เหล่...อินเล

26 ธันวาคม 2558

อินเลไม่ใช่เมืองตาหลิ่ว แต่ต้องเหล่ตาตาม ตั้งแต่เมียนมาประกาศฟรีวีซ่าแก่ชาวไทยภายใต้เงื่อนไขต้องเดินทางโดยเครื่องบิน

โดย...กาญจน์ อายุ

อินเลไม่ใช่เมืองตาหลิ่ว แต่ต้องเหล่ตาตาม

ตั้งแต่เมียนมาประกาศฟรีวีซ่าแก่ชาวไทยภายใต้เงื่อนไขต้องเดินทางโดยเครื่องบินและอยู่ไม่เกิน 14 วัน ค่ายสายการบินก็แห่ออกโปรฯ กันยกใหญ่ โดยปลายทางส่วนใหญ่จะบินไปลงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าก่อนที่จะย้ายไปเมืองเนย์ปิดอว์ ระบบขนส่งมวลชนทั้งหลายจึงรวมอยู่ที่นี่ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเดินทางไป “อินเล” จากเมืองนี้

10 ชั่วโมง ย่างกุ้ง-อินเล

เมียนมาหลังการเลือกตั้งสัมผัสได้ว่าทุกคนอารมณ์ดี ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง พนักงานสนามบิน รวมไปถึงคนขับแท็กซี่ที่ชวนคุยเรื่องการเมืองไทย เพื่อจะบอกว่าการเมืองบ้านเขามีความสุขขนาดไหน

เหล่...อินเล ชาวประมงแวะทักทายก่อนแยกย้ายกลับบ้าน

 

การเดินทางในย่างกุ้งถ้าไม่เหมาแท็กซี่ก็ต้องนั่งรถเมล์ ซึ่งรถเมล์เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งถูกคันถ้าคุณอ่านภาษาเมียนมาไม่ออก เพราะเลขรถประจำทางไม่ใช่เลขอารบิก แต่เป็นเลขเมียนมา (เหมือนเลขไทยบ้านเรา) แต่การนั่งแท็กซี่เป็นวิธีที่ดี แม้จะไม่มีมิเตอร์คิดตามระยะทาง แต่ราคาเหมาที่คนขับเสนอมาก็ไม่หลอกลวงนักท่องเที่ยว อีกอย่างคือแท็กซี่เมียนมามีทั้งเปิดแอร์และไม่เปิด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะปิด เพราะไลฟ์สไตล์คนเมียนมาจะเคี้ยวหมากตลอดเวลา ดังนั้นการเปิดกระจกรถไว้จะสะดวกต่อการบ้วนหมากมากที่สุด

จากย่างกุ้งไปอินเลมี 2 วิธี คือ นั่งเครื่องบินไปลงสนามบินเฮโฮ แล้วต่อรถไปอินเลอีก 30 กม. หรือจะนั่งรถบัสปรับอากาศสายย่างกุ้ง-ตองยี แล้วแวะลงในตัวเมืองอินเลใช้เวลาประมาณ 10 ชม. ซึ่งถ้ามีเวลาขอแนะนำให้ใช้ทางรถ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะได้ชมทัศนียภาพสองข้างทาง

เส้นทางเป็นการลงจากภาคกลางมาทางใต้ ต้องผ่านภูเขาหลายลูก มีโค้งคดเคี้ยวเหมือนขึ้นดอยอินทนนท์ แต่ดีที่ถนนลาดยาง ซึ่งสิ่งที่ทำให้การเดินทาง 10 ชม. เพลิดเพลินจนลืมเมารถคือ วิวนอกหน้าต่าง ทั้งผืนป่า ไร่นา หมู่บ้าน และท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามเวลาทำให้รู้สึกเหมือนว่าได้เดินทางไปพร้อมๆ กับพระอาทิตย์

เหล่...อินเล ชาวอินทาพายเรือด้วยเท้าแล้วใช้มือเก็บแห

 

