"อิคคิวซัง" ธรรมะในพลังการ์ตูน
ปุจฉาวิสัชนาธรรมแบบเซน ไม่ใช่การสนทนาธรรมลักษณะง่ายๆ หากแต่เป็น “คำถ่อมตัว” แบบหนึ่งคือการดลใจให้ผู้แสวงหาธรรม
โดย...พรเทพ เฮง
นั่งสมาธิทำให้เกิดปัญญา แก้ปัญหาโดยใช้สมอง นั่นคือภาพของเณรน้อยอิคคิวซังที่นั่งสมาธิใช้หมองเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ และถือเป็นฉากสำคัญที่คลี่ปมต่างๆ ในแต่ละตอน
ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมา มีโอกาสหยิบการ์ตูนญี่ปุ่น “อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา” มาดูใหม่ ถือเป็นการปัดฝุ่นกันเลยทีเดียว เพราะเก็บไว้นานมาก แผ่นวีซีดีมัดใหญ่ซึ่งซื้อการ์ตูนเรื่องนี้เก็บไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
คงไม่ต้องสาธยายสำหรับการ์ตูนเรื่องนี้กันมากนัก เพราะมีการขยายความเล่าเรื่องถึงประวัติพระนิกายเซน ชื่อ อิคคิว โซจุน ที่มีชีวิตในช่วงปี ค.ศ. 1394-1481 ซึ่งเป็นต้นแบบของเณรน้อยอิคคิวซังคนนี้ และมีหนังสือแปลเป็นภาษาไทยเกี่ยวกับอิคคิวซังออกมาด้วย
แน่นอน การ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าเป็นอมตะอยู่เหนือกาลเวลา ดูตอนเด็กก็สนุกบันเทิงและได้ปัญญา ดูตอนวัยรุ่นก็ได้มุมมองอีกอย่างหนึ่ง เมื่อดึงกลับมาดูตอนผู้ใหญ่ก็พบความลึกซึ้งเข้าไปอีกชั้นหรือมิติหนึ่ง เนื่องจากได้ผ่านพบประสบการณ์และตกตะกอนชีวิตมากขึ้น
แก่นของธรรมะของพุทธศาสนานิกายเซน ที่เรามองผาดเผินนั่งสมาธิใช้สมองขบคิดแก้ปัญหาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หรือการปุจฉาวิสัชนา ซึ่งเป็นการตั้งคำถามสนุกแบบศรีธนญชัย แต่การได้กลับมาพินิจพิเคราะห์ถึงการถาม-ตอบเชิงปัญญาทางธรรม ก็มีอะไรที่ลึกซึ้งอยู่มากมาย
ในหนังสือพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด ของ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. 9 ราชบัณฑิต เขียนอธิบายไว้ว่า ปุจฉาวิสัชนา แปลว่า ถามตอบกัน หมายถึงการถามและตอบกันไปมา เป็นการหาความรู้ความเข้าใจจากอีกฝ่ายหนึ่ง ปุจฉาวิสัชนาจึงเป็นคำเรียกการเทศน์ที่มีการถามตอบกันเช่นนั้นว่า เทศน์ปุจฉาวิสัชนา คือพระรูปหนึ่งเป็นผู้ถาม อีกรูปหนึ่งเป็นผู้ตอบ โดยถามกันในเรื่องธรรมบ้างเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังบ้าง
ปุจฉาวิสัชนาเป็นวิธีสอนอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า โดยทรงเปิดโอกาสให้พระสงฆ์หรือผู้เข้าเฝ้าถามปัญหาได้ และพระองค์ทรงตอบเอง เป็นทางเกิดปัญญาอย่างหนึ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้ซักไซ้ไล่เลียงถามจนกระทั่งได้คำตอบที่พอใจ เป็นวิธีการให้ความรู้ตรงแก่ผู้สงสัยในเรื่องนั้นๆ และเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองในการเรียนการสอน หรือการสนทนา
เคยได้ดูหนังทิเบตเรื่องหนึ่ง แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้เลือนๆ แล้ว มีฉากหนึ่งที่ติดตาติดใจมาก ก็คือการปุจฉาวิสัชนาแบบพระทิเบตที่ถามตอบทางธรรมตรงลานวัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางเคร่งเครียดขึ้งโกรธในการดวลปัญญากัน นั่นก็คืออีกวิธีหนึ่งในการเข้าสู่มรรคาแห่งธรรม เพื่อบรรลุธรรม
