สาวิตรี ศิริโตมร นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

02 มกราคม 2560

ธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา ไม่ว่าโลกจะก้าวไปสู่ยุคไหนก็ตามจนปัจจุบันเข้าสู่ยุคดิจิทัลก็ย่อมปรารถนาความสุข

โดย...วรธาร ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา ไม่ว่าโลกจะก้าวไปสู่ยุคไหนก็ตามจนปัจจุบันเข้าสู่ยุคดิจิทัลก็ย่อมปรารถนาความสุข การมีความเป็นอยู่ที่ดี ความสะดวกสบาย และไม่ชอบความลำบาก ถ้าให้เลือกระหว่างความรวยกับความจน จึงเชื่อมั่นว่าไม่มีใครที่เกิดมาแล้วต้องการเลือกชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก เลือกความขัดสน หรือความจน ทุกคนจึงย่อมต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความสะดวกสบาย และแม้ความร่ำรวยจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของชีวิต แต่ความร่ำรวยก็นำมาซึ่งความสะดวกสบาย การมีชีวิตที่ดีและการสร้างความดีได้ แล้วจะแปลกตรงไหนที่ผู้หญิงคนนี้จะบอกว่า"เธออยากรวย"

ถามว่า ณ ตอนนี้เธอร่ำรวยเหมือนอย่าง ตัน ภาสกรนที แห่งอิชิตัน หรือเจ้าสัวผู้รวยร่ำในเมืองไทยไหม ก็คงไม่ใช่ แต่บอกได้ว่าเธอเดินมาเลยจุดที่ตัวเองตั้งเป้าไว้หลายก้าวทีเดียว ที่สำคัญเธอยังไม่หยุดเดินและพร้อมจะเดินต่อไปเพื่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกตราบเท่าที่ใจบอกว่า เอาละ...ได้เวลาเกษียณแล้วเท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าคงอีกนาน เพราะเธออายุน้อยและยังสนุกกับการทำงานและการทำธุรกิจอยู่

เธอคือนักธุรกิจหญิงดาวเด่นในแวดวงประกันภัยชื่อ สาวิตรี ศิริโตมร หรือลิลลี่ ปัจจุบันนั่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ดูแลเรื่องประกันภัย บริษัท ไอ-เซิร์ฟ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ และบริษัท อินเทลลิเจนท์ ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง คอนซัลแทนซ์ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาการทำการตลาดทุกรูปแบบ เช่น เทเลมาร์เก็ตติ้ง มาร์เก็ตติ้งออนไลน์ ให้กับบริษัทประกัน รวมถึงรับงานเทรนนิ่งและบรรยายให้กับองค์กรบริษัทต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นบริษัทประกัน

สาวิตรี ศิริโตมร นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

 

เป้าหมายทำธุรกิจเท่านั้นถึงจะรวย

สาวิตรีมีประสบการณ์ในธุรกิจคอลเซ็นเตอร์มาเป็นเวลากว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านงานขาย การตลาด การบริหารทีมงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ทั้งธุรกิจประกันและสินค้าประเภทอื่นๆ เนื่องจากเคยทำงานในบริษัทเอกชนมาก่อน ก่อนที่ต่อมาจะทยอยตั้งบริษัทของตัวเอง จนทุกวันนี้มีถึง 3 บริษัท โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการเดินไปให้ถึงเป้าหมายที่ฝันไว้แต่เริ่มแรกคือต้องรวยให้ได้

เธอเล่าว่า ในเมื่อเป้าหมายคืออยากมีเงินเยอะ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เด็กๆ ก็ได้เริ่มวางแผนและเส้นทางเดินชีวิตตั้งแต่มัธยมฯ ด้วยการเลือกเรียนสายวิทย์ โดยหวังว่าวันหนึ่งจะทำธุรกิจหรือมีอาชีพที่ตอบโจทย์เป้าหมาย เช่น แพทย์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเอนทรานซ์ไม่ติดที่มหาวิทยาลัยสงขลาฯ จนต้องเบนเข็มมาทางสายศิลป์ หันมาเรียนรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

"ตอนเรียนมีความคิดจะทำธุรกิจแล้วนะ แต่ภาพยังไม่ชัดมาก มาเริ่มชัดตอนปี 2-3 ที่คิดว่าถ้าจบแล้วจะทำอะไร แต่ไม่คิดเป็นข้าราชการแน่นอน เพราะเห็นรุ่นพี่ที่รัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกระทรวง เงินเดือนไม่ได้เยอะ ไปทำงานก็ต้องใส่ยูนิฟอร์ม แต่เราอยากใส่ชุดสวย อยากรวย (หัวเราะ) ยังไงก็คิดว่าทำธุรกิจเท่านั้นจะบรรลุเป้าหมาย แต่ด้วยความที่ครอบครัวไม่ได้รวย พ่อแม่เป็นชาวสวนอยู่ อ.นาหม่อม จ.สงขลา ประกอบกับไม่มีประสบการณ์และความรู้ในการทำธุรกิจมาก่อน จึงมีทางเดียวคือหาประสบการณ์ ความรู้ไปก่อน ที่สำคัญคือต้องหาเงินให้ได้เยอะๆ เพื่อเป็นทุนไว้ทำธุรกิจ" สาวิตรี กล่าว

