ตึกเก่าเล่าเรื่อง โจวานนี บัตติสตา ปิราเนสิ
Piranesi’s Paestum : Master Drawings Uncovered นิทรรศการครั้งสำคัญที่รวบรวมผลงานของ โจวานนี บัตติสตา ปิราเนสิ
โดย...อฐิณป ลภณวุษ artofmylifeasafrog.blogspot.com
Piranesi’s Paestum : Master Drawings Uncovered นิทรรศการครั้งสำคัญที่รวบรวมผลงานของ โจวานนี บัตติสตา ปิราเนสิ ในช่วงบั้นปลายชีวิต โดยเฉพาะ 15 ชิ้นที่วาดตั้งแต่ปี1777 ซึ่งในจำนวนนั้นมีโบราณสถานที่สำคัญสไตล์กรีก 3 แห่ง ในเมืองเปสตุม ทางตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งมีทั้งภาพสเกตช์ ภาพพิมพ์ และหนังสือหายากจากยุคดังกล่าวมาจัดแสดงด้วยเพื่อแสดงให้เห็นวิธีการทำงานของศิลปินผู้โด่งดังขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ด้วยกลิ่นอายแบบศิลปะสถาปัตย์
โจวานนี บาติสตา ปิราเนสิ (มีชีวิตระหว่างปี 1720-1778 ) เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผลงาน Vedute di Roma (หรือ View ofRome) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงาน Carcerid’Invenzione อันเลื่องลือ ทว่านิทรรศการที่จัดในแคลิฟอร์เนียเน้นไปที่ผลงานซึ่งหาดูยาก โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมกรีกในอิตาลีที่เมืองเปสตุม ที่นับเป็นผลงานที่เขาทุ่มเทมากจนออกมาเป็นผลงานสุดแสนจะละเอียดลออ
หนังสือ Differentes Vues…de Pesto ที่เขียนโดย ฟรานเชสโก ลูกชายของเขาเอง ตีพิมพ์ในปี 1778-1779 เล่าเรื่องเกี่ยวกับโบราณสถานสไตล์กรีก 3 แห่ง ในเมืองดังกล่าวเอาไว้ เป็นวิหารสไตล์ดอริค ที่สร้างขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ขณะที่เมืองยังใช้ชื่อว่าโปเซโดเนีย หนึ่งในเมืองขึ้นของกรีซ โดยภายหลังเมื่อโรมันเข้ามายึดครอง จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเปสตุม
วิหารกรีกเหล่านี้ เดิมสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพองค์ต่างๆ ของกรีก อย่าง เทพโปไซดอน เทพจูโน และเทพเซเรส แต่ภายหลังกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับสักการะเทพเฮรา I เทพเฮรา II และเทพแอทเธน่า ซึ่งเมื่อวันคืนผ่านไป วิหารเหล่านี้ได้ถูกทิ้งร้างจนผุพัง ก่อนที่จะมีการค้นพบในปี 1746 โดยกลุ่มที่ทำการตัดถนนเข้าไปพบเป็นรายแรก
ข่าวรู้ถึงโจวานนี ที่นิยมวาดภาพสถาปัตยกรรมโบราณอยู่เป็นทุนเดิม เขาก็เริ่มมาวาดภาพวิหารทั้ง 3 แห่ง ที่เพิ่งค้นพบนี้ทันทีโดยผลงานที่เกี่ยวกับวิหารทั้ง 3 มีทั้งภาพสเกตช ์ภาพพมิ พ ์และภาพจิตรกรรม นอกจากนี้เขายังศึกษาอย่างวิเคราะห์เจาะลึกชิ้นส่วนต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของกรีก มาจนถึงสถาปัตยกรรมสไตล์ดอริค และยังนำมาเปรียบเทียบกับสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันอีกด้วย
ในการสร้างสรรค์งานส่วนที่เกี่ยวกับวิหารสไตล์กรีกทั้ง 3 แห่ง ในเมืองเปสตุม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีการแยกแยะแต่ละชิ้นส่วนออกมาวาดอย่างเจาะลึกกว่าผลงานครั้งก่อนๆ มากเช่นเดียวกับด้านปริมาณของภาพดรออิ้งก็มีมากด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้การสเกตช์ของเขาก็เพียงเพื่อจะนำไปสู่ภาพพิมพ์หินเท่านั้นขณะที่เวลาจะทำภาพพิมพ์โลหะเขาก็จะวาดลงบนแผ่นทองแดงโดยตรง ซึ่งผลงานสเกตช์จำนวนมากเหล่านั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า สมบูรณ์มากจนใกล้เคียงกับการวาดเพื่อนำมาทำเป็นภาพพิมพ์เลยทีเดียว
ฟรานเชสโก ลูกชายของเขายังเล่าไว้ในหนังสืออีกว่า เนื่องเพราะตอนนั้นพ่อของเขารู้ตัวดีว่าป่วยหนักมาก โจวานนีจึงเล่ารายละเอียดทุกๆ อย่าง รวมถึงสิ่งที่เขายังไม่ได้ทำเอาไว้ให้ลูกชายสานต่อผลงานให้เสร็จสมบูรณ์ โดยเขาตั้งใจจะสรรค์สร้างผลงานที่แตกต่างออกไปจากการวาดสถาปัตยกรรมโบราณแห่งอื่นๆ ด้วยการทำให้ออกมาเป็นภาพเก่าๆ ดิบๆ โดยอาศัยทั้งดินสอ ปากกา และหมึก ไฮไลต์ให้โดดเด่นด้วยชอล์กสีขาวและแดง นอกจากนี้ ยังอาศัยเทคนิคบราวน์และเกรย์ วอชส์ มาสร้างแสงเงา และมิติความเก่า
โจวานนี บัตติสตา ปิราเนสิ ยังเป็นผู้บุกเบิกนำเอาเทคนิค scena per angolo ที่นิยมกันในการออกแบบละครเวทีของอิตาลีในศตวรรษที่ 18 อันเป็นการวาดภาพแบบมีมิติตื้นลึกแบบโถงละคร มาใช้ในการวาดภาพศิลปะสถาปัตย์เป็นรายแรกๆ สถาปนิกชื่อดังชาวอังกฤษ อย่าง เซอร์จอห์น สโลแอน ผู้ชื่นชอบสถาปัตยกรรมคลาสสิกอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชื่นชอบผลงานของเขามาก จนเริ่มสะสมและศึกษา กระทั่งกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ทั้งด้านสถาปัตยกรรมคลาสสิกรวมทั้งเทคนิคภาพวาดและภาพพิมพ์ของโจวานนีเลยทีเดียว ซึ่งหากไม่มีเซอร์จอห์นน้อยคนนักในโลกนี้จะได้รู้จักกับโจวานนีบัตติสตา ปิราเนสิ
ศิลปินชาวอิตาเลียนเกิดที่เมืองโมกลาโนเวเนโต ทางเหนือของเวนิส เมื่อปี 1720 เขาเริ่มต้นศึกษาทางด้านสถาปัตย์กับลุงมัตเตโอลุคเคซี ผู้เป็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางด้านการควบคุมน้ำ นอกจากนี้เขายังเรียนทางด้านการพิมพ์ภาพพิมพ์หินจาก จิวเซปเป วาซี ที่เขาไปมาหาสู่อยู่เสมอ แม้ว่าจะกลายเป็นศิลปินดังแล้วในภายหลัง
หลังจากย้ายไปกรุงโรม เมื่อราวปี 1745โจวานนีก็เริ่มสร้างสรรค์ภาพในซีรี่ส์ Vedutedi Roma ที่แสดงให้เห็นบรรยากาศของสังคมสมัยใหม่ท่ามกลางอาคารเก่าแก่ที่ปรักหักพังทว่าในภายหลังเขาเริ่มอุทิศผลงานทั้งหลายให้บรรดาสถาปัตยกรรมเก่าๆ โดยเริ่มที่กรุงโรม กระทั่งมีการพบเจอวิหารกรีกในเมืองเปสตุม ซึ่งเป็นผลงานลำดับสุดท้ายในชีวิต