แรงบันดาลใจอย่างหนึ่งในช่วงสมัยวัยรุ่น การกลับมาดูการ์ตูนอิคคิวซังที่นำกลับมาฉายใหม่ทางจอทีวีอีกครั้งในคราวนั้น ทำให้ได้ไปหาอ่านหนังสือเกี่ยวกับเซนมาอ่าน
เซน เป็นพุทธศาสนาที่สอนให้คนเราเข้าถึงความมีพุทธตา (ธรรมชาติแห่งพุทธะ) สภาวะจิตที่เป็นจริงที่สุด คือ สภาวะที่ผู้แสวงหาธรรมจะรู้แจ้งหรือเข้าใจสัจธรรมได้แค่ไหน
เมื่อได้อ่านถึงการปุจฉาวิสัชนา ก็พบว่าการสนทนาธรรมแบบเซน หรือที่เรียกกันว่า ปุจฉาวิสัชนาธรรมแบบเซน ไม่ใช่การสนทนาธรรมลักษณะง่ายๆ หากแต่เป็น “คำถ่อมตัว” แบบหนึ่งคือการดลใจให้ผู้แสวงหาธรรม หาคำตอบจากคำถามที่เขาตั้งต้นขึ้น ในลักษณะหนึ่งคนถามหนึ่งคนตอบ หรือที่เรียกกันว่า “ปรึกษาหารือ” คือต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความเห็นกันไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงรูปแบบต่างๆ อาทิ พฤติกรรม อากัปกิริยา การประพันธ์ หรืออีกหลายๆ อย่าง
จุดสำคัญของการสนทนาธรรม คือ อาจารย์จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ หรือที่เรียกกันว่า “โกอาน” ซึ่งโกอานแต่ละเรื่องจะแสดงให้เห็นคุณค่าของเซนได้เต็มที่
สุนทรียะในพุทธศาสนานิกายเซนมีความโดดเด่นอยู่ที่บทกวีเซน โดยเฉพาะงานเขียนของอิคคิวซัง หรืออิคคิว โซจุน หยิบบทความชื่อผลงานของอิคคิวซัง เขียนโดย เต็ง ในเว็บไซต์ marumura.com ซึ่งให้ความรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่นบอกว่า
งานเขียนของอิคคิว โซจุน มักจะอยู่ในรูปแบบของอักษรจีนแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่นิยมกันในหมู่นักประพันธ์ร่วมสมัยนั้น บทกวีของท่านมักจะอยู่ในลักษณะที่แสดงออกแบบทันทีทันใด แหลมคมและชาญฉลาด และได้แปลบางส่วนของบทกวีไว้ด้วย ขอหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง
“ความไม่แน่นอนของชีวิต
ผ่านความทุกข์และเจ็บปวด
สอนเราว่า
อย่ายึดติด
กับโลกอันเลื่อนลอยนี้”
จะเห็นได้ว่าเพียงบทกวีหนึ่งบทสั้นๆ บ่งบอกถึงสัจธรรมชีวิตให้ตระหนักรู้ในใจได้มากกว่าคำสอนสาธยายเรื่องราวชีวิตเกิดแก่เจ็บตายเป็นร้อยๆ หน้า แต่ก็เป็นเรื่องจริตของผู้รับสารจากบทกวีด้วยเช่นกัน หยิบบทกวีเซนของอิคคิว โซจุน อีก 2 บทมาให้อ่านกัน
“ทำไมผู้คน
จึงสิ้นเปลืองไปกับการตกแต่ง
บนโครงกระดูกนี้
ซึ่งถูกกำหนดให้สูญสลายไป
โดยไร้ร่องรอย
โลกใบนี้
เป็นเพียงแต่
ความฝันอันล่องลอย
เหตุไฉนจึงตื่นตระหนก
กับการเสื่อมสลายไป”
อีกบทก็เป็นกวีง่ายๆ แต่ลึกซึ้ง ดูเหมือนเป็นประโยคบอกเล่าง่ายๆ ปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อได้ทบทวนและขบให้แตกมันช่างลึกล้ำดำดิ่งยิ่งนัก
“ฉันไม่ชอบ ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร
แต่ฉัน
ดูดกินลูกพลัมอันแสนหวานของโลก”
จะเห็นว่าบทกวีทั้งสองบท สั้นกระชับได้ใจความ ปลุกการตื่นรู้ถึงธรรมชาติภายในของชีวิต เพื่อตั้งต้นพิจารณาและเพ่งพิศชีวิตของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ได้ไปไกลกว่าการ์ตูนอิคคิวซัง