เที่ยวสโลว์ไลฟ์ละเลียดเมืองเล็ก
“เน็ตที่นี่เข้าไม่ค่อยได้ เอาไอโฟนติดตัวไปแต่ไม่มีสัญญาณ ก็เลยต้องเก็บไว้ในกระเป๋า”
โดย...ชุติมา สุวรรณเพิ่ม
“เน็ตที่นี่เข้าไม่ค่อยได้ เอาไอโฟนติดตัวไปแต่ไม่มีสัญญาณ ก็เลยต้องเก็บไว้ในกระเป๋า” ชูชาติ ตรีรัถยานนท์ นักท่องเที่ยวที่จำกัดคำนิยามตัวเองว่า เดินทางช้าๆ เที่ยวชิลชิล ขอแนะนำหมู่บ้านเล็กๆ อ.บ่อเกลือ การเดินทางจากตัวเมือง จ.น่าน ระยะทาง 80 กม. เดินทางไปตามเส้นทางสายน่าน ปัว บ่อเกลือ เมื่อถึง อ.ปัวเลี้ยวขวาผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคาก็จะถึง อ.บ่อเกลือ
ขาลุยอาจเลือกนั่งรถบัสจากกรุงเทพฯ ลง อ.ปัว แล้วต่อรถประจำทางบริเวณท่ารถสามแยกปัว-บ่อเกลือ มีวันละ 3 เที่ยว คือรอบ 07.30, 09.30 และ 11.30 น. นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ ก็จะถึง อ.บ่อเกลือ เป็นอีกทางเลือกของคนอยากเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชุมชนอย่างแท้จริง ถ้าชอบเที่ยวแนวนี้ก็ตามมาเลย
เคยได้ยินชื่อบ่อเกลือมาหลายครั้งแต่ยังไม่เคยไปสักที ชูชาติ เล่าว่า วันหนึ่งเดินทางไปเที่ยวดอยภูคา แล้วเห็นป้ายบอกทางชี้ไป อ.บ่อเกลือ เลยนั่งรถต่อ ด้วยเส้นทางดูแปลกตาเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกอีกมิติ เงียบสงบและสูงชัน ระหว่างลัดเลาะไหล่เขาไปเรื่อยๆ เมื่อมาถึงที่นี่ภายในเมืองเงียบสงบเหมือนจะหลุดไปอีกมิติ ซึ่งที่พัก บ่อเกลือ วิว รีสอร์ท ก็ดูสะอาดท่ามกลางธรรมชาติ ที่พักเล็กๆ มีให้เลือกมากมาย
เสน่ห์และความประทับใจของ อ.บ่อเกลือ นอกจากทิวทัศน์งดงามของภูเขา ป่าไม้ ระหว่างทางไปบ่อเกลือแล้ว ความเป็นชุมชนโบราณที่ยังคงยึดอาชีพทำเกลือสินเธาว์มาตั้งแต่ยุคสุโขทัย ทำให้รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ชาวบ้านยืนตักน้ำบนบ่อโบราณ แล้วเอาน้ำที่ตักไปต้มจนเป็นเกลือขาวสะอาด โดยเฉพาะในโรงต้มเกลือเหมือนมีมนต์เสน่ห์ให้เฝ้าดูน้ำบนกระทะใบบัวที่เริ่มเดือด และกลายเป็นผลึกเกลือขาวพร้อมควันคุกรุ่น ยิ่งชาวบ้านบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของการทำเกลือที่ในอดีตมีมากมายหลายบ่อ แต่ปัจจุบันเหลือแค่สองบ่อเท่านั้นคือบ่อเหนือ และบ่อใต้ โดยแต่ละบ่อจะมีชาวบ้านมาตักน้ำทำเกลือกันประมาณ 30-50 ราย ถือได้ว่าเป็นชุมชนที่มีความรักสามัคคี และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
บ่อเกลือ เป็นอำเภอรอยต่อระหว่างไทยลาว เป็นเส้นทางสีเขียวที่น่าหลงใหล โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ชาวบ้านต้อนรับคนมาเที่ยวด้วยอารมณ์ยิ้มแย้ม แถมด้วยการบอกเล่าเรื่องราวในชุมชน และอดีตของตนเองได้อย่างเป็นมิตร สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตของชุมชนที่รักษาอาชีพของตนเองมาแต่โบราณ ไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยี ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ก็สามารถดำเนินชีวิตได้แบบช้าๆ ตื่นเช้ามากินกาแฟ ดูภูเขา ท้องฟ้า แล้วเดินทางไปดูการทำเกลือจากชาวบ้าน และยังมีเวลานั่งอ่านหนังสือเล่มโปรด
อยู่กับชุมชนเงียบสงบ เดินรอบๆ พักโฮมสเตย์ ราคาคืนละ 500 บาท ใครชอบดำเนินชีวิตแบบช้าๆ ไปท่องเที่ยวได้เป็นสัปดาห์เลยล่ะ