posttoday

โซดา ซ่า...อร่อย

03 มิถุนายน 2559

เมื่อพูดถึงโซดา เราๆ ท่านๆ ก็จะนึกถึงน้ำใสๆ มีฟอง รสซ่าๆ ส่วนใหญ่ใช้ผสมวิสกี้หรือไม่ก็น้ำเขียวดื่ม

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง ภาพ เพลย์กราวด์ บาร์ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม)

เมื่อพูดถึงโซดา เราๆ ท่านๆ ก็จะนึกถึงน้ำใสๆ มีฟอง รสซ่าๆ ส่วนใหญ่ใช้ผสมวิสกี้หรือไม่ก็น้ำเขียวดื่ม แต่พอไปเจอของนอกเข้า เห็นเขามีทั้งโซดาวอเตอร์ คลับโซดา ทั้งยังมีโทนิกอีก ขณะที่บางที
น้ำอัดลมอย่างโค้ก เป๊ปซี่ เอส ฯลฯ ก็ถูกเรียกว่าโซดาอีกด้วย แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ

เอาเป็นว่า คลับ โซดา (Club Soda) น้ำโซดา (Soda Water) สปาร์กลิ้ง วอเตอร์ (Sparkling Water) เซลต์เซอร์ วอเตอร์ (Seltzer water) หรือฟิซซี่ วอเตอร์ (Fizzy Water) ทั้งหมดก็คือ คาร์บอเนต วอเตอร์ (Carbonated Water) โดยพื้นฐานคือเป็นน้ำอัดด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บางตัวก็จะใส่โซเดียมลงไปด้วย ต่อมาก็มีการพัฒนาใส่น้ำตาล หรือแต่งกลิ่นต่างๆ

กำเนิดของโซดานั้นมาจากการพยายามทำให้น้ำธรรมดามีรสเหมือนน้ำแร่ซึ่งซ่าและมีฟองโดยธรรมชาติเพราะน้ำแร่ที่ผสมอยู่ (ปัจจุบันมีน้ำแร่บางเจ้าที่อัดก๊าซไม่ธรรมชาติเข้าไประหว่างการผลิตด้วย) แรกเริ่มเดิมทีนั้น เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อย่างเช่น เบียร์ ไวน์ และแชมเปญเองก็มี “คาร์บอเนต” ในขั้นตอนของการหมักอยู่แล้ว แต่พอถึงศตวรรษที่ 16 ก็มีการคิดค้นสปาร์กลิ้งไวน์ขึ้นมา และในศตวรรษที่ 17 นักเคมีก็คิดค้นวิธีการเติมคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในน้ำกลายเป็นโซดา วอเตอร์ ผู้ผลิตเครื่องดื่มโซดาออกจำหน่ายเป็นเจ้าแรกของโลกก็คือ ชเวปส์ ตอนแรกบริษัทตั้งอยู่ที่เจนีวา ก่อนจะย้ายไปลอนดอน

เพราะว่าเครื่องดื่มอัดก๊าซบางสูตรบางเจ้ามีเกลือ (โซเดียม) เป็นส่วนผสมนี่เอง ที่ทำให้ในสหรัฐเรียกว่าโซดา ส่วนเซลต์เซอร์ วอเตอร์ คือน้ำธรรมดาที่อัดก๊าซ แต่ไม่ใส่เกลือ (โซเดียม) ได้ชื่อมาจากเมืองในเยอรมนีที่มีชื่อในเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติ ผลิตออกมาเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการดื่มน้ำที่มีรสชาติคล้ายน้ำแร่ในราคาที่ถูกกว่า

โซดา ซ่า...อร่อย

 

คลับ โซดา (Club Soda) นั้นก็คล้ายกับเซลต์เซอร์ แต่พยายามที่จะแต่งเติมส่วนผสมอื่นๆ ให้รสออกมาเหมือนน้ำแร่ (ขณะที่เซลต์เซอร์ไม่ได้ปรุงแต่ง) ในส่วนผสมนั้นจะพบว่ามีโพแทสเซียม ไบคาร์บอเนต และโพแทสเซียม ซัลเฟต อยู่ด้วย แต่จริงๆ แล้วเราจะพบความแตกต่างในน้ำซ่าพวกนี้น้อยมาก สำหรับชื่อของคลับ โซดานั้น ก็ได้มาตั้งแต่เจ้าแรกจากไอร์แลนด์ที่ผลิตออกมาขายตั้งแต่ศตวรรษที่ 18

ส่วนโทนิก (Tonic) นั้นแตกต่างออกไป เป็นเครื่องดื่มรสขมนิดๆ เพราะว่าผสมควินินลงไป เหมาะกับการผสมกับจิน และไม่เหมือนน้ำโซดาประเภทอื่น เพราะว่าโทนิกเป็นน้ำที่มีแคลอรี

การกำเนิดของน้ำโซดานี่ทำให้การดื่มของมนุษยชาติเปลี่ยนไป หลังจากที่ดื่มเพียวกันมานานนมก็ต้องมีน้ำซ่าๆ มาผสม ก่อนจะกลายเป็น “มิกเซอร์” ที่ขาดไม่ได้

