ก้าวตามฝันสู่เส้นทางโมเดล
อาชีพนางแบบนายแบบหรือ “โมเดล” ยังคงเป็นอาชีพในฝันอันดับต้นๆ
โดย...ภาดนุ/ชุติมา ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
อาชีพนางแบบนายแบบหรือ “โมเดล” ยังคงเป็นอาชีพในฝันอันดับต้นๆ ที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ใฝ่ฝันจะเดินบนเส้นทางสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นโมเดลเพื่อถ่ายแบบ ถ่ายลุคบุ๊ก หรือเดินแฟชั่นบนรันเวย์สุดเริ่ดก็ดูเจิดจรัสจนน่าเข้าไปสัมผัสมิใช่น้อย แต่ก่อนจะก้าวสู่อาชีพนี้ควรต้องรู้อะไรบ้างเพื่อการเตรียมพร้อม ลองไปฟังจากปากคนในแวดวงแฟชั่นกันเลย
ดีไซเนอร์-สไตลิสต์ คือผู้ชี้ตัวโมเดล
ในงานแอล แฟชั่น วีก แบรนด์ “ปฏิญญา” ต้องโชว์ประจำทุกปี กีต้าร์-ปฏิญญา เกี่ยวข้อง ครีเอทีฟและผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า “ปฏิญญา” และบรรณาธิการแฟชั่นนิตยสารแมรี แคลร์ เผยว่า จะเริ่มจากการแคสติ้งหรือเลือกนางแบบก่อน ซึ่งมีอยู่ 2 แบบคือ เลือกเพื่อเดินบนรันเวย์ และเพื่อถ่ายลุคบุ๊กคอลเลกชั่นใหม่
“การแคสติ้งแต่ละครั้ง ต้าร์จะนัดนางแบบจากหลายโมเดลลิ่งทั้งนางแบบอินเตอร์และไทย มาทีเดียวหลายสิบคน ถ้าเป็นนางแบบที่ถ่ายลุคบุ๊ก ก็จะดูว่าคาแรกเตอร์พวกเธอตรงกับเสื้อผ้าเรามั้ย โดยมีเกณฑ์มาตรฐานที่ตัวเองตั้งไว้แล้ว ส่วนการเลือกนางแบบเพื่อเดินบนรันเวย์นั้น มาตรฐานของนางแบบที่เลือกมาต้องใกล้เคียงกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นฝรั่งหรือไทยทั้งหมด แต่เรื่องส่วนสูงนี่ต้องได้ตามมาตรฐานที่ตั้งไว้คือ 174-177 ซม. (บวกลบ 2-3 ซม.) ค่ะ”
ปฏิญญา เกี่ยวข้อง
กีต้าร์ บอกว่า แม้บางคนความสูงต่ำกว่าเกณฑ์นิดหน่อย แต่รูปร่างและหน้าตาตรงกับที่ต้องการ เธอก็จะเตรียมรองเท้าที่สูง 5-6 นิ้วไว้ให้ใส่เวลาเดินบนรันเวย์ ซึ่งจะทำให้ความสูงของนางแบบที่เดินได้มาตรฐานเดียวกัน ในเรื่องของสัดส่วนก็ต้องเป็นไปตามไซส์เสื้อผ้าที่วางไว้ นั่นคือ อก เอว สะโพก ต้อง 32/25/35 ห้ามเกินกว่านี้ แต่ถ้าผอมกว่านิดนึงได้
“สิ่งสำคัญอีกอย่างในการเลือกนางแบบก็คือหน้าตาต้องดูอินเตอร์ ไม่ว่าฝรั่งหรือเอเชีย หน้าตาต้องดูแล้วสวยสากล ใส่เสื้อผ้าแล้วดูดี ถ้าสวยอินเตอร์แต่ใส่เสื้อผ้าแล้วดูดร็อปก็ไม่เลือกค่ะ ซึ่งการแคสติ้งแต่ละครั้งจะใช้เวลา 3 วันโดยเรียกมาทีเดียว 80-90 แล้วคัดให้เหลือ 30-35 คนเพื่อเดินบนรันเวย์ 1 โชว์