ทั้งนี้ การนั่งรถข้ามเมืองช่วงกลางวันไม่นิยมเท่านั่งข้ามคืน เพราะคนมองว่าเป็นการเสียเวลาเดินทาง 1 วัน แถมถ้านั่งกลางคืนจะได้ประหยัดค่าที่พัก 1 คืนด้วย แต่จริงๆ นี่เป็นการเที่ยวที่สบายที่สุด ได้นั่งเย็นๆ บนรถ พอเคลิ้มก็หลับ สลับกับอ่านหนังสือ แล้วยังมีเวลาคุยกับคนข้างๆ พอถึงที่หมายก็ถึงจุดหมายใหม่ เริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ต่อเลย

เมืองทะเลสาบ

อินเลเป็นอำเภอหนึ่งในเมืองตองยี รัฐฉานของเมียนมา ชาวต่างชาติที่จะเที่ยวในอินเลต้องเสียค่าเข้า 10 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าใช้เป็นทางผ่านไปตองยีไม่ต้องจ่าย โดยพนักงานบนรถบัสจะเป็นคนชี้ตัวว่านักท่องเที่ยวคนไหนลงอินเล แล้วพนักงานเก็บค่าผ่านทางก็จะขึ้นมารับชำระถึงที่นั่ง การต้อนรับเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าอินเลเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ...และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ชาวแบ็กแพ็กเกอร์จะเลือกอยู่ในย่านนยองชเว เป็นแหล่งชุมชนที่ไม่ติดทะเลสาบ แต่ชาวบ้านจะใช้คลองขุดเป็นเส้นทางสัญจร นยองชเวมีโรงแรม เกสต์เฮาส์ โฮสเทลอยู่เกือบทุกตรอก มีร้านอาหารทั้งแบบท้องถิ่นและเสิร์ฟเบรกฟาสต์ สิ่งที่น่าสนใจน่าจะเป็นความคึกคักในแบบฉบับของเมืองท่า ที่ทุกเช้าจะมีเรือขนผลผลิตทางการเกษตรจากทะเลสาบมาขึ้นที่ท่าเรือเพื่อส่งต่อไปยังเมืองต่างๆ แต่ถ้าจะสัมผัสความเป็นอินเลต้องจ้างเรือออกไป

เหล่...อินเล บ้านตีมีดและเครื่องทองเหลือง

 

ทุกเกสต์เฮาส์จะมีคนขับเรือขาประจำมารับลูกค้า นักท่องเที่ยวต้องเหมาเรือแบบวันเดย์ทริปหรือไม่ก็แชร์กับคนอื่นวันละประมาณ 600 บาท ทริปเรือจะแบ่งเป็นรอบเล็กและรอบใหญ่ ถ้ารอบเล็กจะพาไปชมหมู่บ้านกลางน้ำ สวนลอยน้ำ วัดพระบัวเข็ม วัดแมวลอดห่วง หมู่บ้านทำบุหรี่ บ้านตีมีด บ้านทอผ้าใยบัว ซึ่งสามบ้านหลังเป็นโปรแกรมบังคับที่คนขับเรือจะพาไปชมเพื่อรับค่าคอมมิชชั่น ถ้ารอบใหญ่จะเก็บจุดเที่ยวในรอบเล็กครบ แต่จะวิ่งเรือไปไกลถึงเจดีย์อินเล ชเว อิน เตง (Inlay Shwe Inn Tain)

ทะเลสาบอินเลมีพื้นที่ประมาณ 116 ตร.กม. ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเมียนมา เป็นที่อยู่ของชาวพื้นเมืองอินทา (Intha) มานับร้อยปี พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กลางทะเลสาบทั้งสร้างบ้าน โรงเรียน วัด ทำเกษตรกรรมบนน้ำโดยใช้วัชพืชและสาหร่ายมาทำเป็นแปลงปลูก ส่วนใหญ่ปลูกมะเขือเทศ ขึ้นชื่อเรื่องความหวาน อร่อย เหมือนถ้าอยากกินมะขามหวานต้องมาจากเพชรบูรณ์อะไรแบบนั้น และเพราะการใช้ชีวิตกลางทะเลสาบ ทำทุกอย่างบนน้ำ ชาวอินทาจึงมีวิธีพายเรืออันเป็นเอกลักษณ์คือ พายเรือด้วยเท้า เพื่อจะได้มีสองแขนทำอย่างอื่นถนัด แม้ปัจจุบันจะเห็นเรือยนต์มากกว่าเรือพาย แต่ชาวอินทาที่ยังทำประมงก็ยังรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้ พูดได้ว่าถ้าจับพายเมื่อไหร่ ทุกคนก็จะใช้เท้าพายเป็นพฤติกรรมอัตโนมัติ

