จิณณ์ณิตา บุดดี 'เพราะชีวิตทุกวันคือรันเวย์'
ถ้าจะบอกว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์!!! ก็ว่าได้ ทันทีที่มีการประกาศชื่อประเทศ “ไท้ยแล่นนนนนด์” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย
โดย...ปอย ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงษ์
ถ้าจะบอกว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์!!! ก็ว่าได้ ทันทีที่มีการประกาศชื่อประเทศ “ไท้ยแล่นนนนนด์” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย จิณณ์ณิตา บุดดี ถูกเรียกเข้ารอบ Top 20 เป็นสาวงามคนที่ 14 ได้ขึ้นเวทีเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายบนเวทีการประกวดเก่าแก่ที่สุดในโลก การประกวดมิสเวิลด์ ครั้งที่ 66 ประจำปี 2016 จัดขึ้นที่เอ็มจีเอ็ม เนชั่นแนล ฮาร์เบอร์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา แล้วแม้ในที่สุดตัวแทนประเทศไทย ไดร์ จิณณ์ณิตา มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด ทำเต็มที่ฝ่าด่านผู้เข้าประกวดทั่วโลก 119 ประเทศ ซึ่งสาวงามทุกๆ คนล้วนมุ่งมั่นขึ้นเวทีนี้เพื่อพิชิตมงกุฎอันทรงเกียรติไปครอบครองกันทั้งนั้น การแข่งเข้าขั้นโหดหิน “น้องไดร์ จิณณ์ณิตา” สามารถผ่านแค่เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย หากก็เป็นผลลัพธ์แห่งปี มีเสียงชื่นชมยินดีมากกว่าวิพากษ์วิจารณ์
“...เวทีนี้สวยล้วนๆ ไม่ได้ ต้องฉลาดด้วย” “...น้องไดร์เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยตัวเองจริงๆ” “...เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง นางงามจากประเทศไทย ไดร์ จิณณ์ณิตา แต่งหน้าทำผมสไตลิ่งดูแลการแต่งตัวด้วยตัวเอง น้องทำได้ดีมากค่ะ” ฯลฯ สารพัดคำชมทำให้เธอเริ่มน่าสนใจ แม้กระแสไม่แรงเท่าอีกเวทีใหญ่ที่กำลังเริ่มประกวดในเดือนนี้ แต่หลายๆ คนคงอยากรู้จักสาวงามคนนี้กันมากยิ่งขึ้น และทันทีที่การสนทนาเริ่มต้นขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใส จิณณ์ณิตา เล่าย้อนบอกประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ทุกๆ ซีนอยู่ในความทรงจำล้ำค่าเล่าถ่ายทอดออกมาได้ฉะฉาน มั่นอกมั่นใจ
“ไดร์เคยถูกเรียกให้มาซ้อมเดินเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายตั้งแต่ช่วงเก็บตัววันแรกๆ ค่ะ แล้วจากครั้งนั้นชื่อไทยแลนด์ก็หายๆ ไปเลยนะคะ จนถึงวันซ้อมใหญ่มีการอัดเทปเหมือนจริงทุกอย่าง ไดร์แต่งหน้าทำผมหวีเปียกตั้งทรงไปเอง นอกจากเขาไม่สนใจ ไดร์ยังถูกแก้ทรงผมอีกต่างหาก แล้วก็เพิ่งมารู้กันวันหลังว่าช่างผมของกองประกวดเป็นกรรมการอีกด้วยค่ะ (หัวเราะ) เขาแก้ทรงหวีผมที่สเปรย์ผมแข็งๆ ตั้งทรงสวย เปลี่ยนทรงหวีแสกกลางเรียบๆ ดูๆ แล้วไม่แมตช์กับชุดราตรีเอาเลย เศร้ามาก
