‘Amy’ ความเปราะบาง อันเหลือทนของชีวิต
เดินออกจากโรงหนังอย่างครุ่นคิด บทเพลงและชีวิตที่ผ่านตาในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ยังติดอยู่ในหัว
โดย...พรเทพ เฮง / ภาพ : mix106.com.au, posterspy.com
เดินออกจากโรงหนังอย่างครุ่นคิด บทเพลงและชีวิตที่ผ่านตาในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ยังติดอยู่ในหัว
ชีวิตมนุษย์ช่างเปราะบางเหลือเกิน...
พรสวรรค์อันเลอเลิศของคนคนหนึ่ง สามารถให้ทั้งคุณและโทษกับตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ
การเป็นดาวอยู่บนฟ้า โดดเด่นและเลิศลอยด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่เหนือใครในฐานะนักร้อง/นักเขียนเพลง
ความสำเร็จของชื่อเสียงเงินทองที่ถาโถมเข้ามา ด้วยวัยและวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สามารถตั้งรับได้อย่างรอบด้าน แม้จะไม่หลงระเริงกับชีวิต พยายามดำรงตนอย่างปกติเท่าที่เคยเป็นมา แต่มีกับดักและหลุมพรางให้ร่วงลงสู่ก้นเหวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอมี่ ไวน์เฮาส์ คือเธอคนนั้น
ประวัติศาสตร์ดนตรีร่วมสมัยของโลก บันทึกเธอในฐานะตำนานของวงการเพลงโลกอย่างรวดเร็ว เป็นการจากไปก่อนกาลและอายุขัยที่ควรจะเป็น
การหยิบเอาชีวประวัติของเธอมาเล่าปะติดปะต่อผ่านวัตถุดิบที่ได้มาจากที่ต่างๆ รวมถึงการสัมภาษณ์มาร้อยเรื่องเป็นเรื่องราวจนเกิดภาพชีวิต ปูมหลังครอบครัว เพื่อนฝูง ธุรกิจ และอุตสาหกรรมดนตรีในเชิงพาณิชย์ศิลป์ที่ปะทะกับอัตตาของศิลปินที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในดนตรี
โศกนาฏกรรมและความตายของป๊อปสตาร์ในวงการดนตรีร่วมสมัยของโลกไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด มีมาเนิ่นนานกว่าครึ่งศตวรรษที่ศิลปินผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ได้เพียงผ่านทางมาและจากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการทำลายตัวเองจากแอลกอฮอล์และยาเสพติด
“Amy” เป็นหนังชีวประวัติของยอดนักร้องสายแจ๊ซ/โซล ที่มาเร็วไปเร็ว มีอัลบั้มเพียง 2 อัลบั้ม ซึ่งจัดอยู่ในระดับของงานชิ้นเยี่ยมและแสดงถึงพัฒนาการของตัวเธออย่างเด่นชัดในการก้าวขึ้นเป็นนักร้อง/นักแต่งเพลงระดับโลก
บทเพลงของเธอคือตัวเธอ มิอาจแบ่งแยกออกจากกันได้
ลำนำที่ขับร้องคือเรื่องราวที่ออกมาจากห้วงลึกภายในที่เขียนออกมาระบายความรู้สึกส่วนตัวแต่กระทบใจคนฟังเพลง เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเองและดนตรี
อุตสาหกรรมดนตรี ธุรกิจคอนเสิร์ต และสื่อมวลชนสร้างเงินและชื่อเสียงให้เธอมหาศาล แต่สุดท้ายก็ย้อนกลับมาทำร้ายทำลายตัวเธอ เมื่อมากอปรรวมกับสนิมที่กัดกินเธอเองจากเนื้อใน ผู้ชาย 2 คนที่เธอปรารถนาอยากมอบความรักให้ แต่ทั้งสองได้แต่โอบกอดผลประโยชน์ที่มาจากตัวเธอ
พ่อและสามี เป็นตัวแปรสำคัญในชีวิต
พ่อเดินจากครอบครัวไปในวันที่เธอรู้เดียงสา และกลับมาในวันที่เธอโด่งดังอย่างที่เธออยากให้เขารักในตัวลูกสาว แฟนหนุ่มที่เธอลุ่มหลงและทุ่มเทความรัก เธอแย่งเขามาจากคนอื่นได้ และเขานำความตกต่ำในเรื่องยาเสพติดเข้าสู่ชีวิต เธอแพ้ต่อเกมชีวิต ในขณะที่เธอคิดว่าเอาชนะผู้ชายที่เธอต้องการให้อยู่ในวงจรชีวิต
ความเป็นเด็กดื้อที่เป็นอุปนิสัยหลักจากการตามใจของแม่ และโรคกลัวความอ้วนซึ่งแนบติดสนิทเป็นเหมือนเงา เมื่อเธอโด่งดังระดับโลก คนที่เคยแนบสนิทชิดอยู่ข้างตัวถูกเขี่ยลงข้างทาง ไม่ว่าผู้จัดการส่วนตัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาตั้งแต่วัยรุ่นก่อนเข้าวงการ และเพื่อนๆ ในวัยเรียน น่าจะเป็นจุดหักเหที่สำคัญ ซึ่งทำให้ชีวิตสู่ความสับสนอลหม่านจับต้นชนปลายไม่ถูก...ดำดิ่งจนฉุดไม่ขึ้น แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
แล้ววันหนึ่งเธอก็จากไป...น่าเสียดายที่หนังสะท้อนมุมมองและสัมภาษณ์ แอนดริว มอร์ริส บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ชิดและอยู่ดูแลเธอมากที่สุดในช่วงท้ายสุดของชีวิต รวมถึงในวันที่เธอเสียชีวิตน้อยเกินไป บางทีอาจจะมีมุมที่ได้เห็นแสงเทียนแห่งชีวิตสว่างวูบสุดท้ายก่อนจะดับหายไปของเอมี่ ซึ่งน่าจะอยู่ในคลองจักษุของเขาบ้างไม่มากก็น้อย
ความตายไม่สามารถทำอะไรคนที่มีผลงานเป็นอมตะได้ หนัง “Amy” ก็เป็นตัวแทน เอมี่ ไวน์เฮาส์ ไปชั่วกาลนาน
ความตายของเอมี่ก็ทำให้หลายคนประหวัดถึงความตายในวัย 27 ปีเหมือนกันของ เจนิส จอปลิน นักร้อง/นักแต่งเพลง ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นไอดอลของยุคทศวรรษที่ 60 ซึ่งขบวนการฮิปปี้หรือบุปผาชนเบ่งบาน และมีหนังสารคดีชีวประวัติของเธอที่มีชื่อว่า “Janis : Little Girl Blue” ออกมาฉายอยู่ ไม่รู้ว่าคนไทยจะมีโอกาสได้ดูหรือไม่?
โดยภาพหลักของทั้ง “เอมี่” และ “เจนิส” ต่างเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ทางการร้องเพลงและแต่งเพลงที่หาใครเสมอเหมือน และการก้าวสู่ชื่อเสียงและเงินทองในฐานะศิลปินหญิงระดับโลกที่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ชีวิตที่ตกอยู่ในวังวนของแอลกอฮอล์และยาเสพติดจนนำมาสู่จุดสิ้นสุดของชีวิตเร็วเกินคาด
ทำไม!?! ทั้งสองจึงมีวงจรของการทำลายตัวเองได้อย่างรวดเร็ว คงต้องรำพึงเบาๆ ว่า เพราะชีวิตมนุษย์ช่างเปราะบางเหลือเกิน...