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมถ้าเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตจะเห็นภาพตลาดน้ำชื่อว่า Five days market เป็นตลาดนัดที่จะมาขายทุกๆ 5 วัน ชาวบ้านที่อยู่บนเขาและคนในทะเลสาบจะมาเจอกัน แลกเปลี่ยนสินค้ากัน โดยดูวันข้างขึ้นข้างแรมในปฏิทินจันทรคติ วันที่ตลาดเปิดจึงคึกคักและเต็มไปด้วยสีสันของทั้งพืชผักและเครื่องแต่งกายชนเผ่าที่แต่งมาประชันกัน

เหล่...อินเล พี่น้องช่วยกันพายเรือในหมู่บ้านกลางน้ำ

 

ภาพในกูเกิลจะเห็นเป็นเรือนับร้อยบรรทุกสินค้าเบียดเสียดอยู่ในตลาด แต่ในวันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะแม่ค้าย้ายไปขายบนลานกลางน้ำ ส่วนคนขายยังเป็นชาวบ้านท้องถิ่นจากภูเขาและทะเลสาบอยู่เหมือนเดิม ถ้าอยากไปต้องสอบถามคนเรือก่อนออกเดินทาง เพราะหากเหมาเรือรอบเล็กแล้ววันนั้นไม่มีตลาดก็แทบจะไม่มีไฮไลต์ ควรซื้อเป็นทริปใหญ่ไปไหว้พระที่อินเล ชเว อิน เตง จะดีกว่า

อินเล ชเว อิน เตง เป็นวัดใหญ่ตั้งอยู่ทางใต้ของทะเลสาบ หนทางไปต้องเลาะเข้าคลองประมาณ 40 นาที ถ้าว่าไปวิวสองข้างทางก็สำคัญพอๆ กับจุดหมาย เพราะตลอดทางจะเห็นชาวบ้านมาทำกิจกรรมริมน้ำ ทั้งตกปลา อาบน้ำ ซักผ้า และเมื่อเรือวิ่งผ่านพวกเขาจะโบกมือทักทายเหมือนว่าเราเป็นชาวบ้านแถวนั้นที่สนิทกันมานาน กว่าจะถึงวัดที่อยู่สุดคลองไม่รู้ว่าได้รับรอยยิ้มมากี่กระบุง

จุดที่คลองสองสายบรรจบกันเป็นแม่น้ำใหญ่คือที่ตั้งของวัด แต่พอไปถึงกลับหาวัดไม่เจอ เจอแต่ปากทางเข้าที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจอุปกรณ์ถ่ายภาพ ถ้าพกกล้องใหญ่หรือกล้องวิดีโอต้องเสียเงินประมาณ 40 บาทต่อกล้อง 1 ตัว และคนที่จิตแข็งไม่พออาจต้องเสียเงินตลอดทาง เพราะทางเดินขึ้นยาวเหยียดเหมือนทางขึ้นชเวดากอง แต่เต็มไปด้วยร้านค้าทั้งเสื้อ โสร่ง ผ้าถุง เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน ถ้าใครคิดจะซื้อให้สำรวจราคาก่อน เพราะราคาร้านแรกๆ กับร้านกลางทางต่างกันเกือบ 3 เท่า ยังไม่รวมค่าต่อรองที่อาจถูกลงอีก 50%

เหล่...อินเล เรือยนต์รับนักท่องเที่ยวแล่นเต็มทะเลสาบ

 

