posttoday

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

17 กันยายน 2559

การเที่ยวแบบ “ลาสต์ มินิต” หรือจองนาทีสุดท้าย กลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง อันเนื่องมากจากถูกจริตกับ

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

การเที่ยวแบบ “ลาสต์ มินิต” หรือจองนาทีสุดท้าย กลายเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง อันเนื่องมากจากถูกจริตกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการอะไรรวดเร็ว ตัดสินใจเดี๋ยวนั้นก็พร้อมเดินทาง
ทันที และที่สำคัญราคาถูกกว่าแพ็กเกจทัวร์ปกติซึ่งจากการสำรวจคนรุ่นใหม่เจเนอเรชั่นวาย เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เทคโนโลยีมีส่วนต่อการใช้ชีวิตที่รวดเร็วขึ้น

อีกส่วนที่ทำให้การเที่ยวแบบลาสต์ มินิตได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง ประกอบกับภัยก่อการร้ายและโรคระบาด ได้ทำให้นักท่องเที่ยวมีความกังวลที่จะไปเที่ยวในประเทศที่มีความเสี่ยง ทำให้การแข่งขันของบริษัทท่องเที่ยวหรือทัวร์ต่างประเทศรุนแรงขึ้น โดยต้องออกแคมเปญล่อใจด้วยราคาแพ็กเกจที่ถูกลง หรือที่เรียกกันว่าโปรไฟไหม้นั่นเอง

เว็บไซต์ gurutravel.net ระบุว่า โปรไฟไหม้ คือ โปรโมชั่นที่เร่งด่วน มาเร็วก่อนเดินทางไม่กี่วัน (ไม่เกิน 2-3 วัน) ลุกลามเร็ว เห็นปุ๊บต้องจองเลย (ถ้าช้าจะอด ถูกคนอื่นแย่ง เพราะมีราคาถูกกว่าปกติ และมีจำนวนที่ว่างไม่มากนัก) รีบจัดกระเป๋าเพื่อไปขึ้นเครื่อง

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

 

โปรไฟไหม้เกิดจากการที่บริษัททัวร์/เอเยนซี ที่มีการจองซื้อที่นั่งบนเครื่องบินไว้แล้วและซื้อจำนวนมากหลายที่นั่ง แต่เมื่อมีผู้ที่ต้องการเดินทางน้อยกว่าที่จองไว้ จึงต้องยอมที่จะลดราคามา เพื่อกระตุ้นและดึงดูดให้คนเดินทางไปท่องเที่ยวเพราะเห็นว่ามีราคาถูก ดังนั้นการยอมขาดทุนย่อมดีกว่าการที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าโปรไฟไหม้ ซึ่งคือการดึงดูดนักท่องเที่ยวยั่วยวนใจด้วยราคาที่ถูกก่อนที่จะบิน เพื่อให้ขาดทุนน้อยลง

ขณะที่เว็บ gurutravel.net ได้ให้คำจำกัดความคำว่า “โปรไฟไหม้” คือ โปรโมชั่นสินค้าและบริการต่างๆ ที่มีราคาถูก เช่น ตั๋วเครื่องบินโรงแรม สินค้าและบริการต่างๆ ที่เห็นแล้วต้องรีบจอง คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวออนไลน์ (โอทีเอ)ที่นำเสนอราคาห้องพักให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจซื้อได้ตลอดเวลา มีโรงแรมให้เลือกมาก ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่ามีทางเลือกและบางครั้งคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบเลือกเพราะอาจได้รับโปรโมชั่นดีๆ กรณีจองซื้อแบบลาสต์ มินิต บางโรงแรมอาจลด 10-70% เพื่อเพิ่มอัตราเข้าพัก ยิ่งห้องพักเหลือมากยิ่งลดราคามาก และยังมีเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นโอทีเอบางราย ตั้งขึ้นมารองรับการปล่อยจองห้องพักแบบลาสต์ มินิต โดยเฉพาะ

