บทเรียนจากกวนอู

15 พฤศจิกายน 2558

ภาพลักษณ์ของกวนอูที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันทุกวันนี้ มาจากพงศาวดารสามก๊ก กับคติความเชื่อท่ามกลางชาวบ้าน พ่อค้า และบรรดานักเลง

โดย...นิธิพันธ์ วิปวิทย์

ภาพลักษณ์ของกวนอูที่คนส่วนใหญ่รับรู้กันทุกวันนี้ มาจากพงศาวดารสามก๊ก กับคติความเชื่อท่ามกลางชาวบ้าน พ่อค้า และบรรดานักเลง

จัดเป็นแม่ทัพคนนึงในประวัติศาสตร์จีนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหลากหลายบทบาท เป็นทั้งเทพเจ้าแห่งคุณธรรมกตัญญู เทพเจ้าคุ้มครองกลุ่มอิทธิพลมืด เทพเจ้าของตำรวจ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เทพพิทักษ์แห่งการค้าขายผ้าไหม-เพราะมีคิ้วดั่งหนอนไหม? เทพแห่งช่างตัดผม-เพราะฝีมือตัดหัว? เทพแห่งมนุษย์เงินเดือน-เพราะถือง้าววงพระจันทร์! (จันทร์=เดือน!!!)

ยิ่งนานวันท่านก็ยิ่งได้รับความนิยมในหลากหลายสาขาอาชีพ

นอกจากกว้างขวางในหลากหลายอาชีพแล้ว ยังมียศมาแล้วแทบทุกตำแหน่ง กวนอูในประวัติ ศาสตร์ช่วงเริ่มต้นชีวิตเป็นนักโทษหนีความผิด กลายเป็นแม่ทัพในกองกำลังเล็กๆ ตำแหน่งสูงสุดที่ราชวงศ์ฮั่นตั้งให้คือตำแหน่งโหว (พระยา) แต่เมื่อท่านจากไป ผ่านศรัทธาและความนับถือกว่าพันปี กวนอูได้เลื่อนขั้นเป็นเสนาบดี ราชา เทพของลัทธิเต๋า จนถึงพระโพธิสัตว์

หรือกระทั่งซูเปอร์ฮีโร่

1,756 ปีหลังกวนอูจากโลกไป (ค.ศ. 1976) กวนอูรับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในหนังไต้หวันที่ชื่อว่า “ศึกเทพกวนอูปะทะมนุษย์ต่างดาว” (ให้นึกถึงอุลตร้าแมนหรือหนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ครับ ยุคเดียวกัน) นับเป็นหนังเกี่ยวกับหายนะระดับโลกเรื่องแรกของไต้หวัน (และของจีนเช่นกัน)

กวนอูก้าวข้ามทั้งมิติตามนอนในหลากหลายอาชีพ มิติตามตั้งในด้านยศตำแหน่ง ข้ามมิติทางศาสนา และรวมถึงมิติต่างดาว

หากเอาข้อเท็จจริงทางประวัติ ศาสตร์มาจับ ภาพลักษณ์ของกวนอูในปัจจุบันคงกระจัดกระจายหายเกลี้ยง ที่ชัดๆ เป็นรูปธรรม เช่น เรื่องอาวุธคู่กายกวนอู ก็ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ยุคนั้น

ในยุคสามก๊กที่ยังไม่มีการประดิษฐ์โกลนม้า จะนั่งม้าให้มั่นคงต้องอาศัยกำลังขาหนีบ กับกำลังแขนจับสายบังเหียน

อาวุธบนหลังม้าที่นิยมในยุคนั้นจึงเป็นลักษณะจ้วงแทง อย่างเช่นทวนเป็นหลัก นักโบราณคดียังสันนิษฐานว่าการรบด้วยทหารม้าในยุคสามก๊กจะใช้ม้าเพื่อการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วเท่านั้น พอถึงระยะประชิดจริงๆ น่าจะต้องลงจากหลังม้าเพื่อต่อสู้กัน

