เที่ยว Dong Van เมืองเก่าสุดแดนเหนือ
จากฉบับที่แล้วได้นำเสนอเรื่องราวความน่าสนใจของจังหวัดห่าซาง (Ha Giang) กันไปแล้ว
โดย...ทีมงานโลก 360 องศา [email protected]
จากฉบับที่แล้วได้นำเสนอเรื่องราวความน่าสนใจของจังหวัดห่าซาง (Ha Giang) กันไปแล้ว แต่ความน่าสนใจยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้น เพราะนอกจากพื้นที่ทุ่งนาขั้นบันไดที่เขตฮวงซูฟี (Hoang Su Phi) และความตระการตาของธรรมชาติที่สวยงามของเขตก่วนบ่ะ (Quan Ba) แล้ว ที่จังหวัดห่าซางยังมีอีกหลายเขตด้วยกัน ซึ่งแต่ละเขตนั้นก็มีความโดดเด่นและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป
เขตด่งหวาน (Dong Van) เป็นอีกเขตหนึ่งของจังหวัดห่าซาง ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้พื้นที่เขตอื่นๆ เพราะถ้าหากเราเดินทางออกจากตัวเมืองห่าซางขึ้นไปทางเหนือของจังหวัด ก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของลักษณะภูมิประเทศ ที่เริ่มเปลี่ยนจากภูเขาธรรมดาๆ ทั่วไป กลายเป็นพื้นที่ของภูเขาหินปูนเต็มตลอดสองข้างทาง ซึ่งลักษณะของภูเขาหินปูนที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นนี้เอง ทำให้พื้นที่นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรณีวิทยา ในปี ค.ศ. 2010 โดยพื้นที่ของภูเขาหินปูนนั้น มีพื้นที่กว้างถึง 2,346 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ได้มีแค่ที่เขตด่งหวานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพื้นที่ของอีก 3 เขตในจังหวัดห่าซาง นั่นก็คือ เขตเย็นมิน (Yen Minh) เขตก่วนบ่ะ (Quan Ba) และเขตเหมี่ยวแหวก (Meo Vac)
ปัจจุบันนอกจากทัศนียภาพของภูเขาหินปูน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเพิ่มมากขึ้นแล้ว ที่ตัวเมืองด่งหวานก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าตัวเมืองจะเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ที่นี่ก็ถูกพัฒนาให้เป็นอีกเมืองหนึ่งที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวเวียดนามและต่างชาติ ที่นี่พร้อมไปด้วยร้านอาหาร โรงแรมทันสมัย หรือจะเป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์ก็มีอยู่หลายหลัง นอกจากนี้ หากใครชอบการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เมืองด่งหวานเหมาะอย่างยิ่ง เพราะสามารถเดินเล่นย่านถนนเก่าใจกลางเมืองได้ด้วยตัวเองง่ายๆ รวมถึงมีร้านกาแฟไว้บริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน และที่มากไปกว่านี้ก็คือ บริเวณใจกลางเมืองยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานความเป็นฝรั่งเศส จีน แต่ก็ยังคงแบบฉบับดั้งเดิมของคนในพื้นที่นี้ไว้ได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าอาคารเก่าเหล่านี้จะมีอายุมากขึ้นตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงสภาพความสมบูรณ์อยู่ไม่น้อย
อาคารเก่าที่มีอายุกว่า 200 ปี หลังหนึ่งใจกลางเมือง ที่กำแพงอาคารสร้างจากดิน ตัวอาคารสร้างจากไม้ บวกกับสีสันบนตัวอาคารที่สวยสะดุดตานั้น ทำให้ไม่ว่าใครที่มีโอกาสได้มาเห็น ไม่มีใครที่จะไม่พูดถึงอาคารเก่าหลังนี้ จนทำให้ที่นี่เสมือนเป็นจุดนัดพบของผู้คนที่มาเยือนเมืองด่งหวานไปแล้ว นอกจากภายนอกจะดูสวยสะดุดตาแล้ว ภายในอาคารก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านกาแฟ ซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เดิมของเจ้าของบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อนถูกนำมาใช้ประดับอย่างลงตัว และถึงแม้ว่าข้าวของเครื่องใช้จะทรุดโทรมไปตามระยะเวลา แต่ก็ยังคงหลงเหลือเค้าโครงที่พอจะสะท้อนให้เราได้เห็นถึงการใช้ชีวิตของคนที่นี่ในอดีตได้เป็นอย่างดี