วิธีเลือกเบื้องต้นก็คือดูจาก คอมโพสิต การ์ด (รูปและประวัติของนางแบบ) ก่อน ถ้าเห็นว่าคนไหนตรงสเปกก็จะเรียกมาแคสติ้งแล้วเลือกจากตัวจริงอีกที โดยทุกครั้งต้องมีการวัดสัดส่วนนางแบบใหม่ทั้งหมด ที่ผ่านมาก็มีนางแบบไทยที่ได้เดินเสื้อผ้าของเราบ่อยๆ เช่น สิ พิชญ์สินี แพนเค้ก เขมนิจ โยเกิร์ต รวีวรรณ และนางแบบหน้าใหม่ ซึ่งทุกคนมีส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 174 ซม. พอใส่ส้นสูงเข้าไปความสูงก็จะเท่ากับนางแบบอินเตอร์พอดีค่ะ”
อธิ วรรณศรี
ขณะที่ อธิ วรรณศรี สไตลิสต์ผู้มีหน้าที่แคสติ้งนายแบบนางแบบเพื่อถ่ายภาพลงลุคบุ๊กหรือแค็ตตาล็อกเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ ของห้างดัง เผยว่า ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบเสื้อผ้าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ล้วนต้องมีการแคสติ้งทั้งนั้น
“ส่วนใหญ่แล้วเจ้าของแบรนด์จะเน้นนายแบบฝรั่ง ทางเราก็ต้องติดต่อไปทางโมเดลลิ่งที่พวกนี้สังกัดอยู่ ทางโมเดลลิ่งก็จะส่งคอมโพสิต การ์ด มาให้ดูก่อน แต่สมัยนี้มักจะสะดวกส่งมาทางอีเมลหรือไลน์มากกว่า สไตลิสต์ก็จะมาดูว่าบุคลิกหน้าตาตรงกับคอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าหรือเปล่า ลูกค้าชอบมั้ย
จากนั้นก็เรียกมาแคสติ้งพร้อมกัน 10-20 คน โดยให้มาลองสวมเสื้อผ้าและเดินออกมาให้ดู เสื้อผ้าบางแบรนด์เช่น ยีนส์ที่มีความยืดหยุ่นสูง นายแบบก็ต้องแอ็กติ้ง กระโดด หรือเต้นให้ดูนอกเหนือจากการโพสท่าได้ จากนั้นก็จะถ่ายภาพนิ่งและถ่ายวิดีโอเก็บไว้ ซึ่งตอนแคสติ้งนี้บางครั้งลูกค้าก็อาจจะอยู่ดูด้วยก็ได้ ถ้าลูกค้าถูกใจก็จะเลือกไปพร้อมกับสไตลิสต์เลย แต่ลูกค้าบางรายก็อาจให้เราแคสติ้งแล้วส่งไปให้เขาเลือกอีกที”
อธิ เสริมว่า ผู้ที่มาแคสติ้งนอกจากต้องมีบุคลิกที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องสามารถปรับตัวไปตามเสื้อผ้าแบรนด์นั้นได้ด้วย บางครั้งถ้าลูกค้าชอบคนไหนเป็นพิเศษก็จะแค่เรียกมาดูตัวเฉยๆ มาอัพเดทลุคเท่านั้นก็ได้งานไปเลยก็มี
“ไม่ใช่ว่าเราเลือกแต่โมเดลฝรั่งเท่านั้น ช่วงนี้โมเดลคนไทยก็ได้งานไปเยอะเหมือนกัน ซึ่งเท่าที่ทราบมาคนไทยส่วนใหญ่จะได้งานเดินแบบซะมากกว่า เรียกว่าได้งานเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเหมาะกับงานไหนมากกว่ากันเท่านั้น”
เตรียมคอมโพสิต การ์ด ให้พร้อม
เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง สาวสวยหุ่นดีวัย 23 ปี ซึ่งเป็นทั้งนักร้อง นางแบบ และนางงามผู้คว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 และมิส พีเพิล ชอยส์ ในการประกวดมิสเวิลด์ 2014 มาได้ แต่กว่าจะมีวันนี้เธอต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง
“เมญ่าเริ่มต้นประกวดนางแบบ Thai Super Model 2007 เป็นเวทีแรกตอนอายุ 15 ปีค่ะ ก็ได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย และได้ตำแหน่งสาวผมสุขภาพดี หลังประกวดก็มีงานเดินแบบที่ผู้ใหญ่ขอให้ช่วยบ้าง เคยถ่ายแบบในนิตยสารบ้าง มีงานเดินแบบที่เมญ่าเคยไปแคสติ้งมาเหมือนกัน ตอนนั้นอายุยังน้อยจึงไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่ได้เตรียมตัว พอเขาถามว่ามี คอมโพสิต การ์ด มามั้ย เมญ่าก็บอกว่าไม่มีค่ะ แล้วก็ใช้วิธีเขียนประวัติลงกระดาษให้เขาไป ขั้นตอนการแคสติ้งเขาก็ให้เดินแค่รอบเดียวแล้วกลับบ้านได้เลย สรุปแล้วก็ไม่ได้งาน เมญ่ายังคิดว่าสงสัยเราคงไม่เหมาะกับงานสายนี้”
เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง
แต่เธอก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ พออายุ 18 ปีเธอก็เข้าประกวด Asian Super Model 2010 จนคว้าตำแหน่งชนะเลิศ และได้ไปประกวดต่อที่จีนจนเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย เมญ่า บอกว่า การที่มีตำแหน่งหรือมีโปร์ไฟล์ติดตัว เวลาไปแคสติ้งงานก็จะช่วยให้มั่นใจและมีโอกาสได้งานมากขึ้น
“งานเดินแบบจริงๆ จังๆ ครั้งแรกเลย เมญ่าเดินให้กับแบรนด์ของพี่ผักกาด และได้เดินแบรนด์ของสิงคโปร์บ้าง จากนั้นเมญ่าก็ไปประกวดนางงามจนได้ตำแหน่งมา คราวนี้โอกาสดีๆ ก็เข้ามาเยอะมาก เพราะเราได้เรียนรู้มากขึ้น คราวนี้ทั้งงานถ่ายแบบ เดินแบบ และอีเวนต์เข้ามาเยอะเลย”
เมญ่า บอกว่า ในวงการนางแบบมีการแข่งขันสูงมาก ถ้าเราโลว์โปร์ไฟล์ก็จะไปแคสติ้งแล้วไม่ค่อยได้งาน อีกอย่างการเลือกนางแบบไปเดินบนรันเวย์ คนจัดงานหรือเจ้าของแบรนด์จะเป็นคนเลือกเอง บางครั้งแม้เราจะเดินสวยเดินดี แต่พอไปใส่เสื้อผ้าแล้วดูไม่ใช่ เราก็ไม่ได้งานเหมือนกัน
“ก่อนไปแคสติ้งนอกจากต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของรูปร่างแล้ว ยังต้องศึกษาก่อนว่าเสื้อผ้าแบรนด์ที่เราจะไปแคสติ้งนั้นมีซิกเนเจอร์อย่างไร เหมาะกับเรามั้ย เพราะถ้าไปแคสติ้งโดยไม่ได้
