สิ่งหล่อหลอมใจให้สุข ดร.นวณัฐ สุขะมงคล
ผู้บริหารไฟแรง เต้ย-ดร.นวณัฐ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท
โดย...วราภรณ์ ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
ผู้บริหารไฟแรง เต้ย-ดร.นวณัฐ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท และยังรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งสองโครงการสะสมประสบการณ์และตกผลึกทางความคิดมากมาย เพราะในวัยเพียง 40 ต้น ดร.นวณัฐลองทำกิจกรรมผาดโผนมาแล้วมากมาย ทั้งขับเครื่องบิน เล่นสกีหิมะ ดำน้ำ ท่องเที่ยวและปฏิบัติธรรม ซึ่งวิธีอย่างหลัง ดร.นวณัฐใช้ละซึ่งความเครียดและค้นหาความหมายของชีวิต เพราะหน้าที่นักบริหารเธอต้องมุ่งมั่นในการบริหารแฟมิลี่ บิซิเนส ให้เจริญรุดหน้า
แม้ธุรกิจของครอบครัวมีหลายสิ่งให้เธอเลือกทำ อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ บริการเช่ารถปั่นไฟรายใหญ่ของประเทศ ฯลฯ แต่เธอมีความสุขและอยากโฟกัสอยู่ 2 โครงการ ได้แก่ วิจิตราธานี เลค ในพื้นที่ 70 ไร่ มีที่เล่นเรือใบ และโครงการมารวยริเวอร์ไซด์ อยู่ริมแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา บ้านสวยตกแต่งสไตล์โคโลเนียลผสมไทย ที่เน้นฟังก์ชั่นและเน้นพื้นที่ใช้สอยเอาใจคนระดับปานกลางย่านอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมในละแวกใกล้เคียง ซึ่งขายเกือบหมดแล้ว แต่หากถึงเวลาพักผ่อนเธอก็มีวิธีซึ่งล้วนเป็นสิ่งหล่อหลอมให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบเฉพาะตัว
1.ศึกษาและปฏิบัติธรรม
"การปฏิบัติธรรมถือเป็นคำตอบหนึ่งของชีวิตเต้ย ถึงแม้หลายคนจะมองว่าเต้ยค่อนข้างประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตเรียนหนังสือก็ได้เรียนในสถาบันที่ดี เช่น บัญชีธรรมศาสตร์ ได้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ได้เรียนดอกเตอร์ในขณะที่เรียนปริญญาโทที่ศศินทร์อีกใบ ส่วนหน้าที่การงานก็ดีมาก เพื่อนฝูงดี มีความเป็นอยู่ที่ดี ชีวิตน่าจะมีความสุขดีแล้ว แต่เต้ยรู้สึกว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เรายังหาคำตอบให้กับชีวิตไม่ได้ เต้ยยังเกิดคำถามว่าแล้วยังไงต่อ เราจะมีชีวิตถึง 80 ปีอย่างไร เต้ยยังนึกไม่ออก เพราะหลายสิ่งก็ได้ทำไปหมดแล้ว เช่น ได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่ทุกคนอยากไปแล้วคือแอฟริกาใต้ ได้ลองขับเครื่องบินแล้ว แต่พอถึงจุดหนึ่งว่า หากเราหาไปเรื่อยๆ หาจนไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อเติมเต็มชีวิตเรา แล้วเราจะไปถึงเมื่อไหร่ แต่พออายุย่างเข้า 38 ปี เต้ยได้ลองปฏิบัติธรรมแล้วรู้สึกว่าดีมากๆ ทุกวันนี้เต้ยยังนั่งสมาธิอยู่ ซึ่งช่วยให้เราดำเนินชีวิตแบบไม่เครียดจนเกินไป"
2.พระอาจารย์โกเอ็นก้า
"เต้ยได้ไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกๆ และได้พบกับอาจารย์โกเอ็นก้า (Satya Narayan Goenka) จากรุ่นพี่ที่เป็นญาติธรรมคนหนึ่งแนะนำ ได้เข้าคอร์สนั่งวิปัสสนา 10 วัน ได้ฟังท่านโกเอ็นก้าสวดมนต์ที่อินเดีย ซึ่งมีคนนั่งสมาธิรวมกันเป็นหมื่นคน แค่ได้ฟังท่านสวดมนต์เต้ยน้ำตาไหล มันเป็นความสงบ นุ่มนวล สบายใจ จนเกิดเป็นความปีติอย่างที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นโมเมนต์ที่เรารอคอยมาทั้งชีวิต การปฏิบัติธรรมจึงถือว่าใช่ที่สุดในชีวิตเรา ทำให้ใจนิ่งสงบ และไม่นึกอิจฉาใครอีกแล้ว"
3.หนังสือฤทธิ์แห่งใจ