รูปในโปสต์การ์ดเป็นรูปทะเลเจดีย์ที่กระจุกตัวอยู่รอบๆ วัด ตอนแรกเห็นไม่เชื่อ นึกว่าเป็นภาพเก่า เพราะมองจากทางเดินไม่เห็นสักเจดีย์ แต่พอเข้าใกล้ ผ่านพระประธานไปด้านหลังเท่านั้น เจดีย์สีทองนับร้อยซ้อนกันจำนวนนับไม่ถ้วน บ้างเก่า บ้างใหม่ บอกให้รู้ว่ามีผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และวัดยังคงเป็นศูนย์กลางของชาวบ้าน ยังมีคนมานั่งสมาธิ สวดมนต์ แม้เวลาจะนำพาให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวด้วยก็ตาม

ยังเดินดูไม่ครบทุกเจดีย์ก็ได้ยินเสียงกลองบอกเวลาจำวัด จึงต้องจำใจกลับไปขึ้นเรือลำเดิม เส้นทางกลับยังใช้คลองสายเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือกิจวัตรของคนริมน้ำ อย่างหนึ่งที่น่ารักแกมหมั่นไส้คือ พวกหนุ่มสาวที่นุ่งผ้าออกมาอาบน้ำด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายจะเกี้ยวพาราสีแบบสงวนตัวเพราะยังอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ที่อาบน้ำอยู่ข้างๆขากลับจึงเห็นชาวบ้านออกมาเล่นน้ำมากมาย แจกจ่ายรอยยิ้มกลับไปอีกคนละหลายกระบุง

สัญญาอินเล

ขณะที่ตะวันกำลังคล้อยลับเหลี่ยมเขา เรือทุกลำกำลังเร่งเครื่องมุ่งกลับฝั่ง ช่วงเวลานั้นกลับเป็นเวลาที่น่าหยุดมากที่สุด

เหล่...อินเล ตีมีดแบบวิธีดั้งเดิม

 

หยุด...เพื่อมองฟ้าเปลี่ยนสี

หยุด...เพื่อมองนกกลับรัง

หยุด...เพื่ออยู่ในภวังค์แห่งความนิ่งท่ามกลางการเคลื่อนไหวของเวลา

เวลาไม่กี่นาทีหลังพระอาทิตย์หายไปมันสวยจับใจจนอยากนอนอยู่แบบนั้น เฝ้ามองดูธรรมชาติรอบตัวและสัมผัสอากาศเย็นจากผืนน้ำ แต่ยิ่งเย็นสายลมก็ยิ่งพัดโหมจนต้องตื่นจากความคิดแล้วรีบบอกให้ลุงคนขับกลับเข้าฝั่งก่อนทุกอย่างจะมืดสนิทและหนาวเกินไป คำบอกลาที่ทิ้งไว้จึงมีแต่คำสัญญากับทะเลสาบว่าจะกลับมาอาบความรู้สึกนี้อีกครั้งแน่นอน

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมอินเลจึงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มตัว เพราะที่นี่มีทั้งเสน่ห์ของผู้คน วัฒนธรรม และธรรมชาติเหลือล้น เป็นเหตุผลที่ไม่ว่าใครก็อยากเห็นด้วยตาสัมผัสด้วยตัว แต่การเดินทางในเมียนมายังไม่จบเพียงเท่านี้ ฉบับหน้าจะพาไปเหล่เมืองผ่านอย่าง กะลอว์ที่คราวนั่งรถมาเห็นเพียงแวบๆ พร้อมสโลแกน กะลอว์สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมียนมา ซึ่งแน่นอนว่าเมียนมามีเรื่องให้เซอร์ไพรส์เสมอ

เหล่...อินเล บ้านริมทะเลสาบ

 

เหล่...อินเล หมู่บ้านกลางน้ำสร้างใต้ถุนสูงไว้จอดเรือ

 

เหล่...อินเล วัดอินเล ชเว อิน เตง

 

Thailand Web Stat