รับปีลิงกับ ‘ลิงหกหู’ ซึงหงอคงตัวปลอม
ในวรรณกรรมไซอิ๋วมีปีศาจตัวหนึ่งซึ่งแปลกกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือ “ซึงหงอคงตัวปลอม”
โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์
ในวรรณกรรมไซอิ๋วมีปีศาจตัวหนึ่งซึ่งแปลกกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือ “ซึงหงอคงตัวปลอม” เดิมหงอคงเป็นลิงเถื่อน ระหว่างเดินทางร่วมทีมกับพระถังซัมจั๋งไปอัญเชิญพระไตรปิฎกมักขจัดอุปสรรคปัญหาด้วยความซาดิสต์ ครั้งหนึ่งอาละวาดกลุ่มโจรที่หมายจะเข้าปล้นพระถังฯ แต่ดันมันมือวิสามัญหัวหน้าโจรตายไปสอง หนำซ้ำยังเห็นเป็นความภาคภูมิใจ
พระถังฯ ด่าว่าซึงหงอคงยกใหญ่ “แค่ปรามโจรคิดปล้นชิงสิ่งของ ไยต้องคร่าชีวิตกัน” รำพึงขอขมากับศพหัวหน้าโจร พร้อมต่อว่ากระทบหงอคงไม่ขาดปาก หงอคงได้ฟังดังนั้นทั้งโมโหทั้งน้อยใจ เอาไม้เท้ากระแทกดิน “เออ! หากเจ้าทั้งสองคิดว่าตายไม่เป็นธรรม จะไปฟ้องใครก็เชิญ ทั่วเมืองบาดาล, DSI จนถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ ข้ารู้จักทั้งนั้น!”...เส้นใหญ่ ใจกล้า
ค่ำนั้นทีมพระถังฯ เข้าพักที่บ้านผู้เฒ่าท่านหนึ่ง สักพักผู้เฒ่าจึงรู้ว่าลูกชายตนคือหนึ่งในสมุนโจรที่เพิ่งโดนหงอคงจัดการไปเมื่อกลางวัน และกำลังจะกลับถึงบ้าน เพื่อป้องกันเรื่องร้าย จึงรีบปลุกให้พระถังฯ กับพวกหนีไป
ที่ไหนได้ ลูกชายผู้เฒ่าและพวกรู้เรื่องและรีบออกตามแก้แค้น พอรุ่งเช้าโจรแก๊งนั้นก็ตามมาทัน ทั้งหมดปรี่เข้าใส่ หงอคงอาสาจัดการและให้พระถังฯ เดินทางต่อ ก่อนแยกไปพระถังฯ เตือนย้ำๆ ว่า “ให้ไล่ไปก็พอ อย่าถึงกับต้องฆ่าแกงกัน”
จริตอย่างหงอคงจะฟังซะที่ไหน ได้ทีระบายอารมณ์โทสะ เสียงปังฟาดติดต่อกันไม่กี่ทีเล่นเอาสมุนโจรทั้งหมดกองกับพื้น แถมยังตัดหัวลูกชายพ่อเฒ่าเอาไปให้พระถังฯ ดู “อาจารย์ นี่ไงหัวไอ้ลูกทรพี พ่อก็แสนดี ทำไมทำตัวเลวๆ ได้ลง” พระถังฯ หน้าถอดสีต่อด้วยเลือดขึ้นหน้าทันควัน คราวนี้ซึงหงอคงทำเกินไปอย่างให้อภัยไม่ได้
พระถังฯ ลงจากหลังม้าสวดมนต์รัดกระหม่อมหงอคง หงอคงกลิ้งเกลือกทรมาน พระถังฯ สวดต่อนับสิบจบ จนกระหม่อมหงอคงแทบบิดเบี้ยว แล้วบอกกับหงอคงว่า “เจ้าเห็นสรรพชีวิตไร้ค่าเยี่ยงนี้ ข้าจนใจไร้คำพูด! เราไม่ต้องการเจ้าร่วมทางอีกต่อไป!”