"หนังสือที่เขียนโดย คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้า ใจเป็นประธาน คือเราคิดอย่างไร ได้อย่างนั้น คิดดีทำดี ก็ได้ดี ทุกอย่างล้วนเริ่มมาจากความคิดเรา แล้วจึงเกิดเป็นการกระทำ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญเราต้องย้อนมาดูใจ รักษาใจ คิดดี อย่างโกรธง่าย จะได้ไม่มีกรรมต่อกัน สังเกตคนเราจะไม่ยอมจบเรื่องใดเรื่องหนึ่งง่ายๆ ก็เพราะใจเราคิดวนอยู่แบบนั้น ดังนั้นเราต้องรักษาใจให้ดี เพราะเวลาเราเศร้า เครียดจะทำให้เราเป็นโรคได้ง่ายๆ"
4.พระห้อยคอ
"เต้ยจะมีพระห้อยคอ กับพระที่ตั้งไว้บนหัวนอนเป็นพระพุทธเจ้าปางเดียวกัน คือ พระพุทธปางเมตตา ปางนี้ได้มาจากพุทธคยาซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์ เต้ยเชื่อตามคำสอนว่า หากเราได้ไปเยี่ยมสังเวชนียสถาน คือการปิดอบายภูมิอย่างน้อย 1 ที่ คือที่ที่ไม่ดี เราเชื่อว่าเราตายไปแล้วไปเกิดใหม่ จะไปเป็นอะไรไม่รู้ แต่หากเราไปเยี่ยมอบายภูมิอย่างน้อย 1 ที่ จะช่วยทำให้เราไม่ต้องไปเกิดเป็นสิ่งไม่ดี 1 อย่าง ซึ่งเต้ยได้ไปเยี่ยมมาแล้ว 4 สังเวชนียสถาน เช่น ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน และสถานที่ที่พระองค์เทศนาแล้ว ซึ่งการไปเยือนแต่ละที่ทำให้เราได้คิด เช่น ไปที่ที่พระองค์ปรินิพพานทำให้เราได้คิดว่า คนเราอย่างไรก็ต้องตาย ดังนั้นก่อนที่เราจะตายเราควรทิ้งสิ่งดีงามเอาไว้ให้โลก ดังเช่นพระพุทธเจ้ายังทิ้งคำสอนไว้ให้คนได้เรียนรู้ เป็นต้น"
5.นาฬิกาบอกเวลา
"คุณพ่อเสียไปแล้ว แต่วันหนึ่งได้ฝันถึงท่าน เหมือนคุณพ่อได้มาเตือนให้เต้ยสำนึกรู้ในบางอย่าง ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเวลามาก คุณแม่เคยซื้อนาฬิกาข้อมือให้เพื่อเป็นเครื่องเตือนความจำ เหมือนท่านพยายามสอนว่า เวลาไม่คอยท่าอยากทำอะไรต้องรีบทำ อะไรที่สำคัญที่สุดในชีวิตเราต้องรีบทำ เช่น การโทรหาคุณแม่ทุกวัน เพราะตอนนี้ท่านอายุ 78 ปีแล้ว แต่ท่านร่างกายแข็งแรงมาก ถ้าเรารู้สึกรักคุณแม่คิดถึงคุณแม่ต้องรีบโทรอย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะได้ทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน"
6.แหล่งท่องเที่ยว
"เต้ยชอบธรรมชาติ ชอบเห็นวิวที่สวยงาม เต้ยชอบไปแหล่งดำน้ำที่สวยๆ เพื่อได้ดูชีวิตสัตว์ใต้น้ำ เต้ยชอบไปเมืองที่ไปยากๆ เช่น ไปดำน้ำที่กลาปกอสได้เจอความสมบูรณ์ปลาวาฬตัวเท่ารถบัส หรือไปเกาะที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตอนนี้เต้ยอินกับสกีหิมะ เต้ยไปที่นิเซโกะ ซัปโปโร ซึ่งเป็นสถานที่เล่นสกีสนุกมาก ได้ไปตีกอล์ฟบนภูเขาวิวสวยงามมาก ไปเที่ยวแล้วมีความสุข ได้เห็นสิ่งแปลกตา อย่างที่นิเซโกะเราได้ทั้งออกกำลังกาย กินอาหารก็อร่อย"
7.บุคคลอันเป็นที่รัก
"คุณแม่ (วิจิตรา) เป็นผู้หญิงที่เก่งและอดทน เสียสละ เต้ยค่อนข้างผูกพันกับคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ เวลาแม่นั่งทำงานเต้ยก็วิ่งเล่นอยู่รอบๆ โต๊ะ เวลาแม่มารับที่โรงเรียนถ้างานแม่ยังไม่เสร็จ แม่จะพาเต้ยไปบ้านลูกค้าด้วย คุณแม่มีลูกทั้งหมด 6 คน ตอนเราเด็กๆ พอเซตแรก 3 คนโตต้องไปเรียนเมืองนอก แต่ยังมี 3 คนที่เล็กกว่ายังอยู่กับคุณแม่ ดังนั้นบ้านเราไม่เคยเหงาเลย มีลูกๆ อยู่รอบๆ ตัวแม่ตลอดเสมอ ทำให้เต้ยได้ซึมซับแนวทางธุรกิจจากคุณแม่เยอะมาก แม่จะเป็นคนที่มีน้ำใจและซื่อสัตย์สุจริตกับลูกค้ามาก เช่น ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจเรือประมงพายุเกย์เข้าได้รับความเสียหาย คุณแม่ก็ไปเยี่ยมและให้เงินช่วยเหลือ คุณแม่จะสอนเสมอว่า เราต้องเน้นให้ทั้งเราและคู่ค้าเจริญไปด้วยกัน"