posttoday

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

04 ธันวาคม 2559

ยังจำได้เมื่อคราวยังเด็ก คุณครูจะพามาทัศนศึกษาเป็นครั้งแรกที่พระราชวังบางปะอิน ตอนนั้นทั้งรู้สึกตื่นเต้น

โดย...สืบสิน ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

ยังจำได้เมื่อคราวยังเด็ก คุณครูจะพามาทัศนศึกษาเป็นครั้งแรกที่พระราชวังบางปะอิน ตอนนั้นทั้งรู้สึกตื่นเต้นระคนความประทับใจเพราะเป็นพระราชวังสมัยโบราณที่ยังไม่ได้ถูกทำลาย

ตามประวัติแล้ว พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังบนเกาะกลางน้ำอันงดงามและกว้างขวาง ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนาน ย้อนไปถึงสมัยอยุธยาตอนกลาง และยังเป็นต้นแบบการปรับตัวให้เข้ากับยุคตะวันตกในรัชกาลที่ 5 ทั้งยังกลายเป็นแหล่งรวมปูชนียสถานสำคัญหลายแห่งตกทอดมาถึงปัจจุบันอีกด้วยนะครับ

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

ตามพงศาวดารยังเล่าว่า “พระเจ้าปราสาททองหรือพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่ 5” (พ.ศ. 2172-2199) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นบนเกาะบ้านเลนในลำแม่น้ำเจ้าพระยา อันเนื่องมาจากเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระเอกาทศรถ พระราชบิดาของพระเจ้าปราสาททองล่มลงแถวเกาะบางปะอิน ครั้งนั้นจึงทรงได้พบหญิงชาวบ้านซึ่งต่อมาทรงเป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

ครั้นใน พ.ศ. 2175 เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดที่เกาะบางปะอิน บริเวณบ้านเดิมของพระราชมารดา แล้วพระราชทานนามว่า วัดชุมพลนิกายาราม รวมทั้งขุดสระน้ำสร้างพระราชนิเวศขึ้นกลางเกาะ และสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งริมสระ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับเมื่อยามเสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาเสมอมา กระทั่งเสียกรุงครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2310 บริเวณนี้จึงรกร้างไป

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

กาลต่อมาในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทรงทำนุบำรุงและ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างอีกหลายแห่งขึ้นภายในบริเวณพระราชวังบางปะอิน โดยเฉพาะรัชกาลที่ 5 โปรดประทับที่นี่มาก ด้วยเป็นพระราชวังบนเกาะกลางน้ำอันสงบร่มเย็น และเคยเป็นที่ประทับเมื่อสมเด็จพระบรมราชชนกเสด็จประพาสบางปะอินมาก่อน ยังทรงใช้ที่นี่เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงรับรองอยู่เนืองๆ อีกด้วย

เนื่องจากบริเวณพระราชวังกว้างขวางมาก และแบ่งเป็น 2 เขตใหญ่ๆ คือ เขตพระราชฐานชั้นนอก ซึ่งใช้เป็นที่สำหรับออกมหาสมาคมและพระราชพิธีต่างๆ และยังมีเขตพระราชฐานชั้นในอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ สำหรับส่วนที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมได้ คือ เขตพระราชฐานชั้นนอกเท่านั้น

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

สิ่งที่ยังยืนยัดท้ากาลเวลามาจนถึงทุกวันนี้ ก็คือ หอเหมมณเฑียรเทวราช ปรางค์ศิลาจำลองแบบจากปรางค์ขอม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2423 เพื่อทรงอุทิศถวายแด่พระเจ้าปราสาททอง

นอกจากนี้ ยังมีพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างมหาปราสาทโถงทรงจตุรมุขกลางน้ำในสถาปัตยกรรมแบบไทยสร้างด้วยไม้ทั้งองค์ ถอดแบบมาจาก พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ และพระราชทานนามตามพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ภายในประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าพระองค์จริง ทรงเครื่องยศจอมพลทหารบก ซึ่งรัชกาลที่ 6 สร้างถวายและมีรับสั่งให้เปลี่ยนเป็นเสากับพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

สิ่งที่งดงามไม่แพ้กัน พระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระที่นั่งทรงวิหารกรีกแบบคอรินเธียรออร์เดอร์ ใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกขุนนางในงานพระราชพิธี เคยเป็นที่รับรองแขกเมืองหลายครั้ง เช่น พ.ศ. 2436 รับรองพระเจ้าซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย พ.ศ. 2436 รับรองเมอร์ซิเออร์ปาวีร์ ทูตฝรั่งเศส และ พ.ศ. 2452 รับรองดยุกและดัชเชสโยฮันเบรตแห่งเมืองบรันทวีทแห่งเยอรมนี ภายในตกแต่งภาพเขียนสีน้ำมันชุดพระราชพงศาวดารอิเหนา พระอภัยมณี สังข์ทอง จันทโครพ และรามเกียรติ์ ตลอดจนเก็บอาวุธโบราณ ตุ๊กตาหินสลัก และเครื่องราชบรรณการต่างๆ

ที่ผมชอบใจและรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นอีกอย่าง ก็คือ สภาคารราชประยูร อาคาร 2 ชั้น ริมน้ำตรงข้ามพระที่นั่งวโรภาษพิมาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้าและข้าราชบริพาร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นใน คือ สะพานจากพระที่นั่งวโรภาษพิมานและประตูทางเข้าพระราชฐาน นามว่า ประตูเทวราชครรไล โดยออกแบบให้มีฉากคล้ายบานเกล็ดกั้นกลาง เพื่อแยกทางเดินของฝ่ายหน้าและฝ่ายใน สำหรับบริเวณเขตพระราชฐานชั้นใน มีอาคารที่น่าดูชมหลายแห่ง ได้แก่