สาวิตรี ศิริโตมร นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

 

ทำงานหาประสบการณ์และเก็บเงินเพื่อทำธุรกิจ

ปรากฏว่าบริษัทแรกที่เธอทำงานหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีคือ บริษัท อิริเดียม เซาอีสต์ เอเชีย ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำกิจกรรมด้านโทรคมนาคม ฝ่ายคัสโตเมอร์เซอร์วิส อยู่แผนกคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งการทำงานในแผนกดังกล่าวทำให้เธอเข้าใจวิธีการทำงานและระบบของคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างดี และเธอก็ชอบติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและงานด้านการขายด้วย

"ทำที่อิริเดียมอยู่ 2 ปีครึ่งก็ต้องออก เพราะบริษัทปิดตัวลง แต่หลังจากนี้ก็เป็นช่วงที่ลี่ได้ทำงานประกัน จุดเริ่มมาจากเราเป็นลูกค้าของบริษัทประกัน ซื้อประกันกับตัวแทนที่เป็นรุ่นพี่เพราะอยากลดหย่อนภาษีรายได้ ยังไม่ได้ศึกษารายละเอียดลงลึกว่าประกันทำอะไรได้อีกบ้าง จนวันหนึ่งมีเฮดฮันเตอร์ (Head hunter) จากต่างประเทศติดต่อมาว่ากำลังหาคนในตำแหน่ง Project Manager ที่จะมาเป็นคนดูแลการตลาดให้กับบริษัทประกันที่เป็นลูกค้าในเมืองไทยและแถบเอเชีย ลี่จึงไปสัมภาษณ์ แต่ก่อนไปก็พยายามอ่านกรมธรรม์ที่ซื้อไว้ให้เข้าใจและหาความรู้เพิ่มเติม ปรากฏได้รับเลือกให้ทำงานในตำแหน่งนั้น"

เธอเล่าว่า บริษัทที่ทำงานเป็นบริษัทในเครือของบริษัทรับประกันภัยต่อรายใหญ่ที่สุดของโลก และที่นั่นทำให้มีโอกาสอบรมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทที่สำนักงานสาขาประเทศสิงคโปร์ ได้เรียนรู้การทำธุรกิจระหว่างบริษัทประกันภัยต่อกับบริษัทประกันต่างๆ แต่กว่าจะสามารถมาดูแลงานที่ต้องรับผิดชอบได้ ก็ต้องเป็นผู้ช่วย Senior Project Manager ที่รับผิดชอบโครงการ Direct Marketing ในประเทศอื่นๆ อยู่หลายเดือน ส่วนเงินเดือนที่ได้รับตอนนั้นอยู่ที่ 2-3 แสนบาท ในแง่ของรายได้ถือว่าตอบโจทย์เป้าหมายในการทำธุรกิจของตัวเองในอนาคต

สาวิตรี ศิริโตมร นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

 

"ทำที่นี่อยู่ 2 ปี แต่ช่วงนี้มีโอกาสได้เดินทางไปหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย มาแต่ละครั้งก็อยู่ 2-3 เดือน ด้วยความที่มีความรู้ด้านคอลเซ็นเตอร์จากการทำงานที่อิริเดียมจึงมาเปิดบริษัท สิเนธ ไทยแลนด์ ทำเกี่ยวกับเอาต์ซอร์สซิ่งคอลเซ็นเตอร์ยุคแรกๆ ของไทย ธุรกิจช่วงนั้นดีทีเดียว แต่ทำอยู่ 2 ปี ก็ออกมาเป็นผู้บริหารบริษัทประกันภัยในเมืองไทย เงินเดือนอยู่ที่ 4 แสนกว่าบาท แต่เมื่อต้องหักภาษีแล้วจึงยังไม่ตอบโจทย์ ทำอยู่ 4 ปี ก็ออกมาเปิดบริษัททำธุรกิจประกันของตัวเองชื่อบริษัท ไอ-เซิร์ฟ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ และตามด้วยบริษัท อินเทลลิเจนท์ ไดเร็ค มาร์เก็ตติ้ง คอนซัลแทนซ์ รับงานเทรนนิ่งให้กับองค์กรข้างนอกในฟิวของคัสโตเมอร์เซอร์วิส เช่น เรื่องการขาย ทักษะการปิดการขาย การรีครูทพนักงาน"