เครื่องดื่มผสมโซดาปริมาณเล็กน้อย มักจะมีคำว่า สแปลช (Splash) อยู่ในชื่อ เมื่อนึกถึงเครื่องดื่ม “ซ่าๆ” อีกหนึ่งคำที่ผุดขึ้นมาคือ “ฟิซซ์” (Fizz) ซึ่งเราจะได้ยินและเห็นบ่อยในชื่อของเครื่องดื่ม ทั้งค็อกเทลและม็อกเทล ในตำราของคนทำค็อกเทลนั้น คำว่า ฟิซซ์ นั้นมาจากเสียงฟองฟูฟ่อง สะท้อนแสดงถึงก๊าซ เครื่องดื่มที่มีชื่อเรียกว่า ฟิซซ์ นี้ก็อาจจะผสมด้วยโซดา หรืออาจจะเป็นน้ำอัดลม หรือแม้แต่แชมเปญก็ได้

ในระยะหลังเราได้พบเห็นเมนูเครื่องดื่มที่เรียกว่า “โซดา” ออกมาขายมากขึ้น เป็นอะไรที่ฮิตมากจริงๆ เครื่องดื่มผสมโซดาทั้งหลายนี่ให้ความสดชื่น เหมาะกับอากาศบ้านเรา ทั้งยังอร่อย และสามารถเพิ่มคุณค่าได้ด้วยการใส่น้ำหรือผลไม้สดลงไป คนดื่มก็จะได้คุณค่าทางโภชนาการจากผลไม้เหล่านั้น ผลไม้ที่นำมาผสมนั้นมีมากมายหลาย ไม่ว่าจะมะนาว องุ่น ลิ้นจี่ สับปะรด กล้วย เสาวรส องุ่น บลูเบอร์รี่ ฯลฯ นอกจากนั้นอาจจะมี นม โยเกิร์ต ไอศกรีม ฯลฯ มาเป็นส่วนผสมได้อีก แล้วแต่สูตรใคร

หนึ่งในเครื่องดื่ม “ซอฟต์ดริงค์” ยอดนิยมซึ่งผสมด้วยโซดา เรียกว่า “อิตาเลียน โซดา” ซึ่งผสมง่ายๆ ด้วยโซดากับน้ำเชื่อมน้ำหวาน (ไซรัป) แต่งรสด้วยผลไม้ ไม่ว่าจะเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ฯลฯ บางสูตรก็จะนำรสชาติของของหวานมาแต่งปรุงเป็นเครื่องดื่ม แต่งด้วยเครื่องเทศ และเครื่องดื่มอื่นๆ อาทิ อมาเรตโต้ ชาอินเดีย (ไช) ช็อกโกแลต เป็นต้น

โซดา ซ่า...อร่อย

 

เมื่อเครื่องดื่มอิตาเลียน โซดา บางสูตรมีครีมเติมเข้าไปด้วยก็จะเรียกว่า “อิตาเลียน ครีม โซดา” (Italian Cream Soda) ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า “เครโมซา” (Cremosa) หรือ “เฟรนช์ โซดา” (French Soda) ก็เรียก

หนึ่งในผู้ทำให้อิตาเลียน โซดา แพร่หลายคือ โตรานี ผู้ผลิตไซรัปและเครื่องดื่มของครอบครัวชาวอิตาลี ซึ่งไปลงหลักปักฐานอยู่ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐ ตั้งแต่ปี 1925 พวกเขาได้นำสูตรอิตาเลียน โซดาแบบคลาสสิกจากเมืองลูคาบ้านเกิดไปเผยแพร่ ก่อนจะทำไซรัปออกมาขายเป็นเรื่องราว และยังคงดำเนินกิจการมาถึงวันนี้ ในขณะเดียวกันทางนิวยอร์กเองก็เคลมว่า พวกเขาเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการคิดค้นอิตาเลียน โซดาด้วยเช่นกัน

เพื่อพิสูจน์ความซ่าและอร่อยของเมนูเครื่องดื่มจากโซดา ไปลองดื่ม “นิวยอร์ก โซดา” จากเพลย์กราวด์ บาร์ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม)ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ เป็นเครื่องดื่มเย็นๆ ซ่าๆ ที่ขายตลอดเดือน มิ.ย.นี้

เริ่มที่แก้วแรกคือ Minty Fizz โซดารสมินต์ ส่วนผสมหลักคือ น้ำเชื่อมรสมินต์ นอกจากนั้นก็ยังมีเลมอนหั่นซีก และโซดาอีกแก้วเป็นน้ำสีชมพูหอมหวานด้วยรสลิ้นจี่และกลิ่นดอกกุหลาบ เรียกว่า Lychee Rose Breeze ผสมจากน้ำเชื่อมกลิ่น-รสกุหลาบ ตามด้วยน้ำเชื่อมเกรนาดีนสีแดง เนื้อลิ้นจี่สดบดละเอียด และโซดา มีผลลิ้นจี่สดตกแต่งแก้วสวยๆ แก้วต่อมาหวานนุ่มๆ มีกลิ่นเฉพาะตัว Peach Please ใช้พีชพูเรซึ่งเป็นกึ่งของเหลวกับของข้นคล้ายซอส หรือไซรัปกลิ่น-รสพีชผสมกับน้ำแอปเปิ้ลและโซดา ตบท้ายด้วยแก้วนี้ที่แปลกต่าง Tea Collins เป็นโซดารสคล้ายชามะนาว ซึ่งเกิดจากการนำชาเอิร์ลเกรย์มาผสมกับน้ำมะนาว น้ำเชื่อม และโซดา 

ใครอยากอร่อยๆ ซ่าๆ ก็แวะชิมที่เพลย์กราวด์ บาร์ ชั้นจี ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (สีลม) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-238-1991

อากาศร้อนๆ แบบนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มผสมโซดาซ่าๆ อร่อยๆ สักหนึ่งแก้วละก็ อาจจะไม่ถึงสวรรค์ แต่ก็ใกล้เคียง บอกเลย