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

 

กฤชณัฐ มีสำราญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สไมล์ลิ่ง กรุ๊ป บริษัทนำเที่ยวที่ทำตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศ ระบุว่า คนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศในปัจจุบัน หากเป็นการไปเที่ยวครั้งแรกจะไม่ค่อยสนใจเรื่องฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว แต่คำนึงถึงเรื่องราคาเป็นหลัก โดยเริ่มมีกลุ่มผู้บริโภคที่รอจังหวะซื้อแพ็กเกจทัวร์ประเภทนาทีสุดท้าย (ลาสต์ มินิต) คือก่อนเดินทางแค่ 3-7 วันมากขึ้น กลุ่มนี้พร้อมเก็บกระเป๋าจองไปเที่ยวทันทีที่บริษัทนำเที่ยวนำแพ็กเกจที่ยังว่างอยู่ไปนำเสนอราคาพิเศษผ่านสังคมออนไลน์

สำหรับเส้นทางที่บริษัทนำเที่ยวนำจำนวนที่ว่างที่เหลือมาปล่อยลาสต์ มินิต จะเป็นเส้นทางในเอเชียที่ไม่ต้องขอวีซ่า อย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับสายการบินที่บริษัทนำเที่ยวนั้นติดต่อด้วยว่ายอมให้ปล่อยจำหน่ายลาสต์ มินิต ได้ก่อนล่วงหน้าเดินทางกี่วัน ซึ่งเส้นทางที่นิยมก็คือ ญี่ปุ่น ช่วงลาสต์ มินิต อาจเหลือแค่ 2 หมื่นบาท เกาหลี ไม่ถึง 1 หมื่นบาท เป็นต้น แต่แพ็กเกจแบบลาสต์ มินิตนั้นก็มีจำนวนจำกัดแค่ 2-3 ที่นั่งเท่านั้น

ส่วนประเทศที่กำลังมาแรงสำหรับการจัดโปรลาสต์ มินิต ในขณะนี้คือ ไต้หวัน ซึ่งกฤชณัฐ ประเมินว่า หลังจากนี้บริษัทนำเที่ยวคงแข่งขันทำราคาทัวร์ไต้หวันมากขึ้น เมื่อไปเที่ยวไต้หวันง่ายขึ้นไม่ต้องขอตรวจลงตรา (วีซ่า) จะทำให้เกิดกลุ่มความต้องการเที่ยวแบบนาทีสุดท้ายเพิ่มขึ้น จากเดิมการไปเที่ยวไต้หวันต้องจองล่วงหน้านาน เพราะเสียเวลาในขั้นตอนการทำวีซ่าด้วย

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโปรไฟไหม้ หรือเที่ยวแบบลาสต์ มินิต จะมีราคาที่เย้ายวนใจไปแล้วสุดคุ้ม แต่ก็ต้องระมัดระวังในการจองทัวร์ประเภทนี้ เพราะส่วนใหญ่ต้องจองกันแบบรีบด่วนผ่านทางออนไลน์ จึงต้องมั่นใจว่าบริษัทที่เปิดจองเป็นบริษัททัวร์จริงๆ ไม่ได้แอบอ้างมาหลอกเงิน ที่สำคัญคือ ต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และควรต้องเป็นบริษัทที่พอจะเชื่อถือได้

นอกจากนี้ การไปทริปแนวนี้อาจจะต้องทำใจกับการเสนอขายสินค้า หรือบริการตลอดทริป ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นการหารายได้เสริมของไกด์หรือบริษัททัวร์หลังจากที่ต้องเฉือนเนื้อขายแพ็กเกจในราคาถูกๆ ไปแล้ว ถ้าทำใจได้ หรือใจแข็งพอ ก็ขอให้เที่ยวให้มีความสุขกับการเที่ยวแบบลาสต์ มินิต      