ซึงหงอคงเพิ่งสำนึก แม้รู้ตัวว่าตัวเองทำผิดไป ได้แต่แจงอาจารย์ว่าทำไปด้วยเจตนาดี พระถังฯ ไม่ฟังพร้อมทั้งขับไล่ซึงหงอคงและขู่ว่าหากยังดื้อด้านจะท่องมนต์ต่อ
ซึงหงอคงทั้งเจ็บใจทั้งเป็นห่วง ทำดีได้ชั่วแท้ๆ ว่าแต่ถ้าพระถังฯ ไม่มีเขาอารักขาจะเป็นอันตราย แต่ทำไงได้ คราวนี้ดูแล้วพระถังฯ จะตัดใจแน่แล้ว ซึงหงอคงจึงเหาะเหินไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าแม่กวนอิม
จากไปหลายวันพระถังฯ ยังคงเดินทางต่อไปในแดนกันดาร วันหนึ่งทั้งตือโป้ยก่ายและซัวเจ๋งไปบิณฑบาตขออาหาร พระถังฯ นั่งพักใต้ต้นไม้ ซึงหงอคงเหาะลงมานำผลไม้มาให้ และเอ่ยขอติดตามพระถังฯ ต่อ “ข้าไม่มีอาจารย์ ข้ายังหาที่ไปได้ แต่ถ้าอาจารย์ไม่มีข้า อาจารย์จะเดินทางไปต่อได้อย่างไร” พระถังฯ หลับตาทำสมาธิแล้วกล่าว กับหงอคงว่า “เราไม่ขอรับอาหารและความช่วยเหลือใดๆ จากคนใจบาป” หงอคงโมโหมากคิดฟาดกระบองใส่พระถังฯ แต่ถ้าทำเช่นนั้นเรื่องไซอิ๋วคงจบแค่ตรงนี้ หงอคงยั้งมือแค่นำกระบองออกมาแตะลงที่บ่าพระถังฯ เพียงเบาๆ แต่อานุภาพอาวุธวิเศษทำพระถังฯ สลบไป แล้วหงอคงก็ขโมยสัมภาระไปทั้งหมด ซึ่งรวมถึงใบผ่านทางทั้งหลาย
ตือโป้ยก่ายและซัวเจ๋งกลับมาเห็นอาจารย์สลบจึงเข้าช่วยเหลือ และเมื่อรู้เรื่องทั้งหมดก็โกรธมาก พระถังฯ ไม่ได้คิดแค้น แต่คิดเพียงอยากเดินทางไปต่อให้ได้ หวังแค่ให้ได้ใบผ่านทางคืนมา จึงมอบหมายให้ซัวเจ๋งไปเจรจา พร้อมกำชับว่า ถ้าหงอคงให้ใบผ่านทางกลับมาก็ดี ถ้าไม่ให้อย่าได้ไปวิวาทเด็ดขาด ให้ไปหาเจ้าแม่กวนอิม
ซัวเจ๋งเดินทางไปหาซึงหงอคงที่เขาฮัวกั่วซาน (รังเก่าของซึงหงอคง) พบหงอคงนั่งพลิกอ่านใบผ่านทางอยู่ จึงเข้าทวงถามขอคืน
แต่หงอคงว่า “อาจารย์ไม่ต้องการข้า ข้าก็จะตั้งทีมไปอัญเชิญพระไตรปิฎกเอง” พร้อมเสกขบวนพระถังฯ ม้าขาว ตือโป้ยก่าย ซัวเจ๋งออกมา ซัวเจ๋งฉุนจัด เข้าไปตีหัวซัวเจ๋งปลอมจนกลายร่างกลับเป็นลิงลูกสมุน หงอคงสั่งฝูงลิงล้อมไว้ ซัวเจ๋งฝ่าฝูงลิงไปได้ แล้วรีบไปหาเจ้าแม่กวนอิม
เมื่อไปถึงตำหนักเจ้าแม่กวนอิม กลับพบหงอคงอยู่ข้างๆ เจ้าแม่ ซัวเจ๋งรุดเข้าไปต่อสู้กับหงอคง แต่เจ้าแม่กวนอิมห้ามไว้ แล้วจึงรู้ว่าหงอคงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้กลับฮัวกั่วซาน แต่อยู่ในสายตาเจ้าแม่กวนอิมตลอดมา หงอคงขอตามซัวเจ๋งกลับไปที่ฮัวกั่วซาน พบว่ามีหงอคงอีกตัวอยู่ที่นั่น
ทั่งคู่รุดเข้าต่อสู้กัน ยืนยันว่าตัวเองนี่แหละหงอคงตัวจริง สู้กันอยู่นานไม่รู้แพ้รู้ชนะ ฝีมือขนาดซึงหงอคงยังไม่เคยต้องต่อกรกับใครแล้วเสมอได้แบบนี้ นี่ยังใช้กระบวนท่าเดียวกันอีก ซัวเจ๋งไม่รู้ใครเป็นใคร ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปช่วย เมื่อสู้ไปไม่รู้แพ้ชนะ จึงคิดยืมมือคนอื่นมาตัดสิน...เจ้าแม่กวนอิม