นักธุรกิจสาวจากสงขลายอมรับว่า ในแง่ของการทำธุรกิจถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่คงไปเทียบชั้นกับคนอื่นๆ เช่น ตัน ภาสกรนที ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าเธอเดินมาไกลกว่าที่ตัวเองฝันไว้มาก จะบอกว่าเกินเป้าที่ตั้งไว้ก็คงจะไม่ผิด แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังคงต้องเดินไปเรื่อยๆ ไม่หยุดอยู่กับที่แน่นอน

"ตอนนี้ถึงจะเดินมาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ลี่จะไม่ยอมหยุดแค่นี้ แต่พยายามจะตั้งเป้าให้ใหญ่ขึ้นๆ บางคนอาจตั้งเป้าแต่ไม่ทำ แต่ของลี่ตั้งไว้แล้วต้องทำ ทำได้หรือไม่ได้ หรือทำได้แค่ไหน มันก็คือได้ทำ ทุกอย่างจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ มันคือการเรียนรู้ และตอนนี้ลี่สนใจธุรกิจตัวใหม่คือเรื่องสุขภาพความงาม เพราะเราเป็นผู้หญิงก็ชอบสวย ถ้าไม่เข้าไปสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม เราก็ไปเสียสตางค์ที่อื่น ขายประกันได้กำไรแต่ไปเสียสตางค์ข้างนอกก็กระไรอยู่ ไหนๆ ต้องเสียเงินอยู่แล้วก็เข้าไปอยู่ในธุรกิจนี้เลย จึงมองหาสินค้าด้านสุขภาพความงามมาขาย ที่สำคัญเรามีสินค้าอาหารเสริมที่เป็นแบรนด์ของตัวเองด้วย ส่วนช่องทางการขายก็ขายผ่านออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรมาก"

สาวิตรี ศิริโตมร นักธุรกิจผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

 

เคล็ดลับความสำเร็จคือใส่เกินร้อย

เธอกล่าวต่อว่า ในการทำธุรกิจต้องยอมรับว่าทุกธุรกิจไม่มีธุรกิจไหนสวยงามได้ดั่งใจทุกอย่าง หรือราบรื่นตลอด ย่อมต้องมีอุปสรรคเกิดขึ้น แต่ก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ อย่างตอนแรกที่เธอทำคอลเซ็นเตอร์ยอดขายไม่ได้เป็นไปตามเป้า ระบบโทรศัพท์โทรไม่เข้า ลูกค้าวีน แต่พอทุกอย่างเข้าที่จากการบริหารจัดการที่ดีงานก็ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี แต่คนส่วนใหญ่ชอบมองเมื่อสำเร็จแล้ว

"ลี่ว่าคุณสมบัติของคนที่ประสบความสำเร็จต้องรู้จักโฟกัสเป้าหมาย และอย่ามัวแต่มีข้ออ้าง ซึ่งลี่เองเป็นคนที่ไม่มีข้ออ้างในชีวิตเลย ถ้าอยากทำอะไรจะมุ่งไปทิ้งทุกอย่างเพื่อมุ่งไปในสิ่งนั้น และพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เช่น ถ้ามีคอร์สอบรมไหนดีๆ น่าเรียน จะยกเลิกธุระในวันนั้นหมดเลย เพื่อไปตรงนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะมีข้ออ้างจึงทำให้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้"

พร้อมกันนี้นักธุรกิจสาวยังมีข้อคิดดีๆ ในการทำธุรกิจ โดยฝากถึงคนที่คิดจะทำธุรกิจว่า ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรเบื้องต้นควรต้องศึกษาก่อนให้รู้จริง ถ้าไม่รู้ก็ปรึกษาผู้รู้ มีเงินทุน และต้องดูตลาดว่าไปทางไหนและอยู่ได้กี่ปี เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่แฟชั่นเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด ต้องมองตลาดที่ยั่งยืนด้วยและไม่ตกเทรนด์โลก รวมถึงต้องให้เวลาและหมกมุ่นกับมัน

"ความสำเร็จถ้าเราเล่นเกินร้อย มันก็ให้เราเกินร้อยนะ แต่ถ้าอยากได้ร้อยแต่ใส่แค่ 20 คงไม่มีทางได้ 100 แน่นอน และในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เวลาลี่ทำอะไร ลี่ใส่สามร้อยเพื่อให้มั่นใจยังต้องเหลือร้อยแน่นอน นอกนั้นเผื่อเหลือเผื่อขาด และทุกครั้งที่ทำลี่มีความสุขกับมัน" นักธุรกิจสาวดวงใหม่ทิ้งท้าย

Thailand Web Stat