หากมีแต่อาวุธจ้วงแทงบนหลังม้า จะบั่นศีรษะข้าศึกก็ต้องเริ่มจากจ้วงแทงให้เสียชีวิตตั้งแต่บนหลังม้า แล้วกระโดดลงมาให้กระบี่หรือมีดตัดศีรษะ แล้วจัดเก็บศีรษะให้เรียบร้อย แล้วจึงกระโดดขึ้นหลังม้า ควบกลับ ซึ่งออกจะยุ่งยากและใช้พลังงานไม่ใช่น้อย แต่นั่นคือความจริงทางวัตถุพยานของประวัติศาสตร์ยุคนั้น

ง้าวจันทร์เสี้ยวยาว 11 ศอกหนัก 82 ชั่ง (ประมาณ 40 กว่ากิโลกรัม) ในวรรณกรรม เหวี่ยงเข้าทีนึงจึงรังแต่จะทำให้กวนอูตกม้า ง้าวจันทร์เสี้ยวจึงเป็นอาวุธที่ชาวบ้านชาวช่องติดให้กับกวนอูยุคหลังจากยุคสามก๊กหลายร้อยปี

ยังไม่นับเรื่องรูปลักษณ์ของกวนอูที่มีหน้าแดง คิ้วดั่งหนอนไหม ที่ไม่มีบันทึกใดๆ บอกไว้ยกเว้นในนิทานและนิยาย

และวีรกรรมจำนวนมากของกวนอูก็เป็นวีรกรรมที่ล่อกวนตงผู้แต่งสามก๊กหยิบยื่นให้ บอกได้เลยว่าวีรกรรมของกวนอูในวรรณกรรมสามก๊กมีเค้าลางความจริงแค่ 3 ส่วน แต่งขึ้นเอง 7 ส่วน

กวนอูอุ่นสุราตัดคอฮัวหยง กวนอูฝ่า 5 ด่าน ตัดคอ 6 ขุนพล กวนอูไว้ชีวิตโจโฉ ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องแต่งขึ้นภายหลังทั้งสิ้น

แต่ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนด่วนสรุปว่าเรื่องราวของกวนอูทั้งหมดนั้นหลอกลวง หรือกวนอูไม่มีดี กวนอูในบันทึกประวัติศาสตร์ไม่ใช่ย่อย เรื่องความสัตย์ซื่อต่อเพื่อนพ้อง หรือฝีมือความเก่งกาจในการรบยังมีอยู่ครบทุกประการ

กวนอูในประวัติศาสตร์สร้างชื่อในการรบครั้งแรกๆ ด้วยการตะลุยเดี่ยวเข้าบั่นหัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว กวนอูในประวัติศาสตร์ รักและเคารพเล่าปี่เป็นพี่เป็นเชื้ออย่างไม่ต้องสงสัย กวนอูในประวัติศาสตร์เมื่อโดนธนูพิษยังคงให้หมอขูดพิษออกจากกระดูกแขนซ้าย เลือดนองเต็มถาด ขณะที่มือขวายังหยิบเนื้อย่างร่ำสุราในอาการปกติ

และกวนอู คือนักรบเครางามผู้หยิ่งผยองในฝีมือของตน

กวนอูหยิ่งผยองในก๊ก จึงท้าขอคำเปรียบเทียบฝีมือกับแม่ทัพเก่งๆ ในก๊ก จนขงเบ้งต้องแก้เกมด้วยการเยินยอในฝีมือของ “ท่านแม่ทัพเครางาม”

กวนอูหยิ่งผยองนอกก๊ก ด่าว่าทูตที่ซุนกวนส่งมาสู่ขอลูกสาวกวนอูให้กับลูกชายของซุนกวน ในวรรณกรรมแต่งเติมคำพูดกวนอูตอนนี้ว่า “ชาติเสือ ไม่ขอร่วมกับชาติหมา” (แรงส์) แต่ในประวัติศาสตร์บอกแค่ว่า “ด่าว่า” เฉยๆ

กวนอูหยิ่งผยองในยุทธภูมิล้อมเมืองห้วนเสีย กวนอูจัดตั้งทัพในภูมิประเทศที่ได้เปรียบ เมื่อเกิดฝนตกห่าใหญ่ แม่น้ำล้นตลิ่ง เขื่อนพัง กองทัพอิกิ๋มถูกน้ำท่วมตายเป็นจำนวนมากจนต้องยอมจำนวน กวนอูชนะศึกอย่างงดงาม ยุทธภูมิครั้งนั้นสะเทือนสถานการณ์สามก๊กจนโจโฉคิดจะย้ายเมืองหลวงหนี