เรื่องจริงจากนักจ้องเที่ยวเงินพร้อม ใจพร้อมไปทัวร์ด้วยกัน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการเดินทาง แต่ไม่ใช่สายอินดี้ที่ต้องการลากกระเป๋าแบ็กแพ็กไปเอง และไม่รังเกียจที่จะมีเพื่อนร่วมทางเป็นกรุ๊ปทัวร์  ก็คงได้ใช้บริการของ “ทัวร์ไฟไหม้” มาบ้าง

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

 

“ทัวร์ไฟไหม้” คือทัวร์ปกติทั่วไป เพียงแต่มีเงื่อนไขเรื่องเวลาการเดินทางเข้ามาบีบคั้นอาจต้องเดินทางภายใน 2-3 วัน หลังจากตกลงปลงใจจ่ายเงินซื้อตั๋ว แต่ก็ได้สิ่งตอบแทนเป็นราคาค่าเดินทางที่ถูกแสนถูก บางโปรแกรมบวกลบคูณหารค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเที่ยวเสร็จสรรพ ยังถูกกว่าการตีตั๋วเครื่องบินไปเองเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าทัวร์ไฟไหม้คือคำตอบของคนรักการเดินทางยุคนี้หรือไม่ลองไปฟังประสบการณ์ตรงของนักจ้องเดินทางไปกับทัวร์ไฟไหม้ดูก่อนตอบคำถามนี้

เริ่มจาก เอ (นามสมมติ) พนักงานบริษัทที่เดินทางไปกับทัวร์ไฟไหม้เป็นครั้งแรก จุดหมายปลายทางคือ โซล และเจจู เกาหลีใต้ จองล่วงหน้าก่อนเดินทางเพียง 1 วัน เธอบอกเล่าถึงประสบการณ์เดินทางในครั้งนี้ว่า ชาวคณะต้องไปถึงที่นัดหมายที่สนามบินตามเวลาที่กำหนด เพื่อรับตั๋วและเช็กอิน และได้เห็นหน้าค่าตากับหัวหน้าทัวร์ จากนั้นชาวคณะจะแยกย้ายไปเจอกันอีกทีที่สนามบินอินชอน

“กระบวนทั้งหมดตรงนี้เหมือนกับทัวร์ทั่วไป ไกด์จะรอรวมพลเมื่อไปถึงสนามบินปลายทาง เพื่อนัดแนะจุดนัดหมายหลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ขั้นตอนนี้ไกด์จะแนะนำว่า ใครที่คิดจะหนีจะมาเป็นโรบินฮู้ด ขอให้แจ้งไกด์ไว้ จะไปไม่ว่า แต่บอกกันนิดนึง เทคนิคที่ไกด์จะให้คือ ข่มความกลัว ปิดพิรุธของตัวเองให้มิด เพราะ ตม.เกาหลีเก่งมาก เรียนด้านจิตวิทยามาโดยตรง โชคดีที่คณะของเราผ่าน ตม.กันมาได้ทุกคน จะมีบางคนที่ถูกตั้งคำถามบ้าง แต่ปรากฏว่าขณะที่ทุกคนกำลังทำธุระส่วนตัว มีสมาชิกคู่หนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่เกือบจะถูก ตม.กักตัวไว้ขอปลีกตัวจากทริป โดยอ้างว่ามาหาญาติ ระหว่างทุกคนกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไกด์รู้แล้วว่าคู่นี้ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยว แต่อาศัยกรุ๊ปทัวร์บังหน้าในการตบตา ตม. ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนที่ซื้อทัวร์มาเกาหลีแล้วหนีมาทำงาน”

ทัวร์ไฟไหม้ ลาสต์ มินิต โปรยั่วใจ เร่งรีบแต่ต้องระวัง

 

จากเรื่องดราม่าของการหนีทัวร์ของชาวคณะนี้เอง เป็นที่มาให้บางกรุ๊ปทัวร์ต้องให้วางมัดจำ 1 หมื่นบาทก่อนเดินทาง พอเที่ยวเสร็จแล้วจะคืนให้ อีกสิ่งหนึ่งที่คนมาทัวร์ไฟไหม้ต้องเจอ คือ คำพูดที่ไม่ค่อยน่าฟังของไกด์

