posttoday

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

06 พฤศจิกายน 2559

โลกนี้ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าคุณจะมีความพร้อมหรือว่าเตรียมตัวมาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม

โดย...อณุสรา  ทองอุไร

โลกนี้ไม่มีอะไร 100 เปอร์เซ็นต์ทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าคุณจะมีความพร้อมหรือว่าเตรียมตัวมาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีสิทธิพลาดได้เสมอ เพราะคำว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะระมัดระวังมาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ ฮิม-ฐานพล มานะวุฒิเวช ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริหารความสุขลูกค้า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ชายหนุ่มวัย 40 ปี ที่หลงใหลการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ

เขาเล่าย้อนอดีตให้ฟังว่า หลังจากจบมัธยมต้นที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล คุณพ่อคุณแม่ก็ส่งเขาไปเรียนไฮสกูลที่ประเทศสหรัฐจนจบปริญญาตรี และที่นั่นจะมีเวลาเหลือช่วงบ่ายๆ ซึ่งเขาจะส่งเสริมให้เด็กๆ ทุกคนให้เล่นกีฬาอย่างน้อยคนละ 1 ชนิด เด็กอเมริกันส่วนใหญ่จะเล่นกีฬามากกว่า 1 อย่างเสมอ นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มเล่นกีฬาอย่างจริงจังตั้งแต่วัยรุ่นยันเป็นหนุ่มฉกรรจ์

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

ฐานพล บอกว่า เขาเล่นกีฬาเกือบทุกชนิด เล่นแบบจริงจังตั้งแต่ฟุตบอล เทนนิส จักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ กอล์ฟ และล่าสุดคือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ผมเริ่มมาเล่นไตรกีฬาแบบจริงจังมาก มีโค้ชมาสอนมาฝึกให้เลย มีตารางการเล่นแน่นอน ฝึกกัน 5-6 วัน/สัปดาห์ ผมมุ่งมั่นมากอยากทำให้ดีที่สุดในทุกๆ รายการ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นกีฬาที่ท้าทายที่สุด ซึ่งตลอด 2 ปี ของการเล่นก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เขาเคยลงแข่งมาแล้ว 2-3 ครั้ง ก็ผ่านไปด้วยดีไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้นเลยเพราะซ้อมมาอย่างดี

จนกระทั่งเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา เขาไปแข่งงานใหญ่แห่งหนึ่ง ร่างกายพร้อมมาก อุปกรณ์ก็คิดว่าพร้อม แต่ 3 วันก่อนไปแข่ง เขาเอารถจักรยานคู่ชีพไปปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะ โดยการไปปรับแฮนด์จับให้สูงขึ้นมาอีกนิดเพื่อให้สะดวกในการขับขี่ ตอนเอาไปซ้อมก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งวันแข่ง เขาไปแข่งที่อู่ตะเภา สัตหีบ เริ่มด้วยการว่ายน้ำ แล้วก็มาปั่นจักรยาน ตอนว่ายน้ำขึ้นมาเสร็จ ก็เตรียมปั่นจักรยาน พอปั่นไปได้แป๊บเดียวเริ่มมีเสียงแก๊กๆ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าคงเป็นเสียงจากกระติกน้ำมันสั่นมั้งไม่คิดอะไรเลย ก็ปั่นต่อ แถมยังเพิ่มความเร็วไปประมาณ 46 กิโลเมตร/ชั่วโมง กำลังเร่งสปีดมาเต็มที่

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

“ขณะที่เพิ่มความเร็วมาเรื่อยๆ อยู่ๆ แฮนด์ก็หลุดติดมือออกมาเลย ความเร็วระดับ 46 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น ผมเซหงายหลัง รถจักรยานล้มแล้วก็หมุนกลิ้งๆ มันเร็วมากจนผมทำอะไรไม่ถูก ใจงี้หายวูบเลยนะ ตกใจมาก ถุงเท้า เสื้อขาด แขน หลัง ถลอกเขียวเป็นจ้ำๆ เซฟตี้วันนั้นมีแค่หมวกอย่างเดียว โชคดีมากที่ไม่มีรถตามมา และโชคดีที่สุดที่ไหปลาร้าไม่หัก ฟันหน้าไม่บิ่นหรือหัก อาจจะเป็นเพราะผมเล่นกีฬามาเยอะ ร่างกายจึงมีความยืดหยุ่นดี มีปฏิกิริยาตอบรับว่องไว ตอนที่กลิ้งล้มผมก็พยายามจะม้วนตัวแบบเก็บคองอเข่า เพื่อให้ร่างกายกระแทกให้น้อยที่สุด วันนั้นก็มีแขนและหลังที่ช้ำเป็นปื้นแดงเถือก เจ็บระบมไปทั้งตัวอยู่เป็นเดือนสองเดือน แต่ไม่มีอะไรแตกหรือหัก ต่อไปน่าจะมีการสอนนะว่าเมื่อจักรยานล้มด้วยความเร็วสูงควรจะต้องล้มยังไง (หัวเราะ) มันเป็นเหตุการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย” เขาเล่าถึงวินาทีที่เกิดเหตุให้ฟังด้วยน้ำเสียงระทึกใจ