แต่ศึกครั้งนั้นไม่มีการระวังหลัง เมืองเกงจิ๋วที่กวนอูครองอยู่ ไม่มีแม่ทัพที่ไว้ใจได้อยู่รักษา โจโฉจึงทำความตกลงกับซุนกวน ให้ซุนกวนตีตลบหลังกวนอู เมื่อเจอศึกสองด้าน กวนอูจึงพ่ายแพ้ ถูกจับและถูกประหาร จบชีวิตแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุคสามก๊กลงในที่สุด

ศึกนี้นับเป็นศึกสำคัญ เป็นศึกจำนวนไม่มากที่ทั้งสามก๊กเข้าร่วมพัวพัน วิเคราะห์กันว่าหากเล่าปี่ส่งแม่ทัพที่ไว้ใจได้มารักษาเมืองเกงจิ๋ว ระวังหลังให้กวนอู ประวัติศาสตร์สามก๊กคงเปลี่ยนรูปไปไม่น้อย

กวนอูเก่งกล้าสามารถนั้นจริงอยู่ เพราะกวนอูจัดเป็นแม่ทัพที่ครบเครื่องทั้งกล้าหาญและมีสติปัญญาวางแผนจัดทัพ แต่คนเก่งครบเครื่องคนเดียวกลับไม่เพียงพอ ความทะนงตัวจึงนำมาสู่ความผิดพลาดจนชีวิตต้องหาไม่

ความทะนงตัวแบบกวนอู จัดเป็นวิธีคิดแบบจอมยุทธ มากกว่าวิธีคิดแบบแม่ทัพ

ในนิยายกำลังภายในจอมยุทธอาจพลิกสถานการณ์ได้ด้วยความสามารถเฉพาะตัว แต่นอกนิยายแม่ทัพย่อมไม่ใช่จอมยุทธ

เอาเข้าจริงนอกจากกวนอูคิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ ใครๆ ในก๊กก็คงคิดว่ากวนอูเป็นจอมยุทธ (เล่าปี่ ขงเบ้ง ไม่มีใครคิดหาคนมาระวังหลังให้) หรือแม้กระทั่งผู้คนรุ่นต่อมาก็คิดว่ากวนอูเป็นจอมยุทธ ทั้งๆ ที่ตำแหน่งจริงๆ ที่กวนอูยืนอยู่คือแม่ทัพ

หลังแม่ทัพกวนอูจากไป ตั้งแต่ชาวบ้านจนถึงฮ่องเต้ยังยัดเยียดความเป็นจอมยุทธที่บุกเดี่ยวพลิกสถานการณ์ได้ทุกอย่างให้กับกวนอู ทั้งเรื่องโชคลาภ เรื่องความซื่อสัตย์กตัญญู ตั้งแก๊งอันธพาล กำราบคนผิด ค้าขายคล่องตัว ตัดผมว่องไว ได้เงินเดือนครบถ้วน เป็นทั้งเทพ ทั้งราชา ทั้งพระโพธิสัตว์ และเป็นทั้งอุลตร้าแมน

ถ้าแม่ทัพกวนอูได้ทบทวนบทเรียนที่ทำให้เพลี่ยงพล้ำจนต้องจบชีวิตสักนิด คงรู้สึกเหนื่อยกับการวิ่งแก้สถานการณ์ในทุกๆ สาขาอาชีพ และเฝ้าอารักขาทุกศาสนา แม่ทัพเก่งๆ คนเดียว ใช่จะทำได้ทุกอย่าง

เอ๊ะ! หรือแม่ทัพกวนอูจะทะนงตนกับการเป็นจอมยุทธต่อไป แล้วดีอกดีใจที่ผู้คนหลายยุคหลายสมัยให้ความสำคัญ

คงต้องปลุกท่านกวนอูมาตอบเท่านั้นถึงจะรู้ได้ แต่ผมไม่อาสาหาคำตอบให้นะครับ

Thailand Web Stat