แม้ทัวร์จะดำเนินตามโปรแกรมทัวร์ครบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ไกด์จะกล่อมประสาทเราอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าท่านจะมาด้วยราคาทัวร์เท่าไหร่ คือ ราคาทัวร์ที่จ่ายมานั้นไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง แต่ที่ทัวร์ดำเนินไปได้เพราะได้รับการสนับสนุนจากร้านค้าต่างๆ ที่ทัวร์จะแวะตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านน้ำมันสน ร้านโสม ศูนย์เครื่องสำอาง เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนอย่าได้รำคาญความพยายามขายสินค้าของพวกเขา เพราะพวกเขาคือเจ้าของเงินที่อุดหนุนการเดินทางของท่านในครั้งนี้

“ความน่าเบื่อของการมาทัวร์ ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเป็นทัวร์ไฟไหม้คือ การแวะร้านค้า สำหรับขาช็อปอาจจะไม่อึดอัด แต่สำหรับขาเที่ยวอาจจะเอือม เพราะไกด์จะให้เวลาในร้านค้าเหล่านี้มากกว่าร้านท่องเที่ยว จะนานเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ถ้าลงที่ท่องเที่ยว 40 นาที ต้องกลับมาเจอกันที่รถ นอกจากนี้ยังไม่รวมบริการเสนอขายของบนรถของไกด์ โดยใช้จิตวิทยาการขายที่เล่นกับความรู้สึกของคน ประมาณว่าลูกทัวร์กรุ๊ปเล็ก ลำพังค่าทริปที่บังคับเก็บตามในโปรแกรมที่แจ้งไว้แต่ต้น แค่จ่ายให้ไกด์เกาหลีที่ต้องติดรถมาด้วยเพื่อให้ทัวร์นี้ถูกกฎหมายกับคนขับก็หมดแล้ว ไกด์แทบไม่เหลืออะไร แถมบางครั้งต้องควักเนื้อ ถ้าฟังแบบเคลิ้มๆ ไม่รู้เท่าทันอาจต้องตกเป็นเหยื่อ เพราะฉะนั้นการควักเงินซื้อของที่ไกด์มาขายนี้จึงเป็นไปตามวิจารณญาณของแต่ละคน”

ขณะที่ บี พนักงานบริษัทที่เป็นขาประจำของทัวร์ไฟไหม้ ไปมาแล้วถึง 4 ครั้ง ฮ่องกง1 ครั้ง เกาหลี 3 ครั้ง เธอบอกว่ารู้จักทัวร์ไฟไหม้จากเว็บไซต์พันทิป จึงตัดสินใจแอดไลน์เพื่อรอจ้องเที่ยวในโปรแกรมที่ราคาโดนใจ

“เวลาจะเลือกทัวร์ไฟไหม้ จะเน้นศึกษาข้อมูลจากในพันทิปว่าบริษัททัวร์ไหนดีไม่ดี เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ ส่วนใหญ่จะเลือกบินประเทศในเอเชียเพราะหยุดงานได้จำกัด ถามว่าทำไมต้องมากับทัวร์ไฟไหม้ เหตุผลเดียวคือ ราคาดี เพราะถ้าจะให้ไปเที่ยวเองก็ไปได้ และประเทศที่เลือกไปส่วนใหญ่ก็เคยไปแล้ว แต่ที่ไปเพราะมองว่าอยากไปเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่ได้อยากไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ”

