โพธารามใหญ่ในความเล็ก

โดย...สุธน สุขพิศิษฐ์

โพธารามเป็นเมืองใหญ่ในความเล็ก ในความเล็กคือ ขนาดของเมืองนิดเดียว ที่หนาแน่นหน่อยก็ทางแถบตลาดใกล้แม่น้ำแม่กลอง ซอกซอยอาจจะเยอะนิดหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชุมชนเก่าๆ ทางซีกหน่วยราชการ ยิ่งเล็ก ยิ่งเงียบ เป็นอาคารเตี้ยๆ แบบโบราณ ตึกที่สูงที่สุดของโพธารามเป็นโรงพยาบาลครับ แต่ไม่ใช่ว่าเหมือนห่างไกลความเจริญเสียทีเดียว มีร้านอาหารหรูหราแบบ Sit down dinner มีเพลงฟัง แต่อยู่นอกเมือง

ที่ยิ่งใหญ่คือความนิ่งสงบของชุมชน ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองส่วนใหญ่เป็นคนจีน จึงไม่แปลกที่มีศาลเจ้ามากกว่า 10 ศาลเจ้า ทุกปีต้องพิธีไหว้เจ้าใหญ่ เชิญเจ้าทุกศาลมาตั้งบูชารวมกัน มีงิ้ว 7 วัน เป็นงานที่จัดกันมานานมากกว่า 100 ปีแล้ว

การที่โพธารามเป็นเมืองเงียบสงบที่เป็นอย่างนั้นเพราะ โพธารามอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านโป่ง กับ ราชบุรี ห่างข้างละ 10 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ฉะนั้นใครอยากได้เครื่องมือการเกษตร ซื้ออะไหล่รถยนต์ ซื้อเครื่องปรุงอาหารแบบจีนในร้านโชห่วยแบบจีน ต้องไปราชบุรี ใครอยากได้ผ้าผืนเครื่องมือเย็บปักถักร้อย กินอาหารจีน หาหมอเฉพาะด้านตามคลินิกนอกเวลา ต้องไปบ้านโป่ง โพธารามจึงครองความสมถะ แต่รวยเงียบครับ เขาว่ากันว่า คนบ้านโป่งนั่งรถเบนซ์ มากู้เงินคนโพธาราม คนโพธารามนั่งรถสองแถวไปเก็บดอกเบี้ยคนบ้านโป่ง

ทีนี้มาถึงเรื่องอาหารการกินบ้าง โพธารามมีของดีอยู่หลายอย่าง ห่างจากตัวเมืองไปไม่มาก มี ต.เจ็ดเสมียน เป็นอภิมหาอำนาจทางหัวไช้โป๊แย่งความเป็นผู้นำหัวไช้โป๊จากสุรินทร์มาเรียบร้อยแล้ว จะไม่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ในเมื่อใช้รถแทรกเตอร์ไถพลิกกลับหัวผักกาดให้โดนแดดไปมา

ตรงเยื้องกับหน้าวัดเจ็ดเสมียน มีเพิงริมถนน อยู่ใกล้ทางรถไฟ เป็นร้านอาหารตามสั่ง ชื่อร้านป้าเสาร์ อย่าคิดดูถูกว่าเป็นร้านข้างถนน เหลือเชื่อครับพอเที่ยงหมด ร้านอาหารตามสั่ง ส่วนมากขายลากไปถึงเย็นถึงค่ำ ที่อร่อยมีหมูคั่วกลิ้ง ปลาดุกผัดเผ็ด ไก่บ้านต้มขมิ้น

ในตัวเมืองโพธาราม ส่วนใหญ่เป็นก๋วยเตี๋ยว และบะหมี่หมูแดง ข้าวหมูแดง ตรงถนนจากหน้าอำเภอไปถึงทางรถไฟ มีร้านบะหมี่ 2 ร้านเยื้องกัน ทางซ้ายชื่อเม่งกี่ นี่คนกรุงทพฯ รู้จัก ทางขวาชื่อร้านโอชา นี่คนโพธารามรู้จัก ผมชอบร้านนี้ มีเกี๊ยวแห้ง เกี๊ยวน้ำหมูกรอบต้มยำ แต่ร้านโอชานี้จะช้าหน่อย เพราะเป็นอาเจ๊ ที่ค่อยๆ ลวกเส้น เรียงหมูแดงในชาม

โพธารามเป็นเมืองต้มแซ่บ ร้านไหนๆ ก็ต้องมีต้มแซ่บ มีอยู่ร้านหนึ่งเมื่อออกจากตัวเมือง เลยวงเวียนไปแล้ว เป็นสามแยกไฟแดง ต้องเลี้ยวขวา เป็นถนนที่จะไปทะลุกับถนนราชบุรี นครปฐม มาสัก 3-4 กิโลเมตร ทางซ้ายมือเป็นร้านแบบง่ายๆ ชาวบ้านๆ ชื่อเนื้อต้มบ้านสิงห์ เป็นต้มแซ่บถึงใจ ถ้าไม่ชอบเผ็ดต้องบอกเขา เขาจะได้ยั้งมือทัน

ที่จริงต้มแซ่บนี่ทำกินเองที่บ้านก็ได้อร่อยไม่แพ้กัน ถ้ามีน้ำซุปกระดูกหมูจะดีกว่าใช้ผงปรุงรสซองหรือก้อน จะต้มโดยใช้กระดูกหมู ปีกไก่บน ข้อไก่ ปลา ได้ทั้งนั้น น้ำเดือดๆ ใส่ข่า ตะไคร้ หอมแดง 2-3 หัว ใส่เนื้อสัตว์ตามที่เลือก ใส่เกลือหรือน้ำปลา ผมชอบเกลือมากกว่า เตรียมน้ำมะนาว พริกขี้หนูทุบสับหยาบไว้ก่อน ชิมพอเค็มตามชอบแล้ว ใส่น้ำมะนาวให้เปรี้ยวนำ ตามด้วยพริกขี้หนูเผ็ดตามชอบ ก่อนเอาขึ้นใส่ใบกะเพรา ใบมะกรูด ผักชีฝรั่งด้วยก็ได้ ต้มแซ่บนี้ต้องทำเร็วๆ ใส่น้ำมะนาวนานเกินไปจะขุ่นและขม ใบมะกรูดใส่ก่อนกลิ่นจะจมไปหมด โหระพา ใส่ปั๊บเอาขึ้น เท่านั้นก็อร่อยแล้วทั้งหมดนี่ก็เป็น โพธารามใหญ่ในความเล็กครับ จบง่ายๆ อย่างนี้แหละ