ปรากฏว่าเจ้าแม่กวนอิมก็แยกไม่ออก จึงใช้วิธีท่องมนต์รัดกระหม่อม ทั้งคู่ก็ลงไปดิ้นทุรนทุรายด้วยกัน ร้อนถึงต้องขึ้นสวรรค์ไปใช้กระจกส่องปีศาจ แต่ส่องไปก็พบว่าเป็นลิงหงอคงทั้งคู่
เหาะไปพึ่งสิงห์เทพเจ้าที่รู้เรื่องราวทุกสรรพสิ่ง แต่คำพูดที่สิงห์เทพเจ้ากล่าวคือ “ข้ารู้ความจริงแล้ว แต่เจ้าทั้งคู่ไปให้พระยูไลตถาคตตัดสินดีกว่า”
ทั้งคู่ไม่มีใครกลัวการพิสูจน์ ต่างอ้างว่าตนเป็นตัวจริงทั้งคู่ อ้างไปก็ตีกันไป ไม่มีใครยอมใคร ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ จนมาถึงต่อหน้าพระยูไล
พระยูไลเห็นทั้งสองก็เข้าใจ อธิบายกับเจ้าแม่กวนอิมว่าปีศาจที่ปลอมมาเป็นหงอคงนี้อยู่นอกภพภูมิสรรพสัตว์ทั่วไป มันคือปีศาจ “ลิงหกหู” พร้อมชี้ไปที่ตัวปลอม
ลิงหกหูรู้ว่าโดนจับได้ รีบแปลงกายเป็นผึ้งบินหนี พระยูไลโยนบาตรครอบไว้ พอเปิดแง้มออกมา ซึงหงอคงตัวจริงจึงวิ่งเข้าฟาดด้วยกระบองวิเศษจนตาย
จากนั้นเองเจ้าแม่กวนอิมจึงพาซึงหงอคงไปส่งให้พระถังฯ ดังเดิม พร้อมอธิบายว่าซึงหงอคงที่ทำร้ายพระถังฯ ไม่ใช่ตัวจริง และพระถังฯ ยังต้องให้หงอคงอารักขาในภารกิจอัญเชิญพระไตรปิฎกต่อไป พระถังฯ สงบใจรับหงอคงไว้ จากนั้นต่อมา พระถังฯ กับหงอคงไม่มีความขัดแย้งรุนแรงขนาดนี้อีกเลย
เหมือนจะจบด้วยดี แต่ที่ค้างคาคือหงอคงตัวปลอมคือปีศาจอะไร ในจักรวาลไซอิ๋วปีศาจทุกตัวจะมีที่มาที่ไป มีหลักแหล่งอาศัย จุดประสงค์ก็มักเข้าใจง่าย เช่น อยากอายุยืนจากการได้กินเนื้อพระถังฯ
หงอคงตัวปลอมไร้ประวัติ ไม่อยู่ในสารบบที่เจ้าแม่กวนอิมรู้จัก แถมยังต้องการไปอัญเชิญพระไตรปิฎกกับพระถังฯ พอโดนปฏิเสธก็ดันอยากตั้งขบวนไปเสียเอง
จนไม่พ้นจะคิดไปได้ว่าซึงหงอคงตัวปลอมก็คือหนึ่งในซึงหงอคงตัวจริง เป็นหงอคงที่โกรธแค้นและเห็นว่าตนเองถูกต้อง และมีฝีมือมากพอไม่ต้องง้อพระถังฯ ทั้งสองต่อสู้ไม่เคยแพ้ชนะกัน จนคนที่ออกมาแยกแยะคือพระยูไล (พระธรรม)
ทั้งหมดนี้ผู้แต่งวรรณกรรมไซอิ๋วไม่ได้เฉลยอะไรไว้ ปล่อยให้ผู้อ่านนั่งฉงนคล้ายดูหนังของคริสโตเฟอร์ โนแลนด์
ลิงหกหูยังคงโลดแล่นอยู่ในโลกไซเบอร์, โซเชียล ลิงหกหูยังคงผุดขึ้นมาทุกครั้งเมื่อวิวาทกลางถนนหนทาง ข้าเท่านั้นที่ถูกต้องเป็นธรรม ข้าเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยการทำลายล้างอุปสรรค ลิงหกหูมีฝีมือเก่งกล้าเสมอหงอคง จะปราบลิงหกหูลงได้ต้องให้พระยูไลชี้ช่อง แล้วซึงหงอคงจึงได้ร่วมทางอัญเชิญพระไตรปิฎกกับพระถังฯ ต่อไป