พรีเซนต์ในสิ่งที่แบรนด์ต้องการ เราก็จะอดงานนั้น แล้วอย่าลืมเตรียมคอมโพสิต การ์ด ติดไปหลายๆ แผ่น ถ้าครั้งแรกไม่ได้ อย่าเพิ่งถอดใจ ต้องอดทน เพราะโมเดลเป็นอาชีพที่เหนื่อย ต้องซ้อม ต้องบล็อกกิ้งจุดที่ยืนและเดิน ต้องแต่งหน้าตั้งแต่เช้าเพื่อเดินแค่ 20 นาทีในตอนค่ำ ถ้ารักอาชีพนี้จริงๆ ต้องสู้ต่อไป”
เวทีประกวด จุดสตาร์ทนายแบบ
นายแบบหนุ่มหน้าตาสไตล์เคป๊อป วัย 24 บะหมี่-วสวัตติ์ เล็กเจริญสุข ล่าสุดได้รับคัดเลือกให้ขึ้นเวที “Hive Fashion Show Bangkok 2015” แฟชั่นโชว์ผมสุดอลังการของ ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา แฮร์สไตลิสต์ชื่อดัง
บะหมี่ บอกว่า ตื่นเต้นมากๆ ได้กระทบไหล่ทำงานเวทีเดียวกับดาราดังๆ ระดับแนวหน้าของไทย สำหรับเด็กใหม่ใครได้ขึ้นรันเวย์นี้ก็การันตีว่าเส้นทางโมเดลสดใสแน่นอน เพราะงานตรงนี้คือความฝัน จากน้ำหนักกว่า 100 กก.ตอนอายุ 17 ปี ก็ต้องลดน้ำหนักให้ได้ 74 กก.ต่อความสูง 185 ซม. ซึ่งเป็นมาตรฐานนายแบบไทย
“นายแบบต้องสูง 183 ซม.ขึ้นไปครับ ผมโชคดีเรื่องความสูง แต่สมัยวัยรุ่นไม่อยู่ในข่ายอาชีพนี้เลย เตี้ยแค่ 175 ซม. อ้วนแถมดำอีกต่างหาก (หัวเราะ) ความฝันในตอนนั้นไม่ได้อยู่บนรันเวย์แต่เป็นนิตยสาร เห็นนายแบบหล่อๆ เป็นแรงบันดาลใจ ทั้งออกกำลังกาย ทั้งควบคุมอาหาร พอผอม ผมก็เริ่มประกวดนายแบบของนิตยสารผู้ชายออกกำลังกายฉบับหนึ่งในปี 2014 จากคนสมัคร 300 กว่าคน ภูมิใจมากครับได้เข้ารอบ 10 คนแล้ว (ยิ้ม) ก็ได้เข้าไปเก็บตัวทำกิจกรรม ทำให้ได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ในอาชีพนี้ ที่สำคัญมีพี่ๆ ในวงการเรียกใช้เพราะเห็นผมจากตรงนี้ ถ้ามีความฝันอย่ากลัวการประกวดครับ
วสวัตติ์ เล็กเจริญสุข
จุดเด่นของผมคือ ดวงตาที่สดใส มีลักยิ้มแก้มขวา ทำให้เราดูเฟรนด์ลี่ แต่การที่มีพี่ๆ เรียกใช้บ่อยโดยที่เราไม่ต้องไปแคสติ้งแข่งขันกับคนอื่นมากนัก พี่สไตลิสต์บอกว่า เพราะใบหน้าผมเปลี่ยนได้หลายแบบ ใช้ได้ในหลายๆ งาน ทำผมปิดหน้าผากแบบเกาหลีก็ดูวัยรุ่น พอทำทรงใหม่เซตเปิดหน้าผากก็ดูเป็นหนุ่มวัยทำงานได้อีก ก็เลยได้งานเยอะ ส่วนใหญ่ดีไซเนอร์จะเรียกไปใช้ เพราะบุคลิกเราเข้ากับเสื้อผ้าหลายๆ สไตล์
คุณสมบัติของอาชีพนี้คือ ต้องดูสะอาดสะอ้าน ทรงผม หน้าตา ไม่ต้องเป๊ะหรอกนะครับ แต่ต้องไม่ดูรกรุงรัง ต้องดูแลผิวพรรณ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ บุคลิกภาพต้องเฟรนด์ลี่ ต้องมีสัมมาคารวะ ทำให้พี่ๆ เอ็นดู เรียกใช้เราบ่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องตรงเวลาครับ ผมเคยเห็นนายแบบรุ่นพี่มาเลตบ้าง แต่ผมจะมาทำงานให้เช้าที่สุด เพราะเจ้าของแบรนด์จะได้บรีฟเราเยอะขึ้น บล็อกกิ้งจุดที่ยืน บอกสไตล์การเดิน งานช่วยเปลี่ยนนิสัยผมได้เยอะครับ แต่ก่อนใจร้อนมาก แล้วเหมือนไฮเปอร์ (หัวเราะ) แรกๆ ทำงานรอใครนานๆ ไม่ได้เลย จะหงุดหงิด แต่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีสมาธิกับงานดีขึ้นทุกๆ วันครับ”
เอเยนซี ช่องทางโกอินเตอร์ฯ
นายแบบไทยเพียงคนเดียวที่ไปทำงานที่สิงคโปร์ กระเต็น-วรชาติ รัตนพงษ์ โมเดลสายลีน ความสูง 187 ซม.กับน้ำหนักเพียง 68 กก. ขายคาแรกเตอร์ใบหน้าเรียวตอบ โชว์โหนกแก้มชัดเจน เป็นใบหน้าสไตล์เอเชียที่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แข่งได้กับโมเดลสายกล้ามใหญ่ ใบหน้าหล่อๆ จมูกโด่งๆ สไตล์พระเอกฮอลลีวู้ด
“ผมอายุย่าง 26 ปี ก็ถือว่าเยอะสำหรับนายแบบ แต่คนเอเชียได้เปรียบเพราะจะดูเด็กกว่าฝรั่ง ทำงานอยู่เมืองไทยรายได้แตะ 6 หลักครับ ซึ่งในสิงคโปร์ก็ไม่ต่างกันนัก แต่ทันทีที่ผู้ใหญ่ทางซูเปอร์เรดโมเดลยื่นข้อเสนอให้มาลองทำงานในสิงคโปร์ กับเอเยนซีซึ่งดูแลนายแบบระดับอินเตอร์ ผมไม่ปฏิเสธเลย รีบตอบรับทันที
ตอนนี้อยู่สิงคโปร์ 7 วัน แคสติ้งได้ 2 งานแล้วครับ เพราะคาแรกเตอร์เราชัด ขายงานได้ง่าย เป็นตัวเลือกในกลุ่มนายแบบฝรั่งกล้ามโตๆ ผมกำลังจะได้เดินแบบของเครื่องประดับคาร์เทียร์ ค่าตัว 500 เหรียญสิงคโปร์ต่อการทำงาน 2 ชั่วโมง สำหรับการทำงานที่นี่เรื่องเวลาสำคัญมาก สองชั่วโมงไม่มีขาดหรือเกิน เป๊ะมาก ทำให้เราทำงานง่ายด้วย คุ้มค่าจ้างด้วย
สำหรับอีกงานเป็นการถ่ายแบบให้กับแค็ตตาล็อกแฟชั่นออนไลน์ วิธีการแคสติ้งแตกต่างจากเมืองไทยมาก การแข่งขันสูง ต้องไปเจอกับนายแบบอินเตอร์หลากหลายชาติ แต่วิธีทำงานกลับง่ายมากๆ เลยครับ ใช้เวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้น โดยทำพอร์ตโฟลิโอใส่ไอแพดไปให้เอเยนซีแต่ละแห่งดู แล้วเขาจะตัดสินเลยถ้าเขาอยากได้ ไม่ต้องอยู่เป็นวันๆ เหมือนเมืองไทย ทำให้โมเดลเดินขายงานได้หลายที่ด้วย
บุคลิกเป็นสิ่งสำคัญเวลาไปแคสติ้ง ผมแต่งตัวสไตล์แคชชวล เสื้อยืดกางเกงยีนส์เท่านั้น ทรงผมสำคัญที่สุดครับ ต้องดูสบายๆ ง่ายๆ ไม่ต้องเซตเยอะ และต้องดูสะอาดสะอ้าน เอเยนซีมีแผนจะส่งผมไปทำงานที่ฮ่องกง ซึ่งที่สุดของอาชีพนี้ผมอยากไปทำงานที่นิวยอร์กสักครั้ง” วรชาติ ทิ้งท้ายว่า หากขยันขายงานและไปแคสติ้งบ่อยๆ ความฝันที่เขาตั้งใจไว้ก็ไม่น่าจะเกินปีหน้า