ไอคอนดนตรีผ่านเลนส์ อองตง กอร์เบน
หากเอ่ยชื่อ อองตง กอร์เบน ขึ้นมาลอยๆ อาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ถ้าหยิบภาพขาว-ดำสุดคลาสสิก
โดย...ปณิฏา
หากเอ่ยชื่อ อองตง กอร์เบน ขึ้นมาลอยๆ อาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ถ้าหยิบภาพขาว-ดำสุดคลาสสิกของศิลปินชื่อดัง ผู้เป็นไอคอนทางดนตรีทั้งหลาย อย่าง เดวิด โบวี, จอห์นนี แคช, ไมลส์ เดวิส, วงยูทู, ดีเปชเชอ โมด, เมทัลลิกา, เคิร์ท โคเบน, นิค เคฟ หรือแพตตี สมิท หลายคนต้องเคยเห็นภาพ ซึ่งเป็นผลงานของช่างภาพชาวดัตช์มาแล้วอย่างแน่นอน
อองตง โยฮันเนส เกร์ริต กอร์เบน ฟาน วิลเลนวาร์ด เกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 1955 นอกจากเป็นช่างภาพแล้ว เขายังเป็นผู้กำกับหนังและมิวสิควิดีโอ อีกทั้งยังเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กับวงดีเปชเชอ โหมดและยูทู คอยดูแลทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่จะออกมาของทั้งสองวงนี้อยู่เกือบ 3 ทศวรรษ อย่างมิวสิควิดีโอเพลง Enjoy the Silence (1990) ของดีเปชเชอ โหมด เพลง One (Version 1) ของยูทู (ปี 1991) นอกจากนี้เขายังได้ทำงานกับไบรอัน อดัมส์ ในเพลง Do I Have to Say the Words? แล้วก็กับวงเนอร์วาน่า เพลง Heart-Shaped Box ในปี 1993
อองตง มีบิดาเป็นบาทหลวง ส่วนมารดาเป็นพยาบาลที่โตมาในโบสถ์ เขามีพี่น้อง 4 คน โดยน้องชายคนเล็กของเขา มาร์เทน กอร์เบน ก็เป็นช่างภาพและผู้กำกับหนังเช่นกัน คาดว่ามุมมองทางศิลปะของทั้งคู่ได้มาจากคุณปู่ ซึ่งเป็นครูสอนศิลปะในโรงเรียนคริสต์ที่ฮิลเฟอร์ซัม
อองตง เริ่มต้นอาชีพเป็นตากล้องให้ศิลปินเพลง หลังจากที่เขาไปไปชมเฮอร์มัน บรูด นักดนตรีชาวดัตช์เล่นในคาเฟแห่งหนึ่งที่โครนิงเกน ราวปี 1975 เขาถ่ายภาพเฮอร์มันและวงไวลด์ โรมานซ์บนเวทีเอาไว้มากมาย ซึ่งเมื่อนำมาเผยแพร่ก็สร้างชื่อเสียงให้เฮอร์มัน บรูดเป็นอย่างมาก และนับเป็นการเปิดตัวอองตง กอร์เบนแบบสวยๆ
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 เขากลายเป็นขาประจำในการถ่ายภาพศิลปินที่ได้ขึ้นปกนิตยสารดนตรีรายสัปดาห์ของอังกฤษ อย่าง นิว มิวสิค เอกซ์เพรส (NME) โดยเริ่มต้นมาจากภาพเดวิด โบวี ในชุดผ้าเตี่ยวตัวเดียว ที่เขาส่งมาจากหลังเวที The Elephant Man ขณะที่นิตยสาร เดอะ เฟซ นิตยสารดนตรีแนวพังก์รายเดือน ก็จ้างเขาเป็นขาประจำเช่นเดียวกัน
ภาพศิลปินเพลงผลงานของอองตง กอร์เบนที่คุ้นเคย เป็นภาพในโทนขาว-ดำ กระทั่งเดือน พ.ค. ปี 1989 ที่เขาเริ่มถ่ายภาพสีเป็นครั้งแรก โดยประเดิมด้วยภาพของซูซี ซู นักร้อง/นักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษ นักร้องนำวงซูซี
หลังจากถ่ายภาพศิลปินเพลงมากมาย รวมทั้งได้โอกาสถ่ายภาพคนที่มีชื่อเสียงหลา
ยวงการ ทั้งโรเบิร์ต เด นีโร, คลินต์ อีสต์วูด และสตีเฟน ฮอว์คิง อองตง กอร์เบนก็เริ่มผันตัวมากำกับมิวสิควิดีโอ เมื่อวงดนตรีนิวเวฟจากเยอรมนี อย่าง ปาเลส์ ชอมเบิร์ก เอ่ยปากชวน มิวสิควิดีโอเรื่องแรกออกมาเจ๋งมาก จนอีกหลายๆ วงจ่อคิวกันเข้ามา ทั้งเอคโค แอนด์ เดอะ บันนีเมน, โกลเดน เอียร์ริง, ฟรอนต์ ทูโฟร์ตีทู, ร็อกเซตต์ รวมทั้งอีก 2 วงดนตรีดังที่ผูกกันมาถึง 30 ปี อย่าง ดีเปชเชอ โหมดและยูทู โดยเขาเริ่มงานแรกกับวงยูทูด้วยการกำกับมิวสิควิดีโอให้กับซิงเกิล Pride
ในปี 1994 อองตง กำกับสารคดีสั้น Some Yoyo Stuff ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องราวของนักร้อง/นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน กัปตันบีฟฮาร์ต ก่อนจะขยับไปกำกับหนังยาวเรื่องแรก Control เล่าเรื่องราวของ เอียน เคอร์ติส นักร้องนำวงจอย ดิวิชัน โดยเขาได้นำเนื้อหาส่วนใหญ่มาจากหนังสือ Touching from a Distance ที่เขียนโดยเดบอราห์ เคอร์ติส อดีตภรรยาของเอียน ทำให้ได้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ แม้จะนำไปฉายโชว์เฉยๆ ไม่ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำกับเขา แต่ Control ก็ได้รับการโหวตเป็นหนังในดวงใจของผู้กำกับ และได้รางวัล CICAE Art & Essai ของปี 2007 มาครอง
จากนั้น อองตงได้โอกาสกำกับภาพยนตร์เรื่อง The American (2010) ที่นำแสดงโดยจอร์จ คลูนีย์ ตามด้วย A Most Wanted Man (2014) หนังจากนิยายทริลเลอร์ของจอห์น เลอ คาร์เร นำแสดงโดย ฟิลิป ซีย์มัวร์ ฮอฟแมน ผู้ล่วงลับ และล่าสุดกับ Life (2015) ที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเจมส์ ดีน กับช่างภาพคู่ใจ เดนนิส สต๊อก
แม้ฝีมือการกำกับหนังจะไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้คุยได้ หากฝีมือการถ่ายภาพศิลปินเพลงระดับไอคอน อองตง กอร์เบน ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยภาพขาว-ดำที่ดึงบุคลิกของแบบออกมาได้อย่างดี โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของแสง เงา และองค์ประกอบภาพที่แสนจะเพอร์เฟกต์ ซึ่งในตอนนี้แกลเลอรี่อนิตา เบกเคอร์ กลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต กำลังจัดแสดงผลงานภาพถ่ายไอคอนทางดนตรีของเขาที่ถ่ายทำระหว่างปี 1972-2014 หรือเรียกว่าเกือบจะตลอด 40 ปี ในชีวิตการทำงาน ที่ไม่เคยหายไปจากแวดวงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเลยตั้งแต่วันนี้-26 ส.ค.ศกนี้