หลังจากรถจักรยานล้ม การแข่งขันของเขาก็หยุดลงแค่นั้น ออกจากเกมส์ไปเลย ไม่ได้แข่งต่อ มีรถพยาบาลมารับไปปฐมพยาบาลเล็กน้อย แต่ไม่ต้องไปโรงพยาบาลนะ เขาก็อยู่ดูเพื่อนแข่งต่อจนจบ กลับไปบ้านก็นอนพัก 2-3 วัน ก็ไปทำงานต่อ ยังมีเจ็บระบมอยู่เกือบเดือนกว่าจะเข้าที่

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

พอพักฟื้นได้สัก 2-3 วัน เขาก็ออกมาซ้อมต่อ เพราะกำลังจะไปลงอีกการแข่งขันหนึ่งที่ประเทศเวียดนาม เขาก็ซ้อมว่ายน้ำ 1.9 กิโลเมตร ปั่นจักรยาน 90 กิโลเมตร วิ่งต่ออีก 21 กิโลเมตร เพื่อจะไปแข่งที่เวียดนามเป็นไตรกีฬาระยะ ฮาฟไอออนแมน

จากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น ลึกๆ เขาก็ขยาดมาก กลัวนะ พอขึ้นขี่จักรยานคันเดิมจะรู้สึกหลอนๆ กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย การลงแข่งจะเช็กรถบ่อยมาก เช็กรถมาอย่างดี พอมีรถจักรยานคันอื่นมาข้างๆ จะรู้สึกหวาดระแวง

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

“ตอนไปปั่นซ้อมที่สกายเลนที่สุวรรณภูมิ 90 กิโลเมตร ผมจะตั้งใจฟังเวลามีเสียงอะไรผิดปกติ จะหยุดหาเลยว่าเสียงอะไรดังมาจากไหน ไม่ปล่อยผ่านไปอีก ระวังตัวหนักขึ้น เพราะมันยังหลอนๆ อยู่ ที่คิดว่าพร้อมแล้วก็ต้องเตรียมให้พร้อมยิ่งกว่า ต้องมีสติ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะระวังหรือเตรียมพร้อมมากเพียงใดก็ตาม ยังไม่กล้าใช้รถคันเดิม ผมสั่งซื้อคันใหม่ทันที แต่คันเก่าก็ไม่ทิ้งนะ เสียดาย มันแพง ก็จะเอามาปรับใช้ต่อไป ก็พยายามจะเตรียมให้พร้อมที่สุดทั้งร่างกายและอุปกรณ์ ปิดทางพลาดให้เหลือน้อยที่สุด ปกติเวลามีข่าวอุบัติเหตุของการแข่งไตรกีฬา มันจะไปเกิดตอนว่ายน้ำที่เป็นตะคริว หมดแรงจมน้ำ หรือไปเจอแมงกะพรุนไฟจนแพ้คันคะเยอ กันมากกว่า แต่ไม่ค่อยมี ขณะเกิดตอนขี่จักรยานแบบผมนี้ถือว่าน้อยมาก”

ตอนนี้เขาก็เตรียมพร้อมตั้งรับเสมอ ที่ผ่านไปแล้วก็แล้วไป อย่าไปคิดลบ พยายามมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเหลืออยู่ การที่เรายังไม่เป็นอะไรมาก ไม่มีเลือดตก แตกหัก ต้องผ่าต้องเย็บ อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ จะทำไงได้ อะไรที่จะสุ่มเสี่ยงว่าทำให้เกิดปัญหา ก็รีบหาทางแก้ไขให้ดีที่สุด นั่นคือบทเรียนที่เขาได้จากอุบัติเหตุในครั้งนี้

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

แต่ความประทับใจอีกอย่างที่ได้รับจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็คือ ความมีน้ำใจของเพื่อนๆ ที่มาแข่งด้วยกัน น้ำใจแม้เป็นเพียงเล็กๆ น้อยๆ มันก็คือความอุ่นใจที่ได้รับ มีความเหนียวแน่นในหมู่เพื่อนฝูงต่างชาติต่างภาษา เป็นเรื่องที่งดงามของการเล่นกีฬา

แม้ลึกๆ ก็จะมีหวั่นใจอยู่บ้าง แต่เขาก็มองโลกในแง่ดี ว่าทำให้ดีที่สุดหากอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป โดยปีหน้าเขาจะไปแข่งไตรกีฬาในงานไอออนแมน ที่อีกเมืองหนึ่งของเวียดนาม ซึ่งเขาจะไปกับเพื่อน 6-7 คน ซึ่งเป็นงานใหญ่กว่าของปีนี้ที่เพิ่งจัดไป

