แชร์ประสบการณ์ 1 วัน ที่ฉันเป็นเชฟทำซูชิ
“อาหารญี่ปุ่น” เป็นที่นิยมเพราะความที่รสชาติอร่อย และยังมีหลายเมนูที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย “ซูชิ”
โดย...วรจรรย์ แสงเงิน
“อาหารญี่ปุ่น” เป็นที่นิยมเพราะความที่รสชาติอร่อย และยังมีหลายเมนูที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย “ซูชิ” ก็เป็นหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นแถวหน้าที่รู้จักกันทั่วโลก ข้าวญี่ปุ่นและเนื้อปลาหรืออาหารทะเลสดๆ จัดแต่งเป็นชิ้นพอดีคำ ได้กลิ่นหอมวาซาบิเตะจมูก แตะโชยุนิดนึงเพิ่มรสชาติ เรียกได้ว่าเป็นความอร่อยที่เรียบง่าย ไม่ต้องปรุงแต่งหลายขั้นตอนเลย
แต่รู้หรือไม่ ว่ากว่าจะมาเป็นซูชิให้เราทานกันเนี่ย มันไม่ได้ง่ายแค่เอาเนื้อปลามาโปะบนข้าวนะคะ เร็วๆ นี้เราเพิ่งมีโอกาสได้ไปร่วมเวิร์กช็อป เรียนทำซูชิที่ Shinminato Sushi Academy ที่จังหวัดโทยามา ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นมาค่ะ เลยขอนำประสบการณ์และความรู้กลับมาเล่าสู่กันฟังนะคะ
Shinminato Sushi Academy หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า &>6032;&>8234;&<2377;&<2375;&>2654; (Shinminato Sushi Juku) นี้ เพิ่งก่อตั้งมาเมื่อปีที่แล้ว (2015) นี่เอง เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองท่าเรือ จับซีฟู้ดสดๆ ใหม่ๆ มาได้ทุกวัน ชาวบ้านแถวนี้เลยประกอบอาชีพชาวประมงกันเสียเป็นส่วนใหญ่ เจ้าของโรงเรียนเห็นว่าในเมื่อคนเปิดร้านซูชิเยอะและ แต่ยังไม่มีคนเปิดโรงเรียนสอนทำซูชิ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ จึงได้เริ่มเปิดโรงเรียนขึ้นมา ซึ่งจริงๆ แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่โรงเรียนแบบเต็มรูปแบบ ออกแนวร้านซูชิที่เปิดโอกาสให้แขกได้ลองทำด้วยตัวเอง เป็นเวิร์กช็อปสั้นๆ เสียมากกว่า แต่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่นิยมในบรรดานักท่องเที่ยวอย่างรวดเร็ว
สำหรับคอร์สของที่นี่ เริ่มเปิดคลาสได้ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ค่าเรียนก็มีให้เลือกหลายราคา ทั้งทำซูชิ 8 ชิ้น/2,800 เยน/คนทำซูชิ 10 ชิ้น/3,500 เยน/คน ทำซูชิ 12 ชิ้น/7,000 เยน/คน ในวันนั้นเราได้ทดลองทำเซต 10 ชิ้น เริ่มแรกคือ เมื่อมาถึงทางโรงเรียน เจ้าหน้าที่ก็จะเอาเสื้อคลุมแบบญี่ปุ่น (ฮัปปิ) มาให้ใส่ เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน เหมาะสำหรับถ่ายรูปเล่นวอร์มอัพก่อน จากนั้นอาจารย์ก็จะจัดเตรียมวัตถุดิบในการทำไว้บนโต๊ะ ประกอบไปด้วย ข้าวสวย และเนื้อปลาชนิดต่างๆ แล่สำเร็จไว้แล้ว และวาซาบิ ทุกคนต้องล้างมือให้สะอาดเรียบร้อย จากนั้นใส่ถุงมือพลาสติก แล้วฉีดน้ำยากันข้าวติดมืออีกชั้นเป็นการเตรียมความพร้อม
