ปริมาณหรือคุณภาพ
คุณ Bill Barnett ซึ่งเป็น Managing Director ของบริษัท C9 Hotelworks Company L’mited ชวนผมไปคุยที่โรงแรมกลางกรุงแห่งหนึ่ง
คุณ Bill Barnett ซึ่งเป็น Managing Director ของบริษัท C9 Hotelworks Company L’mited ชวนผมไปคุยที่โรงแรมกลางกรุงแห่งหนึ่ง
โดย...คนหลังเขา
คุณ Bill Barnett ซึ่งเป็น Managing Director ของบริษัท C9 Hotelworks Company L’mited ชวนผมไปคุยที่โรงแรมกลางกรุงแห่งหนึ่ง เขาบอกว่าบริษัทของเขาเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งอยู่ที่ภูเก็ต ฝ่ายประชาสัมพันธ์เอาเอกสารที่เขาทำวิจัยมาแจก เอกสารดังกล่าวแม้จะ Positive ต่อภูเก็ตและรัฐบาลไทยในมุมมองของเขา
Bill ชี้ว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าสนามบินนานาชาติภูเก็ตในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภูเก็ต นับได้ว่าเป็นการฟื้นตัวเท่ากับปี 2550 อันสำแดงได้ว่า เส้นทางสู่การฟื้นฟูตลาดการท่องเที่ยวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ดูได้จากตัวเลขการเข้าพักในโรงแรมต่างๆ ที่สูงขึ้น จาก 61% ในปี 2552 เป็น 70% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้ ผันแปรไปตามอัตราค่าห้องพักมีการลดราคาลง 9% Bill บอกว่า แม้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรปผู้ที่มาใช้เวลาในการพักผ่อนอันยาวนานจะหายไป แต่ก็ถูกทดแทนด้วยนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่เดินทางมาพักผ่อนช่วงสั้นๆ
“ที่นักท่องเที่ยวยุโรปหายไปคือการที่เงินยูโรและเงินปอนด์สเตอร์ลิงอ่อนค่าลง”
จากตัวเลขที่เปิดเผยในรายงาน Phuket Market Update ปี 2552 ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เกาะแห่งนี้เป็นจำนวน 1.74 ล้านคน อันเป็นตัวเลขเดียวกันกับในปี 2550 หรือช่วงก่อนที่โลกจะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ
“อาจจะเกิดอุปสรรคทางด้านเศรษฐกิจที่ถดถอยและการชุมนุมทางการเมือง แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวลงทุนด้านโรงแรมในขณะเดียวกัน โดยในอีกสี่ปีข้างหน้าจะมีห้องพักใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดอีก 4,538 ห้อง หรือเพิ่มขึ้นอีก 11%” และแม้ว่าจำนวนห้องพักอาจ “มาก” เกินความต้องการ แต่เรื่องนี้ก็แก้ไขได้ด้วย “การสร้างความต้องการ” เพื่อ “เพิ่มปริมาณการซื้อขายให้มากขึ้น”
Bill กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเมืองในกรุงเทพฯ ในช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. แม้จะทำให้ผลการดำเนินงานตกต่ำลง 38% ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก แต่มีผลกระทบต่อโรงแรมต่างๆ น้อยมาก เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และมีการเพิ่มเที่ยวบินต่างประเทศถึงเกาะภูเก็ตโดยตรง
นี่คือทัศนะ Positive ของ Bill ที่มีต่อภูเก็ตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย และเพื่อความแฟร์ต่อเรื่องนี้ ผมได้สอบถามไปยังคุณอติพจน์ ศรีสุคนธ์ เจ้าของรีสอร์ต The Cliff แห่งกระบี่ เขาให้ความเห็นในเรื่องปริมาณนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นว่า ตัวเลขของคนเดินทางจะมีมากก็จริง แต่เราก็ต้องแยกแยะระหว่างนักท่องเที่ยวที่มี “ศักยภาพในการจ่ายเงิน” ในการท่องเที่ยว กับนักท่องเที่ยวที่ “ด้อยศักยภาพในการจ่ายเงิน” ให้ออก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อที่เราจะ “ไม่หลง” ไปกับ “ตัวเลขที่เพิ่มขึ้น” แต่ “รายได้” กลับ “น้อยลง”
คุณ ส. (นามสมมติ) เจ้าของรีสอร์ตใหญ่แห่งหนึ่งของภูเก็ตให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า นักท่องเที่ยวเป็นคนลืมเร็ว เหตุการณ์เหลืองแดงที่ผ่านมาพวกฝรั่งลืมไปแล้ว คนเข้ามาเพราะเป็นหน้าโลว์ซีซัน ราคาโรงแรม สายการบิน ทัวร์ ถูกมากเป็นพิเศษ รีสอร์ต โรงแรมบางแห่งลดลงถึง 4050% จึงมีสภาพ “ได้แขกแต่ไม่ได้ตังค์” คนทำทัวร์จากต่างประเทศหยุดเคลื่อนไหวไม่ได้ เพราะหยุดแล้วรายได้ของเขาลดลง เขาจึงช่วยดึงแขกมาไทย สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ภูเก็ต ศูนย์กลางการบินก็อยู่ที่ภูเก็ต สายการบินราคาประหยัดก็มาตั้งฐานที่ภูเก็ต ดังนั้นภูเก็ตจึงมีคนมามากกว่าที่อื่น รายได้จากการท่องเที่ยวต้องดู
ภาพรวมของประเทศ อย่าพิจารณาตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแค่คนเข้ามาภูเก็ต เพราะภูเก็ตหรือไม่ใช่ประเทศไทย ภูเก็ตเป็นส่วนหนึ่งของไทยเท่านั้น รายได้จากการท่องเที่ยวไทยจึงต้องดูรายได้โดยรวมทั้งประเทศ และที่สำคัญคือรายได้ที่เฉลี่ยไปทุกภาคส่วนไม่ใช่รายได้ที่กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เขากล่าว
ตราบใดที่การเมืองของประเทศไทยยังไม่เสถียรอันเนื่องจากสมดุลในเรื่องอำนาจอธิปไตยแห่งชาติ “ไม่ลงตัว” “ความไม่ลงตัว” ในอำนาจอธิปไตยแห่งชาตินั้นเองที่ทำให้สงครามกลางเมือง “ไม่จบ” เมื่อไม่จบ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติรวมทั้งเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจชาติให้มีสภาพแบบ “ผีเข้าผีออก” เช่นเดียวกับสังคมตามไปด้วย และเมื่อแรงกระเพื่อมทางการเมือง ส่งผลต่อการประกอบการของผู้ประกอบการ ดังนั้นการ “ลดราคา” เพื่อ “ตัดราคา” จึงเกิดขึ้น เพื่อ “หนีตาย” การโปรโมชันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช การลดราคาตัดราคากันกระหน่ำ แม้จะทำให้มีคนเที่ยวเพิ่มมากขึ้นก็จริง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า “รายได้” อันงดงามของอุตสาหกรรมไร้ควันชนิดนี้ จะ “เพิ่มขึ้น” ตามปริมาณคนที่เข้ามา และถึงแม้ว่าใครจะเอาคนต่างชาติหรือคนไทยที่ดูน่าเชื่อถือมาพูดหรือเอาตัวเลขมาโชว์ให้ “ดูดี” อย่างไร ก็แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของชาติไม่ได้ ตราบใดที่ปัญหาทางการเมืองยังไม่ได้รับการแก้ไข