posttoday

ช้างศึกหลังพิงฝา "สิโรจน์" ประเดิมตัวจริง

11 ตุลาคม 2559

“ซิโก้” เตรียมเปลี่ยนหมาก ส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง ออกสตาร์ตพบ อิรัก หากแพ้โอกาสไปฟุตบอลโลกแทบจะฝันสลาย

โดย...ชมณัฐ

อิรัก - ไทย

สนาม ปาส สเตเดี้ยม (อิหร่าน)

วันที่ 11 ต.ค. เวลา 19.30 น.

ทีมชาติไทยแพ้มาแล้ว 3 เกมรวด ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย รั้งอันดับบ๊วยกลุ่มบี เตรียมลงสนามปะทะคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อที่สุดในสายอย่างอิรักที่ยังไม่มีแต้มเช่นกัน โดยเกมนี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ เล็งเปลี่ยนแผนการเล่น และส่งนักเตะหน้าใหม่ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก หลังโดนวิจารณ์ว่ายึดแต่ผู้เล่นเดิมแม้จะโชว์ฟอร์มได้ไม่ดี

“เกมนี้เรามองว่าอาจจะให้โอกาสผู้เล่นที่ลงมาเป็นตัวสำรองและทำผลงานได้ดีในเกมที่แล้วอย่าง สิโรจน์ ฉัตรทอง หรือ ธนา ชะนะบุตร ได้ลงสนาม ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่พวกเขาควรได้รับ ส่วนผู้เล่นคนอื่นสมบูรณ์พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ธนบูรณ์ เกษารัตน์ หรือ ประทุม ชูทอง ที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้” ซิโก้ กล่าว

สำหรับ 11 คนแรก ที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ แบ็กซ้าย ธีราทร บุญมาทัน แบ็กขวา ทริสตอง โด คู่เซ็นเตอร์ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ กรวิทย์ นามวิเศษ กองกลาง ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์ ปีกซ้าย สิโรจน์ ฉัตรทอง จะได้ลงแทน เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ส่วนปีกขวายังใช้บริการ มงคล ทศไกร ที่ทำ 2 ประตูใส่อิรักจาก 2 นัดที่พบกันในรอบที่แล้ว และศูนย์หน้าตัวเป้า ธีรศิลป์ แดงดา

“ผมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ขึ้นอยู่กับแผนของโค้ช ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง หากได้ลงสนามก็จะทำเต็มที่ กับอิรักผมมองว่าเราสู้ได้ ไม่ใช่แค่หนึ่งแต้ม แต่มองว่าเราน่าจะได้ถึงสามแต้มด้วยซ้ำไป จากฟอร์มการเล่นผมมองว่าเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่น ส่วนอีกสองนัดเราสู้ได้ เพียงแต่ว่าต้องละเอียดมากกว่านี้”สิโรจน์ เผย

ส่วน “เจ้าแมน” ธนา ชะนะบุตร วัย 31 ปี แม้จะยิงประตูได้ในเกมที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าอาจจะถูกส่งลงสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับคู่แข่งช่วงท้ายเกมตามเดิม ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่า

อย่างไรก็ตาม เกมนี้นับว่ามีความหมายอย่างยิ่งหากหวังที่จะอยู่ในเส้นทางลุ้นเข้ารอบต่อ ดังนั้นเพียงผลเสมอคงไม่เพียงพอ ยิ่งหากพลาดท่าแพ้ด้วยแล้วแทบจะฝันสลายทันที โดยกุนซือวัย 43 ปี ประกาศในงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกมว่าต้องชนะเท่านั้น

“เกมนี้มีความหมาย เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชนะเท่านั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีทีมใดผ่านเข้ารอบดังนั้นไทยยังคงมีหวัง ซึ่งเกมกับอิรักสำคัญมาก หากเก็บแต้มได้ก็จะทำให้มีกำลังใจในการสู้ต่อไป ที่สำคัญเรายังมีเกมในบ้านอยู่ในมืออีกถึง 4 นัดด้วยกัน ซึ่งช่วงหลังเรากับอิรักเจอกันบ่อยและเราก็ทำผลงานได้ดี ดังนั้นต้องมีสมาธิและจบสกอร์ให้เฉียบคม”ซิโก้ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กุนซือช้างศึกยืนยันว่า ต้องไม่ประมาท เพราะอิรักเป็นทีมที่แข็งแกร่ง แม้ในยุคนี้จะไม่มี ยูนิส มะห์มูด แต่นักเตะที่ขึ้นมาใหม่ก็ไม่ได้ด้อยกว่า ศักยภาพดีขึ้นด้วยซ้ำไป เขาใช้ผู้เล่นชุดใหญ่ผสมกับทีมชุดโอลิมปิก ที่ได้ไปเล่นรอบสุดท้ายที่บราซิล 2016 ซึ่งสามารถเสมอกับบราซิลได้ ศักยภาพนั้นแข็งแกร่งขึ้น ทีมไทยต้องมีความกระหาย เล่นเพื่อแฟน เพื่อความศรัทธา เพื่อทีมชาติของทุกคน ต้องเก็บแต้มให้ได้

ด้าน ราดี ซวาดี กุนซืออิรัก ที่แพ้มา 3 เกมติดเช่นกัน กล่าวว่า สถานการณ์ของทีมค่อนข้างกดดัน แม้จะได้สิทธิเป็นเจ้าบ้านแต่ไม่ได้เปรียบเพราะต้องเล่นสนามกลาง แต่ทีมยังหวังถึงชัยชนะเพื่อลุ้นเข้ารอบ โดยเกมนี้จะไม่มี จัสติน เมรอม กองหน้าจากโคลัมบัส ครูว์ ในเมเจอร์ลีก สหรัฐ เนื่องจากบาดเจ็บ แต่ยังมี อาลี อัดนาน ปีกซ้ายจากอูดิเนเซ ในกัลโช เซเรียอา อิตาลี, อาเหม็ด ยาสซีน กานี และ อลา อับดุลเซห์รา นำทีม

สำหรับสถิติที่พบกันทั้งหมด 15 นัด อิรัก ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 5 โดยล่าสุดที่พบกันในรอบ 2 ของรายการนี้ “ช้างศึก” ยันเสมอได้ด้วยสกอร์ 2-2 ทั้งเกมเหย้าและเยือน โดยนัดแรกได้ประตูจาก ธีราทร (จุดโทษ) และ มงคล ส่วนนัดสองได้จาก มงคล และ อดิศักดิ์ ไกรษร

ความน่าจะเป็น : ทีมชาติไทยมีลุ้นแบ่งแต้มสูง เพราะผลงานที่ปะทะกันมาบ่งชี้ว่าสามารถต่อกรได้อย่างไม่เป็นรอง ขึ้นอยู่กับว่าจะมีทีเด็ดทีขาดฉวยโอกาสจบสกอร์เป็นประตูชัยได้หรือไม่

ภาพ - FA Thailand