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

แม้จะเกิดอุบัติเหตุเจ็บเนื้อเจ็บตัวมาพอสมควร เรียกว่าจำฝังใจเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่เข็ดขยาด เพราะยังมองเห็นข้อดีของการออกกำลังกายว่ามีประโยชน์มากกว่า “ผมมั่นใจเลยว่าการที่ผมบาดเจ็บไม่มากนัก ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก และฟื้นตัวได้เร็ว ก็เพราะพื้นฐานนั้นร่างกายแข็งแรงอันเนื่องจากบ่มเพาะการออกกำลังกายไว้เยอะตั้งแต่สมัยวัยรุ่น แล้วตอนล้มก็มีทักษะดีถึงได้ม้วนตัว ไม่กลิ้งโค่โล่แบบไม่มีจังหวะไม่มีทิศทาง นี่คือผลจากการที่เราฝึกฝนร่างกายด้วยการออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็ก ถึงอย่างไรการออกกำลังกายมันก็มีประโยชน์มากกว่าการมีโทษมากมายนัก” เขากล่าวอย่างมั่นใจ

การเล่นไตรกีฬานั้น แท้จริงแล้วต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เรากำลังแข่งกับตัวเองไม่ได้แข่งกับคนอื่น มีสติมีสมาธิอยู่กับตัวเองให้มาก ทำเวลาให้ดีกว่าเดิมให้ได้ทุกครั้งโดยดูสถิติของตัวเอง มันจะทำให้การเล่นกีฬาแล้วมีความสุข กีฬาคือความสุขใจ ทำมันให้ดีที่สุด สิ่งที่ได้จากไตรกีฬาเป็นการฝึกความอดทน และภูมิต้านทานของร่างกายที่ดี เพราะผู้เข้าแข่งขันจะเจอสภาพกีฬาที่แตกต่างกัน อย่างว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง ซึ่งจะทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงขึ้น สำหรับนักกีฬาสายอื่นๆ ที่สนใจมาเล่นไตรกีฬา ก็จะช่วยเรื่องความแข็งแรงมวลรวมของร่างกายอีกด้วย

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

ในการวางแผนฝึกไตรกีฬา ควรจะถามตัวเราเองก่อนว่า ในหนึ่งปีเรามีเวลาให้กับการฝึกเท่าใด เช่น หากมีเวลารวมตลอดปีวันละ 1 ชั่วโมง เพราะมีภาระหน้าที่ต้องทำงานและภารกิจอื่นๆ ในแต่ละวัน เวลารวมทั้งปีจะมีประมาณ 365 ชั่วโมง

การแบ่งเวลาฝึกให้ได้สัดส่วนครอบคลุมความสำคัญต่างๆ ของการฝึกได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้วจะเกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเป็นการฝึกอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ นักกีฬาทุกคนต้องฝึกตามขั้น ขึ้นตามลำดับ จนถึงจุดสุดยอดของพีระมิด ไม่มีทางที่ก้าวข้ามขั้น ละเลยขั้นตอนที่ว่านี้ได้ คนที่ฝึกมานานจนร่างกายและจิตใจเข้าที่เข้าทางแล้วยังต้องเป็นไปตามขั้นตอนเหล่านี้ เพียงแต่ว่าในการฝึกบางขั้นบางช่วงใช้เวลาน้อยลง เนื่องจากมีทุนเดิมอยู่แล้ว

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

ฐานพล ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจลงแข่งไตรกีฬา สามารถพิจารณาเคล็ดลับ 5 ข้อ พิชิตไตรกีฬา คือ

1.พิจารณาระยะทาง กติกาการแข่งขัน และข้อมูลการแข่งขัน ว่าเราจะลงแบบเต็มไหวมั้ย หรือ ลองมาแข่งเพื่อหาประสบการณ์ แบบฮาฟมาราธอนดูก่อน จนเก่งคล่องแล้วค่อยลงแบบเต็มรูปแบบ แล้วประเมินว่า ตัวเรานั้นไหวหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

2.จัดตารางเวลาซ้อม 5-6 วัน ต้องมีการซ้อมที่หลากหลาย และที่สำคัญคือต้องมีเวลาพัก ซึ่งแต่ละคนควรจะมีโค้ช หรือเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่เหมาะกับร่างกายของตัวเอง เพราะการฝึกซ้อมที่ไม่เหมาะกับคนนั้นอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายและชีวิตได้

ฐานพล มานะวุฒิเวช โลกนี้ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์

 

3.พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน อย่าปล่อยให้ร่างกายเพลีย ถ้าร่างกายไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็อย่าฝืนร่างกาย รอให้ฟิตให้เต็มที่ก่อน

4.ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ จำพวกเนื้อสัตว์ หรือวิตามิน ทานให้ครบทุกหมู่จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง

5.Energy Gel สำคัญมากเช่นกันในวันลงแข่ง เพราะมีผลต่อกล้ามเนื้อ การเป็นตะคริวต่างๆ แต่ก็ควรระวังและเลือกทานยี่ห้อที่เหมาะสมกับตัวเอง