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร พระที่นั่งเรือนไม้สไตล์ชาเลต์สวิส ซึ่งมีเฉลียงทั้งสองชั้น ทาสีธรรมชาติงดงาม ด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อนแก่สลับกัน ตัดกับเครื่องเรือนไม้มะฮอกกานีจัดสลับลายทองทับจากยุโรป รอบด้านตกแต่งเครื่องราชบรรณาการจากหัวเมืองต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของหายากประจำเมืองทั้งสิ้น แต่ใน พ.ศ. 2481 เกิดอัคคีภัยขึ้นระหว่างการซ่อมแซม เป็นเหตุให้พระที่นั่งทั้งองค์สูญสิ้นไปกับเปลวเพลิง เหลือเพียงหอน้ำ ที่สร้างตามแบบหอรบของยุโรป ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามคำกราบบังคมทูลของสำนักพระราชวัง ให้สร้างพระที่นั่งคอนกรีตขึ้นแทนองค์เก่า

พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ สถานที่ประทับฤดูหนาวสร้างตามสถาปัตยกรรมจีน จึงมีชื่อเรียกง่ายๆ ว่าเก๋งจีน และมีชื่อเป็นภาษาจีนด้วยว่า เทียน (เวหา) เม่ง (จำรูญ) เต้ย (พระที่นั่ง) โดยพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ฟัก) สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีงานสถาปัตย์และงานประณีตศิลป์งดงามยิ่ง อาทิ ลายแกะสลักโถงหน้าปูพื้นกระเบื้องกังไส ซึ่งทุกแผ่นประดับภาพเขียนงานฝีมือ พร้อมเครื่องตกแต่งจากจีน เปิดให้เข้าชั้นล่างได้บางห้อง

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

นอกจากนี้ ยังมี เก๋งบุปผาประพาส ตำหนักเก๋งเล็กกลางสวนริมสระอันงดงาม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2424 และยังมีหอวิฑูรทัศนา ถ้าจะชมทิวทัศน์กว้างรอบด้าน ต้องขึ้นบันไดมาที่พระที่นั่ง 3 ชั้น มีลักษณะเป็นหอสูงยอดมนที่ตั้งอยู่บนเกาะน้อย ระหว่างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรและพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นหอส่องกล้องชมทิวทัศน์

และยังมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ หรืออนุสาวรีย์พระนางเรือล่ม รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักและบรรจุพระสรีรังคารของพระมเหสีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ ซึ่งเสด็จทิวงคตขณะทรงพระครรภ์ 5 เดือน พร้อมกับสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดาเมื่อ พ.ศ. 2423 จากเหตุเรือพระที่นั่งล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือตามกฎมณเฑียรบาลที่ว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายพระมเหสี มิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งโคตร เป็นเหตุให้ทรงเสียพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง

อนุสาวรีย์แห่งนี้มีฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ตอนกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยม ด้านตะวันตกมีจารึกเป็นภาษาไทย ทางด้านใต้ของอนุสาวรีย์ทำเป็นรูปช่อดอกไม้ และใบไม้ล้อมพระนามย่อ “สกร” อยู่ภายใต้มงกุฎ ทางด้านเหนือทำเป็นรูปช่อดอกไม้ หรือพวงหรีดล้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ คำจารึกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่รัชกาลที่ 5 พระราชนิพนธ์เองต่อปิยมหาราชินีผู้เป็นที่รักยิ่ง โดยรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ 3 ปี

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน

 

รวมไปถึงอนุสาวรีย์พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ และเจ้าฟ้า 3 พระองค์ ปีเดียวกับที่พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ พระอัครชายาองค์ที่ 1 ในรัชกาลที่ 5 สิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2430 ขณะพระชันษา 33 พรรษา พระราชโอรสและพระราชธิดาที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สิ้นพระชนม์ลงอีก 3 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้า (หญิง) พาหุรัดมณีมัยกรมพระเทพนารีรัตน์ พระชันษา 9 ปี, สมเด็จเจ้าฟ้า (ชาย) ตรีเพชรรุตม์ธำรง พระชันษา6 ปี และสมเด็จเจ้าฟ้า (ชาย) ศิริราชกกุธภัณฑ์ พระชันษา 2 ปี พระศพของเจ้านายทั้ง 4 พระองค์นี้ ได้พระราชทานเพลิงใน พ.ศ. 2430 ณ พระเมรุท้องสนามหลวง และใน พ.ศ. 2431 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์ที่ระลึกทำด้วยหินอ่อนแกะสลักพระรูปเหมือนไว้ใกล้กับอนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

นอกเหนือจากพลับพลาที่ประทับและสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมหลากหลายชาติแล้ว รอบๆ ยังเป็นสวนร่มรื่นที่มีดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งให้ได้ถ่ายรูปกันด้วย

นอกจากจะยังมีสิ่งสวยงามสะท้อนวันและเวลาแล้ว ถ้าไม่ต้องการจะเดินชม ก็ยังมีบริการรถกอล์ฟให้เช่าอีกด้วยนะครับ

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กนักเรียน นิสิตนักศึกษา (ในเครื่องแบบต้องมีบัตรประจำตัวนักศึกษา) 20 บาทสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพระราชวังบางปะอิน โทร.035-261-044, 035-261-549, 035-261-673

ความสวยงามย้อนเวลา พระราชวังบางปะอิน