางปล่องได้จะโชคดี ซึ่งถ้าหากมีโอกาสได้ดูดาวที่โบรโม่ จะบอกได้เลยว่าเราสามารถมองเห็นทางช้างเผือกด้วยตาเปล่า

“ในโบรโม่จะมีแกลเลอรี่ภาพสวยๆ อยู่ เราก็ไปนั่งจิบกาแฟนั่งดูภาพในนั้น เป็นสุนทรีย์ที่เราได้อีกแบบหนึ่ง เรายังพูดกันว่าถ้าไปอีกคราวหน้าเราไปนั่งดูภาพเฉยๆ ยังได้เลย ไม่น่าเชื่อว่าอินโดนีเซียจะมีพื้นที่แบบนี้อยู่ ซึ่งเมื่อก่อนมันอาจจะอันตรายมาก แต่วันนี้กลายเป็นที่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนได้ผ่านการท่องเที่ยว”

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

 “สำหรับปลาบู่เพื่อนที่ไปด้วยไม่ได้สนิทกันมาก แต่เราก็ได้ช่วยเหลือดูแลกัน ไปเจออะไรที่ทำให้เรามีแรงบันดาลใจกลับมา การเดินทางแบบนี้ทำให้ได้เจอประสบการณ์และผู้คนแปลกใหม่ เราใช้งบประมาณไม่เกิน 2.5 หมื่นบาท ถือว่าไม่แพงเลย ใช้ประหยัดกันมาก เวลาหมดไปกับการเดินทางระหว่างเมืองซะมากกว่า”

ทุกการเดินทางย่อมมีสิ่งที่ไม่น่าพึงใจอยู่บ้าง แต่เราสามารถลืมไปหมดได้ด้วยบรรยากาศที่จุดหมาย และกลายเป็นความประทับใจและกลายเป็นทริปที่ดี

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

ตามหาบลูไฟเออร์ พิชิต สองภูเขาไฟในอินโดฯ

 

Thailand Web Stat