หากเดินทางมาเที่ยวที่เขตด่งหวาน นอกจากความเป็นธรรมชาติของภูเขาหินและเสน่ห์เมืองเก่าของด่งหวานแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของด่งหวาน นั่นคือ ตำหนักของกษัตริย์ม้ง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบเต็มตัว โดยบริเวณทางเข้านั้นมีร้านขายของที่ระลึก และเป็นจุดจำหน่ายบัตรเข้าชม ซึ่งราคาจะอยู่ที่คนละ 2 หมื่นด่อง หรือประมาณคนละ 30 บาท ภายในตำหนักยังถูกแบ่งออกเป็นอาคารสำหรับต้อนรับแขกและอาคารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมและการดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่ได้เป็นอย่างดี และด้วยสถานการณ์ทางสังคมในอดีตที่มีความซับซ้อนอยู่มาก จึงทำให้กษัตริย์ออกแบบให้ตำหนักแห่งนี้เป็นเหมือนบังเกอร์ป้องกันเหตุร้ายและล้อมรอบด้วยกำแพงสูง ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างในตำหนักกษัตริย์ม้งแห่งนี้ยังคงสภาพความสมบูรณ์ไว้เป็นอย่างดี และในปัจจุบันที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้แล้วที่ด่งหวานยังมีอีกสถานที่หนึ่ง ที่หากใครเดินทางมาเที่ยวเมืองด่งหวานและไม่ไปที่นี่ก็เท่ากับว่ามาไม่ถึงด่งหวาน สถานที่ที่ว่าคือ หอธงชาติหลุงกู๋ (Lung Cu Flag Tower) ที่ตั้งอยู่บนยอดภูโหร่งหรือภูมังกร ซึ่งถือเป็นจุดเหนือสุดของประเทศเวียดนาม ซึ่งหอธงชาตินี้ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับหอธงชาติที่กรุงฮานอย โดยฐานถูกสร้างเป็น 8 เหลี่ยม ที่สลักรูปกลองมโหระทึกดงเซิน สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเวียดนาม รวมถึงมีการแกะสลักฐานทั้ง 8 ด้านด้วยภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม และขนบธรรมเนียมของชาวเขาชนเผ่าต่างๆ ไว้อีกด้วย
โครงสร้างของหอธงชาติหลุงกู๋นั้น ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่เป็นฐาน จะต้องเดินขึ้นบันไดหิน 389 ขั้น และหากต้องการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหอธงชาติ ก็ต้องขึ้นบันไดเหล็กวนเป็นรูปก้นหอยอีก 140 ขั้น และถึงแม้ว่าจะต้องออกแรงเดินบนทางชันเพื่อให้ขึ้นมาถึงยังจุดสูงสุดนั้น แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้สึกเหนื่อย แต่ต้องบอกว่า เมื่อได้ขึ้นมาเห็นธงชาติสีแดงโบกสะบัดตัดกับสีของท้องฟ้า รับรองว่าชื่นใจหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่นอน โดยผืนธงชาติมีความยาว 54 เมตร ซึ่งหมายถึงจำนวนชนเผ่าทั้งหมด 54 ชนเผ่าของประเทศเวียดนาม และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หอธงชาติแห่งนี้เป็นเหมือนสิ่งแสดงความภาคภูมิใจของประชาชนชาวเวียดนาม ที่พวกเขาจะต้องหาโอกาสมายืนบนหอธงชาติแห่งนี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีครบทุกมิติ ทั้งความสวยงามของธรรมชาติ วิถีชีวิตของผู้คน ที่กิน ที่เที่ยว รวมถึงต้องการชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่โบราณ ที่เมืองด่งหวานแห่งนี้เหมาะที่จะเป็นตัวเลือกอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะให้ทริปการเดินทางของคุณพิเศษกว่าทุกครั้ง ทีมงานโลก 360 องศา แนะนำให้คุณเดินทางมาช่วงเทศกาลปีใหม่ของประเทศเวียดนาม เพราะนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ แล้ว ยังมีโอกาสได้เห็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวเขาเผ่าต่างๆ ซึ่งจะมีให้เห็นแค่เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น
แต่หากอดใจรอมาเที่ยวชมด้วยตัวเองไม่ไหว ก็สามารถรับชมความน่าสนใจของเมืองด่งหวานทั้งหมดได้ในรายการโลก 360 องศา วันเสาร์นี้ ทาง ททบ.5 เวลา 21.20 น. โดยประมาณ และสามารถติดตามเรื่องราวความน่าสนใจอื่นๆ ได้ในโพสต์ทูเดย์ฉบับต่อๆ ไป