สิ่งที่ต้องทำใจกับการไปทัวร์ไฟไหม้ ซึ่งเธอให้คำจำกัดความว่า หมายถึง ทัวร์ทั่วไปแต่แค่ตัดสินใจจองตอนใกล้วันเดินทาง แต่โปรแกรมทุกอย่างเหมือนกับคนที่จองราคาเต็มคือ วันหนึ่งต้องเข้าร้านค้าประมาณ 3 ร้าน เวลาอยู่บนรถแทนที่จะได้ฟังเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยว จะต้องฟังกับวาทศิลป์ของไกด์จะเล่นกับอารมณ์ความกลัวของเรา เพื่อให้เราอยากซื้อสินค้า ทางที่ดีคือ ให้ฟังเพลินๆ ไป เพื่อความปลอดภัยอย่าแสดงอาการเบื่อหน่ายหรือทำเหมือนรู้ทุกอย่างเพราะเคยมาแล้ว

“เวลาพาไปลงร้านค้าให้ทำตัวกลมกลืน เข้าทุกร้าน แต่พอช่วงที่ร้านค้าพรีเซนต์เสร็จอาจจะหลบออกมาถ่ายรูปเล่น หรือถ้าสังเกตพฤติกรรมของเพื่อนร่วมทริปว่าไม่สนใจสินค้า แทนที่จะให้ไกด์ดึงเวลา ก็ชวนกันขึ้นรถ เพื่อไปที่เที่ยวต่อไป จะได้มีเวลามากๆ”

อีกเรื่องที่ต้องเจอคือ เมื่อถึงวันเดินทางกลับสตาฟฟ์ชาวเกาหลีที่ติดสอยห้อยตาม ทำหน้าที่เหมือนเด็กรถมาตั้งแต่วันแรก จะนำรูปภาพที่ถ่ายชาวคณะ ทั้งภาพเดี่ยว ภาพหมู่ ตลอดการเดินทางมาเสนอขายเพื่อเป็นที่ระลึก สำหรับท่านที่ไม่คิดมาก จะช่วยอุดหนุนถือว่าเป็นน้ำใจก็ไม่มีปัญหา แต่บอกก่อนว่าราคาโหดไม่เบา คิดรูปละ 150 บาท จากประสบการณ์ตรงของบี เธอจะใจแข็งซื้อแค่ 1 รูป และบอกปัดว่าไม่ชอบรูปที่ถ่ายมา เพราะเธอมองว่ารูปที่ถ่ายมาก็เป็นมุมเดียวกับที่เธอมีในกล้องส่วนตัว

ที่สำคัญภาพที่ได้ก็ไม่ได้สวยจนต้องควักเงินซื้อ สำหรับใครที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ แนะนำให้ใจแข็ง เพราะสตาฟฟ์หรือไกด์เมื่อเห็นว่าเราปฏิเสธการซื้ออาจจะมีอาการหน้าตึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ต้องสนใจเพราะว่ากำลังจะเดินทางกลับแล้ว

“สำหรับคนที่คิดจะไปโปรไฟไหม้ ไม่เสียหายถ้าศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกทัวร์ที่ไว้ใจได้ ถามตัวเองให้ชัดเจนว่าเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้คืออะไร ถ้าอยากมาเจาะลึกสถานที่ท่องเที่ยวการมาทัวร์ไม่ว่าจะทัวร์ทั่วไปหรือทัวร์ไฟไหม้อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ มีกรุ๊ปคอยดูแลเรื่องการเดินทางที่กิน ที่พัก เข้าร้านขายของบ้าง การไปทัวร์ไฟไหม้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาถูกกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเองมาก เพราะต่อให้จองล่วงหน้าเป็นปีก็ไม่ได้ราคาดีขนาดนี้แต่ที่บริษัททัวร์เหล่านี้ทำได้ เพราะเมื่อจัดทัวร์ขึ้นมาแล้ว ตั๋วเหลือก็ต้องยอมหั่นราคาเพื่อขายให้หมด แต่บริการและโปรแกรมท่องเที่ยวทุกอย่างยังเหมือนการไปทัวร์ทั่วไป เพราะอย่าลืมว่าในคณะที่ไปมีทั้งคนที่จ่ายราคาเต็มและราคาทัวร์ไฟไหม้” เธอกล่าวทิ้งท้าย