วลัยพรรณ รัศมี ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
ปัจจุบันนี้ใครๆ มักจะได้ยินคำว่าสตาร์ทอัพ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย
โดย...อณุสรา ทองอุไร ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล
ปัจจุบันนี้ใครๆ มักจะได้ยินคำว่าสตาร์ทอัพ หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย อันสืบเนื่องมาจากเด็กยุคนี้จบการศึกษามาจะไม่อยากไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ใฝ่ฝันจะเป็นนายตัวเองด้วยการทำอาชีพอิสระ หรือหาธุรกิจเล็กๆ แนวๆ เป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับสาวสวยคนนี้ อีฟ-วลัยพรรณ รัศมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟส์ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์อีฟ (Eve’s)
หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ทางด้านฟู้ดไซน์ ที่สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา ขณะเรียนมหาวิทยาลัยเธอเคยไปฝึกงานที่บริษัทผลิตอาหารแห่งหนึ่งและพบว่าไม่ชอบงานออฟฟิศแบบนั้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ หลังเรียนจบเธอจึงไปลองทำงานออฟฟิศอยู่ปีกว่า โดยเปลี่ยนงานอยู่ 2 แห่ง จนได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่า เธออยากทำอาชีพอิสระมากกว่า
เริ่มธุรกิจตอนอายุ 23
วลัยพรรณ เล่าว่า เธอเริ่มทำงานพริตตี้ตามงานมอเตอร์โชว์และงานอื่นๆ ควบคู่กับขายเสื้อผ้าและขนมแถวๆ บ้าน "มีช่วงหนึ่งขอแฟรนไชส์ลูกชิ้นปลาทอดเจ้าดังมาขายปากซอยบ้านขายดีมากๆ ขายวันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ขายเย็นๆ ดึกๆ ก็เลิก หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท" ปรากฏเจ้าของที่เห็นเราขายดีเลยเอาที่คืน แต่เธอก็ไม่ท้อ ชื่นชอบกับการขายของเพราะได้เห็นเงินทุกวัน จึงเปลี่ยนมากขายเสื้อผ้า
ขณะที่ขายเสื้อผ้าวัยรุ่นเธอก็ขายครีมบำรุงผิวเสริมไปด้วย “คือเป็นครีมที่เคยใช้แล้วมันดีจริงๆ ราคาไม่แพง ก็เลยไปรับมาขายโดยมาทำยี่ห้อของตัวเองชื่อครีมรัศมี ซึ่งเอามาขายเป็นตู้เล็กๆ ในร้านไม่ได้หวังว่าจะทำรายได้อะไรให้มากมาย" แต่ปรากฏว่าของที่เธอไม่ได้ตั้งใจมาทำตลาดจริงจังกลับขายดีมาก ยอดขายแซงหน้าเสื้อผ้าที่เป็นของหลักในร้าน เธอจึงขยายตลาดด้วยการนำครีมไปขายผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเธอเป็นรายแรกๆ ที่มาทำตลาดผ่านออนไลน์ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพราะอยากทำงานสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง เมื่อครีมไปด้วยดี เธอจึงเลิกขายเสื้อผ้าหันมาเอาดีกับการขายครีมเพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนั้นเธอมียอดขายปีละ 4-5 ล้านบาท ขณะที่เธออายุ 25 ปี
รู้ให้ลึกรู้ให้จริงในสิ่งที่ทำ
เมื่อเห็นว่าตลาดออนไลน์เติบโตด้วยดี เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาเธอก็ขยายมาทำอาหารเสริมสุขภาพเพิ่มเข้ามาด้วย พวกกลูต้าไธโอน คอลลาเจน ต่างๆ ระหว่างนั้นเธอก็ไปเข้าเรียนคอร์สสั้นๆ เรื่องสมุนไพรอาหารเสริมต่างๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันยังไม่แน่นพอ
ดังนั้น เธอจึงไปเรียนต่อปริญญาโท ที่คณะการแพทย์แผนตะวันออก สาขาวิชาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต “คือคิดว่าเราหาทางของตัวเองจนเจอแล้ว ถ้าจะเอาดีทางนี้ควรมีหลักวิชาที่จริงจัง จะได้มีส่วนในการพัฒนาสูตรต่างๆ เพื่อที่จะได้ตอบลูกค้าได้อย่างมั่นใจ รวมทั้งเราจะได้รู้ว่าส่วนผสมของสินค้าที่เราไปจ้างผลิตนั้นถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ จะได้ทำงานได้อย่างมั่นใจ” เธอ กล่าวอย่างจริงจัง
ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เธอมียอดขายสินค้าปีละกว่า 20 ล้านบาท โดยการขายผ่านออนไลน์ และตัวแทนจำหน่าย และล่าสุดเมื่อปีที่ผ่านมาเธอมียอดขายของครีมบำรุงผิวและอาหารเสริมรวมกัน 60 ล้านบาท ขณะที่เธออายุ 28 ปี
ปีหน้าตั้งเป้า 100 ล้าน
วลัยพรรณ ตั้งเป้าว่า ภายในอายุ 30 ปี เธอจะต้องทำยอดขายให้ได้ปีละ 100 ล้านบาท ซึ่งเธอมั่นใจว่าสามารถทำได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเธอจะขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มครีมบำรุงและอาหารเสริม ในสิ้นปีนี้อีก 2-3 ตัว
“ที่มั่นใจอย่างนี้เพราะตอนนี้เรามีฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) เป็นของตัวเอง โดยที่อีฟมีส่วนร่วมในการพัฒนาสูตรเพราะเรียนปริญญาโทด้านนี้มาโดยตรง และปลายปีนี้เราจะรีแบรนด์สินค้าอีฟสกินแคร์ของเราใหม่ รวมทั้งปีหน้าจะเปิดโรงงานใหม่เป็นของตัวเอง จากเดิมที่เราจ้างเขาผลิต แผนการเร่งด่วนในการทำงานคือเปิดโรงงานผลิตของตัวเองไม่จ้างใครแล้ว และออกสินค้าใหม่อีก 2-3 ตัว จากเดิมที่มีอยู่ 5-6 ชนิด มั่นใจว่าปีนี้จะมียอดขายเกือบ 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน”
เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์
สำหรับแผนการการทำงานในอนาคต ภายใน 2 ปีนี้ วลัยพรรณ จะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรดให้ได้ไม่เกินปีหน้า และแผนงานภายใน 3-4 ปี ข้างหน้าคือเธออยากจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้น ในกลุ่มเครื่องสำอาง เช่น ลิปส์มัน ลิปส์สี แป้ง และกลุ่มเมกอัพอื่นๆ คือให้ครบวงจรทั้งสกินแคร์ เมกอัพ และอาหารเสริม
หลักการทำงานของเธอ ก็คือ พยายามเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองทำ รู้ให้ลึกรู้ให้จริง สโลแกนของเธอ ก็คือ อีฟทำเพราะอีฟรู้ เธอบอกว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เรียนปริญญาโทด้านนี้ เธอไม่รู้ถ่องแท้ว่าส่วนผลิตส่วนผสมของสินค้ามีอะไรบ้าง แล้วมีจริงไหม โรงงานบอกอะไรมาเราต้องเชื่อตามนั้น แต่ตอนนี้หลอกเราไม่ได้ เรารู้จักสินค้าเราเป็นอย่างดี อะไรไม่แน่ใจว่าได้ตามสัดส่วนที่เราออร์เดอร์ไปหรือไม่ เราขอเอาไปตรวจสอบที่ห้องแล็บทันที เราต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพของเราเสมอ
“นี่คืออาชีพ นี่คืออนาคตของเรา เราจะไม่มักง่าย ไม่ทำอย่างฉาบฉวย เราต้องการให้ยั่งยืนมั่นคง ต้องการให้บริษัทอยู่ยาวนานไปอีกหลายสิบปี เพราะเราเริ่มมีทีมงานมากขึ้น”
วลัยพรรณไม่หยุดที่เรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องการบริหารงาน ด้วยการอ่านหนังสือฮาวทูบริหารงานต่างๆ เนื่องจากเธอไม่มีประสบการณ์ในการทำงานในบริษัทใหญ่ๆ มาก่อน เริ่มธุรกิจของตัวเองเพียงแค่อายุ 23 ปี ด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกเพียงหลักหมื่นบาท ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งค่อยจับทางถูกตอนอายุ 25 ปี และเริ่มมั่นคงขึ้นตอนอายุ 27 ปี และหวังว่าจะแข็งแรงตอนอายุ 30 ปี ดังนั้นเธอจึงต้องบริหารงานและชีวิตอย่างมีขั้นมีตอน ให้มีหลักการอย่าให้ผิดพลาดโดยง่าย เพราะเธอเริ่มมีพนักงานอีกหลาย 10 ชีวิต ให้ต้องดูแล เธอบอกว่าถ้ามีโอกาส เธออาจจะเรียนต่อปริญญาเอกด้านการบริหาร เพื่อนำมาใช้การบริหารในอนาคต
การมาถึงวันนี้ของเธอก็ไม่ได้มาง่ายๆ มีการลงทุนลงแรงมาพอสมควร ตอนขายเสื้อผ้าเจ๊งไปก็มี ขายลูกชิ้นก็ถูกยึดร้านคืน ทุกอย่างไม่ได้โชคช่วยหรือฟลุก แต่โชคดีว่าเธอเริ่มธุรกิจทันทีนับแต่เรียนจบ การเริ่มตอนอายุน้อยๆ จึงทำให้เธอประสบความสำเร็จได้โดยเร็ว หรือหากจะเกิดการผิดพลาดบ้างก็ทำให้โอกาสในการฟื้นตัวลุกขึ้นสู้ใหม่ทำได้อย่างรวดเร็ว แต่จังหวะชีวิตดีที่จับทางได้ถูกต้องรวดเร็ว และทำงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจไม่ย่อท้อเมื่อเจอปัญหาและอุปสรรค