ปีนหน้าผา ท้าแรงดิ่ง
หากคุณกำลังคิดว่าการว่ายน้ำ คือการออกกำลังกายที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนไปพร้อมๆ
โดย...โยโมทาโร่
หากคุณกำลังคิดว่าการว่ายน้ำ คือการออกกำลังกายที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนไปพร้อมๆ กันเพียงกีฬาเดียวแล้วละก็ แนะนำให้มาลองเล่นปีนหน้าผาของจริงดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าการปีนหน้าผานั้น สามารถเรียกเหงื่อและความตื่นเต้นได้ดีเลยทีเดียว
สิ่งดีๆ ที่ได้จากการปีนหน้าผา
กริช จันผา เทรนเนอร์สอนการปีนหน้าผา บริษัท ทราเวลพลัส อธิบายถึงกิจกรรมปีนหน้าผาว่าเป็นกิจกรรมที่ใช้ทางการสำรวจธรรมชาติมาก่อนที่จะพัฒนารูปแบบมาเป็นกิจกรรมปีนหน้าผาเช่นปัจจุบัน แต่คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่เคยสัมผัสกิจกรรมปีนหน้าผา จะมองว่าเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย เพราะเล่นกับที่สูงและแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ทุกวันนี้ก็ได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัย เพิ่มความปลอดภัยกับผู้เล่นมากขึ้น แม้อุปกรณ์ที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาดก็ยังใช้ได้ปลอดภัย เพียงแต่คุณสมบัติและความสะดวกในการใช้งานต่างกันมากน้อยเท่านั้น
อีกทั้งการปีนหน้าผาก็ถูกกำหนดให้เล่นกันอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป เพื่อช่วยดูแลกันและกัน คนเล่นยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะช่วยกันดูและสำรวจพื้นที่บอกจุดระวังกันได้ ปัจจุบันการปีนหน้าผาแบ่งออกได้เป็น 2 แบบใหญ่ คือปีนหน้าผาจำลอง ซึ่งเป็นการจำลองหน้าผาและมีจุดต่างๆ ให้ผู้เล่นเลือกปีนตามความถนัด ข้อดีของการปีนหน้าผาจำลอง คือสามารถตั้งที่ไหนก็ได้ที่มีพื้นที่มากพอ และผู้เล่นสามารถเลือกซ้อมปีนหน้าผาใกล้บ้านได้
แบบที่ 2 คือการปีนหน้าผาจริงในธรรมชาติ การปีนหน้าผาแบบนี้จะมีความท้าทายกว่า ต้องใช้ทักษะสมาธิและการตัดสินใจที่เด็ดขาด ข้อดีของการปีนหน้าผาธรรมชาติคือรางวัลที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากกว่านักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เพราะการปีนหน้าผาเป็นหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
เริ่มต้นปีนหน้าผากันอย่างไร?
“สำหรับคนที่เริ่มเล่นปีนหน้าผา จะต้องเริ่มต้นจาก บูลเดอร์ริง (Bouldering) คือการปีนโดยไม่ใช้เชือกที่ความสูงไม่มากนัก ประมาณ 3-5 เมตร ฝึกทักษะการปีนไปทางซ้ายและขวา ขึ้นและลงเพื่อฝึกซ้อม ความแข็งแรง ความอดทน และเทคนิคการปีน เป็นการเล่นพื้นฐานที่นักปีนหน้าผาต้องเริ่มต้นจากจุดนี้กันทุกคน
“สปอร์ต คลิมบิง (SPORT CLIMBING) เป็นการปีนหน้าผาที่มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับคนที่ผ่านจากระดับบูลเดอร์ริงมาแล้ว การปีนแบบนี้จะมีจุดป้องกันการตกทำไว้ให้เรียบร้อย แค่เราปีนตามเส้นทางที่ทำไว้ก็พอ สามารถประยุกต์พลิกแพลงได้ตามความถนัด เป็นการปีนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกิจกรรมการท่องเที่ยว
“ระดับต่อมาที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติคือการปีนแบบ ฟรี คลิมบิง (Free Climbing) คือการปีนหน้าผา โดยอุปกรณ์ช่วยป้องกันการตกถึงพื้น ต้องมีทักษะการใช้อุปกรณ์ ความพร้อมของร่างกาย เทคนิคการปีน และประสบการณ์พอสมควร ส่วนมากแล้วจะเป็นการปีนสำรวจธรรมชาติในเขตป่าลึกที่น้อยคนจะเข้าไปถึง
“นอกจากนี้ยังมีการปีนแบบ ฟรี โซโล (Free solo) หรือการปีนแบบฉายเดี่ยว การปีนแบบนี้ต้องมีความมั่นใจเกิน 100 หรือ 200 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการปีนแบบไม่ใช้เชือก คล้ายขึ้นไปถึงยอดเขา แล้วปีนลงมา โดยไม่มีอุปกรณ์กันการตก เป็นการปีนที่ไม่ได้รับการรับรองและไม่แนะนำ
“สุดท้าย ในการปีนหน้าผาทุกครั้งควรมีการอบอุ่นร่างกายและตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนเริ่มการปีนหน้าผา สำหรับการปีนหน้าผาของผู้เล่นใหม่ จะต้องมีบีเลเยอร์หรือผู้ช่วยที่ชำนาญการปีนหน้าผาเป็นผู้ช่วยทุกครั้ง คอยดูแลและช่วยเหลือกันระหว่างปีน ผู้เล่นต้องสวมหมวกกันน็อกและเสื้อชูชีพตลอดเวลาที่ปีนหน้าผา สวมใส่รองเท้าสำหรับปีนหน้าผา ระหว่างปีนถ้ารู้สึกเหนื่อยควรหยุดพักก่อนได้ ไม่จำเป็นอย่ามองข้างล่าง มีสมาธิกับจุดที่ยืนและเชือกที่เราจับเท่านั้น ซึ่งประสบการณ์จะช่วยให้เราตัดสินใจและปีนหน้าผาได้ดีขึ้นเอง”