ปั่นเสือในไร่สิงห์ สิงห์ปาร์ค เชียงราย

โดย...กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย

มาไร่สิงห์ต้องขี่เสือ เพราะที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย มีเส้นทางปั่นจักรยานทั้งแบบขาโหดและขาชิลให้เลือกไป

สาวกเสือภูเขาต้องหลงเสน่ห์สนามแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่ทางขึ้นๆ ลงๆ ให้พิสูจน์กำลังขา แต่ยังมี ปั๊ม แทร็ก (Pump Track) ที่ได้รับมาตรฐานสากลให้ประลองทางวิบากกันด้วย ยิ่งไปกว่านั้นสองข้างทางยังเป็นทุ่งดอกไม้ทำให้ความโหดดูมุ้งมิ้ง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่แข่งขันจักรยานเสือภูเขาที่สวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

เส้นทางปั่นจักรยานจะแยกต่างหากจากถนนที่รถรางนำเที่ยวใช้สัญจร ระยะทางประมาณ 8 กม. ลัดเลาะเข้าไปในทุ่งปอเทืองสีเหลืองสด ทุ่งหญ้า ไร่ชา ทะเลสาบ ซึ่งจะได้สัมผัสธรรมชาติอีกมุมหนึ่งจากนักท่องเที่ยวทั่วไป โดยทางสิงห์ปาร์คมีจุดบริการให้เช่าจักรยานแบบ 1 ชม. 3 ชม. และ 6 ชม. แต่หากนักขี่คนไหนมีจักรยานคู่ใจอยู่แล้วก็สามารถพาพี่เสือมาวิ่งไล่ผีเสื้อได้ฟรี สนามนี้จึงเหมาะแก่การมาซ้อมก่อนลงแข่งขันจริง อย่างการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นวันที่ 28 พ.ย. ชื่อว่า สิงห์ เมาเทนไบค์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2015 เป็นการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาครอสคันทรี่ที่ใหญ่ที่สุด และมีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดในประเทศไทย โดยจัดการแข่งขันทั้งหมด 8 สนาม ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงสนามสุดท้ายจัดที่สิงห์ปาร์ค นอกจากนี้สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปน่าจะเลือกปั่นบนไบค์เลน เรียบเนียน ยึดเกาะ และชิลไปกับธรรมชาติ

 

ทางสิงห์ปาร์คร่วมมือกับจังหวัดเชียงรายจัดทำเส้นทางปั่นจักรยาน 3 สาย ได้แก่ ซิตี้ทัวร์ เริ่มจากสิงห์ปาร์คผ่านตัวเมือง หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย วัดร่องขุ่น และกลับจุดสตาร์ท เส้นที่สอง น้ำตกขุนกรณ์ โดยเริ่มจากสิงห์ปาร์คลัดเลาะไปจนถึงน้ำตก และเส้นที่สาม หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร เริ่มจากสิงห์ปาร์คไปทางเลียบลำน้ำกกผ่านปางช้างและเข้าหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ทั้งหมดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นถิ่น โดยใช้จักรยานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

อีกงานใหญ่คือ การแข่งขันสิงห์ เก่ง แกร่ง กล้า เป็นการแข่งขันวิ่งเทรลหรือวิ่งผจญภัยตะลุยด่านธรรมชาติ ซึ่งคนไทยกำลังนิยมแทนการวิ่งมาราธอน เพราะได้ใกล้ชิดกับต้นไม้ และนักวิ่งจะคาดการณ์แทบไม่ได้ว่าข้างหน้าจะเจอกับสภาพอย่างไร เพราะมันคือภูมิศาสตร์ที่ไม่สามารถออกแบบได้

 

สิงห์ปาร์คมีพื้นที่ 8,000 ไร่ ทำการเกษตรหลายชนิด ได้แก่ ชาอู่หลง สตรอเบอร์รี่ พุทราซื่อหมี่ รวมถึงยางพารา วิธีที่จะทำให้เห็นสิงห์ปาร์คทั้งหมดคือ เล่นซิปไลน์ เป็นเครื่องเล่นเพียงอย่างเดียวในไร่ มีทั้งหมด 4 สถานีระโยงระยางจากเนินชาหนึ่งไปอีกเนิน แต่หากอยากชมโซนต่างๆ อย่างเจาะลึกต้องใช้บริการฟาร์มทัวร์รอบละ 45-60 นาที พร้อมผู้บรรยายพันธุ์ไม้สองข้างทาง

 

รถรางจะหยุดจอดให้ลงไปถ่ายภาพเป็นระยะให้นักท่องเที่ยวดื่มด่ำบรรยากาศไม้เมืองหนาวและสายลมหนาวที่หนึ่งปีจะมีสักครั้ง หรือหากใครอยากชมพระอาทิตย์ตกพร้อมๆ กับรับประทานมื้อเย็นต้องไปใช้บริการที่ร้านอาหารภูภิรมย์ ตั้งอยู่บนเนินสูงกว่าใคร ทำให้มองเห็นสิงห์ปาร์คเกือบรอบ แต่ทีเด็ดน่าจะเป็นวิวพระอาทิตย์ตก ดวงอาทิตย์ภาคเหนือใหญ่กว่าปกติและแสงสุดท้ายบนฟากฟ้าก็สดใสกว่าที่ใด จึงควรค่าแก่การปิดท้ายวันด้วยความสวยสงบจากธรรมชาติ และค่อยไปผจญภัยบนหลังเสือกันใหม่วันพรุ่งนี้