พิมดาว พานิชสมัย
นักร้อง นักแสดง และบทบาทใหม่กับการเป็นทหารสังกัดกรมดุริยางค์ทหารบกของ มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย
โดย... รอนแรม ภาพ... พิมดาว พานิชสมัย
นักร้อง นักแสดง และบทบาทใหม่กับการเป็นทหารสังกัดกรมดุริยางค์ทหารบกของ มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย พิสูจน์แล้วว่าเธอมีความสามารถรอบด้านโดยเฉพาะความเป็นศิลปิน เธอศึกษาจบคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมีผลงานในวงการบันเทิงเรื่อยมา โดยเธอใช้ การเดินทาง เป็นหนทางสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะในแกลเลอรี่ ผู้คนต่างเชื้อชาติ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งทุกสิ่งล้วนมีความหมายต่อชีวิตเธอ
มองหาศิลปะ
ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนหรือแม้จะเข้ารับราชการทำให้ไม่มีเวลาเที่ยวมากเท่าเดิมแล้ว แต่อย่างน้อยใน 1 ปี เธอและครอบครัวต้องไปเที่ยวด้วยกัน 1 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะไปประเทศอังกฤษ
เธอกล่าวว่า เวลาเที่ยวจะแยกกันไปตามความชอบของแต่ละคน “แม่กับน้องเป็นแนวสาวๆ รักสวยรักงามก็จะไปช็อปปิ้ง แต่มัดหมี่จะชอบไปแกลเลอรี่หรือปาร์ก” เธอกล่าว
แกลเลอรี่ที่มัดหมี่ยกให้เป็นเดอะ เบสต์ ในอังกฤษ คือ ซาทชิ แกลเลอรี่ (Saatchi Gallery) สถานที่แสดงงานศิลปะร่วมสมัยทั้งภาพถ่าย งานปั้น และนิทรรศการของศิลปินทั้งมีและไม่มีชื่อเสียง รวมถึงยังมีร้านขายของศิลปะที่เธอชอบมากเป็นพิเศษ ความโดดเด่นของแกลเลอรี่นี้คือ เป็นพื้นที่ให้ศิลปินแนวร่วมสมัยรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาแสดงงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเวลาต่อมา เพราะแกลเลอรี่แห่งนี้มีผู้เข้าชมราวๆ 6 แสนคน/ปี อีกทั้งยังเปิดให้เข้าฟรีและเดินทางสะดวกในบริเวณเขตเชลซี (Chelsea) ของลอนดอน
สำหรับประเทศไทย เธอชื่นชอบมิวเซียมสยาม สถานที่ให้ความรู้ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม เธอเล่าว่า ครั้งแรกที่ไปเพราะถ่ายรายการแล้วก็ชอบมาตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งความเป็นไทยที่นำเสนอได้อย่างมีศิลปะ การเล่าเรื่องราวของประเทศตั้งแต่ประวัติศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชย และคนรุ่นใหม่สามารถไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ได้โดยไม่รู้สึกเฉย เพราะการดีไซน์ที่ร่วมสมัย
และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นำมาใช้“มัดหมี่มีความสนใจเรื่องศิลปะอยู่แล้ว เวลาไปไหนก็จะตามหาสิ่งเหล่านี้เป็นอันดับแรก” เธอกล่าวเพิ่มเติม
ครอบครัวพานิชสมัยมักวางแผนเที่ยวเองโดยมีน้องสาวเป็นคนหาข้อมูลจากไกด์บุ๊ก ซึ่งถ้าถามว่าในแต่ละปีเที่ยวกี่ครั้ง เธอก็ไม่เคยนับ ตอบได้เพียงว่า “บ่อยมาก”
แค่ออกจากบ้าน
“แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็ถือเป็นการเดินทางแล้ว” มัดหมี่กล่าวเช่นนั้น เพราะการเดินทางเหมือนกับการก้าวออกมาจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเธอได้นิยามการเดินทางว่ามันคือ “การเก็บความทรงจำ”
“การเดินทางคือการเก็บเกี่ยวความรู้สึกทุกอย่างให้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป และทุกครั้งที่ออกเดินทางมัดหมี่จะได้แรงบันดาลใจกลับมา เช่น แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากการได้เห็นชีวิตคนอื่น เห็นสภาพบ้านเมืองที่ต่างออกไป ได้กินอาหารแปลกๆ และการเรียนรู้วัฒนธรรมอื่น ความรู้สึกของเรามันไม่เคยซ้ำ เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เหมือนเราได้เปิดโลกทัศน์มากขึ้นทุกครั้งที่ไป” มัดหมี่ทิ้งท้าย
และเธอยังเชื่อด้วยว่าการเดินทางไม่มีวันซ้ำเดิม แม้ว่าจะกลับไปสถานที่เดิมก็ตาม
โลกของพิมดาว
ถ้ามีโลกของตัวเองหนึ่งใบ มัดหมี่อยากให้โลกใบนั้น “เป็นโลกแห่งธรรมชาติที่ธรรมดา อยู่แล้วทำให้เรามีความสุขความสบายใจเท่านี้ก็พอแล้ว มัดหมี่ว่าคนเราไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ให้มีความสุขก็พอ ความสุขมันครอบคลุมหมดแล้ว” เธอกล่าว
ส่วนนิยามความสุขของเธอคือ ความพอดี “ความพอดีมันสำคัญ เราต้องหาบาลานซ์ให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วความสุขที่แท้จริงมันอยู่ที่ใจของเรา ถ้าใจเราคิดบวก ใจเราคิดดี เราก็จะมีความสุขไปตลอดกาล”
ก่อนจบบทสนทนาเธอไม่ลืมบอกข่าวดีว่า “มัดหมี่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในเดือน พ.ย.” จึงขอแสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าสาวคนนี้ล่วงหน้า และขอให้การเดินทางครั้งใหม่ในฐานะภรรยามีแต่ความสุขเหมือนกับโลกใบนั้นที่เธออยากให้เป็น