ช่วงนั้นไดร์ไม่เคยถูกเรียกซ้อมแพตเทิร์น 20 คน 10 คนสุดท้าย หรือเรียกซ้อมรับมงกุฎเลย จนคิดว่าหมดหวังแล้วค่ะ” จิณณ์ณิตา เริ่มต้นสนทนาได้น่าสนใจ
ไดร์ จิณณ์ณิตา ตัวแทนสาวไทยสู้ศึกประกวดเวทีโลก
เวทีมิสเวิลด์ 2016 สามารถเข้า Top 20 ก็ต้องถือเป็นผลงานเยี่ยมยอดเข้ารอบลึกที่สุดของสาวงามเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ ถ้าไม่นับ “เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง” เข้ารอบ 11 คนสุดท้าย ซึ่งก็มีเสียงติงว่าได้เพราะการโหวต Miss people’s choice ที่มาจากเสียงคนไทยโหวต (กันเอง) หรือถ้าย้อนไป (ไกลๆ) เวทีมิสเวิลด์ 2540 แทน-ธัญญา สื่อสันติสุข ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย และคว้าตำแหน่งรองอันดับ 4 มาครอง ถ้านับเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ก็ต้องบอกว่าเวทีนี้แทบบอกลามงกุฎกันแล้ว
การได้เข้ารอบปีนี้ของ ไดร์ จิณณ์ณิตา ตัวแทนสาวไทยสู้ศึกประกวดเวทีโลก จึงถือเป็นการคืบคลานใกล้ฝั่งฝันไปทีละน้อย มงกุฎมิสเวิลด์ปีนี้ผู้ครอบครองคือ สเตฟานี เดล วาลล์ สาวงามจากเปอร์โตริโก อายุ 19 ปี พูดได้อังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส รองอันดับ 1 ยาริตซา มิเกลินา เรเยส รามิเรซ สาวงามจากสาธารณรัฐโดมินิกัน และรองอันดับ 2 ได้แก่ นาตาชา มานนูเอลา สาวงามจากอินโดนีเซีย
“นาตาชาช่วงเก็บตัวเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับไดร์ค่ะ เราก็เมาท์มอยกันว่าใครจะได้มงกุฎ เดาๆ กันได้ค่ะว่าเอเชียเราน่าจะเข้าท็อป 20 หลายๆ ประเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เข้าแน่นอนอยู่แล้ว ไดร์ไม่กล้าฝันนะคะ แต่ไดร์ทำเต็มที่ค่ะ (บอกพร้อมรอยยิ้มสวย) ทุกคนก็เป็นที่หนึ่งของประเทศตัวเองมานะคะ เพราะฉะนั้นไม่มีใครกั๊ก ไม่มีใครยอมใครค่ะ มั่นใจปล่อยของกันเต็มที่ทุกคน แล้วหลังจากไดร์โดนแก้ทรงผมแล้วไม่เคยถูกเรียกไปถ่ายรูปเลย ก็เริ่มๆ ทำใจ แต่ไม่เครียดค่ะ เพราะก่อนนั้นเคยผ่านการร้องไห้หนักๆ มาแล้ว เครียดไปไม่มีอะไรดี เลยหันไปตีสนิทช่างภาพกองประกวด
ช่วงหลังๆ จึงถูกเรียกไปถ่ายภาพมากขึ้นค่ะ ขณะที่เพื่อนนางงามคนอื่นๆ ที่มีทริกเดินผ่านกล้องไปๆ มาๆ เผื่อถูกเรียกเก็บภาพบ้างอะไรบ้าง (หัวเราะ) แต่กลับไม่ถูกเรียกบ่อยเท่าไดร์ เพราะช่างภาพเริ่มคุ้นหน้า ขอถ่ายเดี่ยวมุมโน้นมุมนี้เป็นประจำ เพื่อนๆ นางงามเริ่มสงสัยทำไมเรียกแต่ไทยแลนด์ ช่างภาพกองคุยกันถูกคอค่ะ เพราะเขาเคยมาเที่ยวเมืองไทย ก็เลยเมาท์มอยกันยาว ถือเป็นความโชคดีค่ะ เพราะปกติช่างภาพกองเขาจะไม่ให้ความสนิทสนมกับนางงาม มารู้ทีหลังอีกแล้วว่าเขาคือกรรมการด้วย ไดร์งงมากๆ คนถือไมค์อัดเสียงตอนสัมภาษณ์เรา อ้าว! อีกวันนั่งเป็นกรรมการ เหมือนกับช่างผมแก้ทรงผมเราก็เป็นหนึ่งในกรรมการอีกคนค่ะ
