ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า

20 กุมภาพันธ์ 2559

ได้เวลาเปิดประตูเมือง “ตะกั่วป่า” พาย้อนไปสู่เมืองเก่า “ตะโกลา” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองท่าสำคัญฝั่งทะเลตะวันตก

โดย...กาญจน์ อายุ

ได้เวลาเปิดประตูเมือง “ตะกั่วป่า” พาย้อนไปสู่เมืองเก่า “ตะโกลา” ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองท่าสำคัญฝั่งทะเลตะวันตก เคยเจริญถึงขีดสุดจากการทำเหมืองแร่ และเป็นแผ่นดินแม่ของชาวบ๊ะบ๋า

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของชาวอินเดียในหนังสือมิลินทปัญหา ระบุว่า เมื่อปี พ.ศ. 500 เมืองตะกั่วป่าเป็นเส้นทางเดินเรือของพ่อค้าชาวอาหรับผ่านแม่น้ำตะกั่วป่า จ.พังงา ข้ามฝั่งไป อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนชาวจีนฮกเกี้ยนเข้ามาปลายรัชกาลที่ 3 เริ่มจากการเป็นกุลีจนได้เป็นนายเหมือง

สมัยนั้นตะกั่วป่าถูกยกเป็นจังหวัด กระทั่งรัชกาลที่ 7 ลดระดับให้เป็นอำเภอ พร้อมๆ กับบทบาทของเมืองท่าที่ลดความสำคัญลง และลดถึงขีดสุดเมื่อการทำเหมืองแร่ดีบุกยุติ เมืองนี้จึงเหมือนถูกปิดกลายเป็นเพียงเมืองผ่านสู่ภูเก็ต ชาวตะกั่วป่าจึงช่วยกันเปิดเมืองให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปีชื่อ งานเปิดเมืองตะโกลา วันทาพระศรีบรมธาตุ ตอน จากเมืองตะโกลาถึงเมืองตะกั่วป่า จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 ก.พ. 2559 บนถนนอุดมธาราและถนนศรีตะกั่วป่า ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่สามารถเล่าประวัติศาสตร์ได้เห็นภาพชัดเจน

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า ติ่มซำอาหารเช้า

 

นั่งสองแถว เหวนเมืองตะโกลา

ภายในงานมีกิจกรรม นั่งสองแถวเหวนเมืองตะโกลา ให้บริการวันละ 1 รอบ เสียค่าใช้จ่ายคนละ 50 บาท โดยรถสองแถวหรือที่คนภูเก็ตเรียกว่า รถโพถ้อง จะทำหน้าที่เป็นไทม์แมชชีนพานักท่องเที่ยวท่องอดีตเมืองตะโกลา มีจุดจอดอยู่ที่โรงเรียนเต้าหมิง โรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกใน จ.พังงา มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบชิโน-นีโอคลาสสิก ที่ได้รับอิทธิพลมาจากคนจีนโพ้นทะเลและคนอังกฤษที่เข้ามาจากปีนัง โดยโรงเรียนเต้าหมิงถูกสร้างขึ้นจากชาวจีนด้วยเงิน 2 หมื่นบาท และเงินบริจาคจากพ่อค้าขายแร่ดีบุก เน้นการสอนภาษาจีน มีการเรียนภาษาไทยเพียง 1 ชม. แต่ปัจจุบันไม่มีการเรียนการสอนแล้ว

จุดที่สอง บ้านนายอำเภอคนแรกของตะกั่วป่า สร้างก่อนโรงเรียนเต้าหมิง 5 ปี เป็นทรัพย์สินของตระกูล ณ นคร ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมด้านในอาคาร อยู่ติดกับจุดที่สาม วัดเสนานุชรังสรรค์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมเหมือนวัดมหรรณพารามที่กรุงเทพฯ ภายในพระอุโบสถมีของล้ำค่า 2 อย่างคือ ธรรมาสน์หลวงของรัชกาลที่ 5 และตู้เก็บพระไตรปิฎก จุดต่อไป จวนเจ้าเมืองตะกั่วป่าและกำแพงค่าย โบราณสถานที่เหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งจวนของพระยาเสนานุชิต หรือ นุช ณ นคร ล้อมรอบด้วยกำแพงค่ายสูง 3.8 ม. ยาว 158 ม. คาดว่าสร้างเมื่อประมาณ 150 ปีก่อนโดยใช้วัสดุกรวดทรายผสมปูน ไม่มีอิฐ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมาเพิ่งมีงานบวงสรวงเจ้าเมืองและใช้เป็นสถานที่จัดแสดงโขนเล่าประวัติความเป็นมาของตะโกลา

จากนั้นแวะร้านเต้าส้อแม่อารีที่สืบทอดตำรับมาเป็นรุ่นที่ 3 อายุกว่า 100 ปี คุณแม่นิลรัตน์ ทายาทรุุ่นหลานเล่าว่า ก๋งเป็นคนจีนโล้สำเภามาขึ้นที่เมืองไทย ทำเต้าส้อหาบเร่ขายตามบ้านโดยเริ่มแรกมีไส้เค็มกับไส้หวานทำจากถั่วเขียวซีก จนทุกวันนี้ก็ยังใช้สูตรเดิมที่เพิ่มเติมคือ เตาอบแทนเตาอั้งโล่ และไส้ฟักกับถั่วดำ แต่ละวันผลิตได้วันละ 500 กล่อง และขายดิบขายดีไม่หนีจากยอดการผลิต

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า ลูกหลานบ๊ะบ๋าเมืองตะกั่วป่า

 