เริ่มจากการปั้นข้าวเป็นก้อนเสียก่อน โดยข้าวที่หยิบขึ้นมานั้นต้องมีน้ำหนัก20 กรัม (อาจารย์ให้เครื่องชั่งมาวางไว้ข้างๆ ทุกคนเลยค่ะ) บีบหลวมๆ ให้เป็นก้อนยาวๆ ไม่ต้องให้แน่นมาก เพราะความอร่อยของซูชิอยู่ที่ข้าวนุ่มๆ ไม่อัดแน่นแบบโอนิกิริ (ข้าวปั้นสามเหลี่ยม) จากนั้นหยิบเนื้อปลาขึ้นมา ใช้นิ้วป้ายวาซาบิทาลงไป มากน้อยแล้วแต่ความชอบ แล้ววางลงบนก้อนข้าว จัดแต่งให้สวยงาม เท่านี้ก็ได้ซูชิ 1 ชิ้นแล้วล่ะ สำหรับชิ้นที่รูปร่างแปลกออกไปอย่างไข่ปลาหรือไข่หวาน ก็จะมีการเอาสาหร่ายมาพันรอบๆ ด้วย
และอาจารย์ยังได้ให้ความรู้เราเพิ่มเติม เช่น คำถามที่ว่า “ทำไมเชฟซูชิของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ถึงเป็นผู้ชาย” คำตอบคือ “จริงๆ แล้วไม่มีกฎห้ามผู้หญิงทำซูชิ เพียงแต่ว่าโดยธรรมชาติแล้วอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงจะอุ่นกว่าผู้ชายดังนั้นเวลาหยิบจับเนื้อปลาสด อาจจะทำให้รสชาติเปลี่ยนได้นั่นเอง ผู้หญิงเลยไม่นิยมเป็นเชฟซูชิ”
“กว่าจะเป็นเชฟซูชิที่เก่งได้ ต้องใช้เวลาฝึกฝนกี่ปี” อาจารย์ตอบว่า “อย่างน้อยต้องสั่งสมประสบการณ์ 10 ปีขึ้นไป ถึงจะเก่ง อย่างตัวอาจารย์เองนี่ก็ทำขายในร้านมา 45 ปีแล้ว”
“ทำไมถึงต้องใส่วาซาบิลงในซูชิ” อาจารย์ตอบว่า “นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติแล้ว วาซาบิยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อจากอาหารสดอีกด้วย”
เรียกได้ว่าไปเรียนคราวนี้ไม่ใช่แค่อร่อยและสนุกเท่านั้น แต่ยังได้ความรู้กลับมาอีกเพียบ สำหรับคนที่อยากชมบรรยากาศในการเรียนแบบวิดีโอ ก็เข้าไปชมที่ช่อง youtube @Reiko.ws หรือในเพจ facebook Reiko.ws ได้เลยค่ะ และคนที่อยากไปลองสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองบ้าง ก็ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://sushiacademy.toyama.jp เลยค่ะ การเดินทางใช้เวลา 45 นาทีจากสนามบินโทยามาด้วยรถยนต์ หรือใช้เวลา 20 นาทีจากสถานีชินคันเซนชินโทยามา เราคิดว่าเดินทางด้วยรถยนต์น่าจะสะดวกที่สุด ดังนั้นใครจะไปก็ขอแนะนำให้เช่ารถยนต์ขับไปนะคะ เดี๋ยวนี้บริการรถเช่าในญี่ปุ่นมีมากมาย แถมยังขับง่าย เพราะพวงมาลัยอยู่ข้างเดียวกับเมืองไทย ถนนก็โล่งไม่ค่อยมีมอเตอร์ไซค์ด้วย ไปเป็นกลุ่มหลายๆ คนน่าจะสนุกดีหวังว่าจะพอเป็นตัวเลือกในทริปครั้งต่อไปให้ทุกคนได้นะคะ