รถสองแถวจะไปสิ้นสุดเส้นทางที่ถนนวัฒนธรรมหรือถนนศรีตะกั่วป่า ชาวบ้านจะนำอาหารจากตลาดออกมาขาย วัยรุ่นนำของทำมือออกมาจำหน่าย ส่วนนักท่องเที่ยวมีหน้าที่จับจ่ายตามอัธยาศัย ทั้งนี้ถ้าไปเที่ยวหลังวันงานสามารถปั่นจักรยานแทนได้ เพราะทุกจุดอยู่ใกล้กัน ถนนเอื้อต่อนักปั่น และสองข้างระหว่างทางมีมุมเล็กมุมน้อยที่ต้องใช้แต่จักรยานเท่านั้นจึงเข้าถึง

สตรีทอาร์ต สตรีทฟู้ด

ถนนศรีตะกั่วป่ายาวประมาณ 500 ม. ถูกทำให้เป็นถนนสายอาร์ตเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมา หลังจากคณะกรรมการเมืองเก่าตะกั่วป่ามีไอเดียให้ศิลปินท้องถิ่นนาม เอกชัย แซ่ตัน วาดสตรีทอาร์ตตามกำแพง ตามเสา เพื่อบอกเล่าตัวตนของเมือง เช่น ภาพคนร่อนแร่ ภาพรถสองแถว ภาพสัตว์นำโชคของจีน รวมทั้งสิ้น 13 ภาพ และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อีกหนึ่งความน่าสนใจคือ สถาปัตยกรรมชิโน-นีโอคลาสสิกและความคลาสสิกของร้านรวง เช่น ร้านฮัวหลอง รับซ่อมนาฬิกาและขายนาฬิกาโบราณ ร้านอัญชลี รับตัดชุดเจ้าสาว ร้านดวงพร ขายผ้าบาติก ในตึกแถวเก่าลักษณะหน้าแคบแต่ลึก หน้าบ้านมีอาเขตสำหรับเดินเชื่อมถึงกัน และมีลายปูนปั้นศิลปะของจีน

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า ส่งจูบให้สตรีทอาร์ต

 

บ้านที่มีความสำคัญเป็นพิเศษคือ ชมรมชาวบ๊ะบ๋าฝั่งทะเลอันดามัน ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาไว้ว่า คำว่า บ๊ะบ๋า หมายถึง ลูกที่เกิดในแผ่นดินแม่ นั่นคือ แม่เป็นคนไทย พ่อเป็นจีน มีลูกเรียกว่า บ๊ะบ๋า (หรือที่ต่างชาติเรียกว่า พารานากัน) คนกลุ่มนี้จะมีวัฒนธรรมเฉพาะ เช่น การแต่งกาย เสื้อผู้หญิงจะมีลักษณะคอตั้งแบบจีน แขนเสื้อจีบแบบมาเลเซีย ลำตัวสั้นแบบชาวมอญ และนุ่งผ้าถุงแบบอินโดนีเซีย อันมีนัยว่า เรือสำเภาที่ชาวจีนโพ้นทะเลใช้ข้ามมหาสมุทรมาได้แวะจอดที่ฟิลิปปินส์ สุมาตรา ปีนัง สิงคโปร์ และค่อยมาหยุดที่ตะกั่วป่า ทำให้วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ติดมากับผู้คนในเรือ เดิมทีชาวจีนที่อพยพเข้ามาเป็นกุลี ขอทาน และคณะงิ้ว แต่ด้วยนิสัยชอบค้าขายทำให้ชาวจีนสร้างฐานะได้อย่างรวดเร็ว พอมีเงินก็สร้างโรงเรียนสอนภาษา (โรงเรียนเต้าหมิง) สร้างศาลเจ้า สร้างบ้าน และสร้างประเพณีของตัวเองอย่างประเพณีกินเจที่สืบทอดมานาน 173 ปี ทำให้มีความเข้มข้นและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ ทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่บัดนี้ถึงอาทิตย์สุดท้ายของเดือน เม.ย.เวลาประมาณ 15.00 น. ถนนศรีตะกั่วป่าจะปิดเป็นถนนคนเดิน ตั้งแผงขายอาหารซึ่งน่าสนใจเพราะขายอาหารท้องถิ่น แม่ค้าเป็นคนท้องถิ่น แตกต่างจากถนนคนเดินในเมืองท่องเที่ยวที่ขายของเอาใจต่างชาติ

งานเปิดเมืองตะกั่วป่าครั้งนี้ถ้าพูดให้ถูกต้องเติมคำว่า ครั้งที่ 2 เพราะเมื่อปีที่แล้วได้จัดงานเปิดเมืองเช่นกันแต่กระแสเงียบกริบประหนึ่งลืมปลดล็อกกลอนประตู กระนั้นทางเทศบาลตะกั่วป่าและคณะกรรมการเมืองเก่าตะกั่วป่าก็ยังไม่หมดกำลังใจ ต่างช่วยกันสร้างเมือง สร้างกระแส สร้างรายได้ให้คนท้องถิ่น

เวลานี้ประตูเมืองตะกั่วป่าเปิดต้อนรับอย่างเป็นทางการแล้ว นักท่องเที่ยวแค่เหยียบเบรกแล้วแวะดูให้เห็นกับตา อย่าทำเหมือนที่ผ่านมาเพราะตะกั่วป่าไม่ใช่เมืองที่จะผ่านไป

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า การแสดงโขนในการเปิดเมืองตะกั่วป่า

 

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า ร้านฮัวหลอง รับซ่อมนาฬิกา

 

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า ตลาดเช้าเทศบาลตะกั่วป่า

 

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า รถโพถ้องบนผนัง

 

ตะกั่วป่า : เมืองเก่า คนเก๋า โรงเรียนสอนภาษาจีนเต้าหมิง

 

Thailand Web Stat