การแต่งหน้า การทำผม กองมิสไทยแลนด์เวิลด์ส่งครูจากชลาชลมาสอนไดร์เรียนทำผม ส่งพี่กมล ฉัตรเสน มาเป็นครูสอนการแต่งหน้าก่อนเดินทางไปประกวด พร้อมพ็อกเกตมันนี่จำนวนหนึ่งให้ใช้จ่ายในช่วงเก็บตัวประกวดที่สหรัฐ เวทีนี้เน้นให้นางงามแต่งหน้าทำผมเองค่ะ ทรงฟาร่าวันนี้ถ่ายรูปสัมภาษณ์กับ ‘โพสต์ทูเดย์’ ไดร์ทำเอง แต่งหน้าเองนะคะ”
จิณณ์ณิตา บอกพร้อมรอยยิ้มหวานสวยติดใบหน้าอยู่เสมอ กลายเป็นเอกลักษณ์ของนางงามจากประเทศไทยไปโดยปริยาย
“ช่วงเก็บตัวฝั่งเอเชียก็จะชอบอยู่ด้วยกันนะคะ ไดร์สนิทกับอินโดนีเซีย วันสุดท้ายก่อนขึ้นเวทีตัดสินก็มารวมตัวอยู่ห้องเดียวกันเพื่อความอุ่นใจ รูมเมทของไดร์คือ เบลล่า มิสเมียนมา พูดภาษาอังกฤษเก่งมากค่ะ แล้วน่าจะเป็นเซเลบริตี้เมียนมา เพราะทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมยอดไลค์เยอะมาก ไดร์สื่อสารภาษาอังกฤษได้ค่ะ ก็เริ่มไปเข้ากลุ่มเพื่อนๆ ฝั่งยุโรปบ้าง ฝั่งละตินบ้าง แต่ก็สื่อสารกันไม่ค่อยได้เพราะบางคนพูดสเปน ไม่พูดอังกฤษเลย ส่วนนางงามฝั่งแอฟริกาน่ารักทุกคนเลยนะคะ แต่ไม่ค่อยรู้จักเอเชีย เคยคุยกับนางงามสาธารณรัฐกินี ก็เข้าใจว่าไดร์มาจากญี่ปุ่น (หัวเราะ) พอหันไปคุยกับเบลล่าประเทศเมียนมา ก็ยิ่งงงกันหนักเข้าไปอีก” จิณณ์ณิตา บอกพร้อมเสียงหัวเราะแจ่มใส
ประชันความสามารถเต็มที่
เวทีมิสเวิลด์ไม่ใช่การประกวดคนสวยคนงามบนเวทีอย่างเดียว แต่เริ่มเก็บคะแนนสะสมตั้งแต่เข้ามาเก็บตัว ระยะเวลา 3 อาทิตย์ เริ่มเก็บคะแนนการทำการกุศล คะแนนการสัมภาษณ์ คะแนนแข่งขันกีฬา คะแนนแข่งขันการเดินแบบ ซึ่งทุกรอบ จิณณ์ณิตา เต็มที่มากๆ ลงหมดทุกกิจกรรม
จิณณ์ณิตา จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ช่วงเป็นนักศึกษาได้ไปสอนโรงเรียนชาวไทยภูเขา จึงได้ไปเห็นหลายๆ ปัญหาในพื้นที่บ้านเกิด และในการประกวดบนเวทีมิสเวิลด์รอบการเก็บคะแนนการทำการกุศล ก็ได้สื่อสารเรื่องราวเหล่านี้สู่เวทีโลก
“เวทีนี้เน้นมากในการแข่งขันรอบเก็บคะแนนการทำการกุศล บิวตี้ วิท อะ เพอโพส ผู้หญิงไม่ใช่สวยแค่ใบหน้า จิตใจก็ต้องสวยงามด้วย ไดร์นำเสนอวีทีอาร์โปรเจกต์อนุรักษ์ ‘ฟื้นคืนผืนป่า’ จ.เชียงราย เลือกโครงการปลูกป่าแก้ปัญหาเผาป่ามีหมอกควันทำลายสุขภาพ ไดร์ได้เห็นปัญหานี้ตอนไปร่วมโครงการของมหาวิทยาลัยการวัดระดับภาษาอังกฤษเด็กบนดอย แล้วสอนไปด้วยก็มีเด็กหลายๆ คนขาดเรียนบ่อย วันเสาร์-อาทิตย์แทนที่จะได้หยุดพักผ่อนหรือเรียนพิเศษกับครูเพิ่มเติม ก็ไม่มีเด็กมาเรียนเลย พอถามน้องก็บอกว่าต้องไปช่วยพ่อแม่ทำการเกษตร ปลูกข้าว เลี้ยงไก่ จึงตามไปดูน้องๆ ก็ได้เห็นปัญหาไฟป่าที่ไม่ใช่เกิดแค่ในบ้านเรา แต่เป็นปัญหาในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกด้วยนะคะ การแก้ปัญหาได้ด้วยการสร้างฝายทดน้ำ การอนุรักษ์ป่า ซึ่งเป็นการสนองพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในอีกทางด้วยค่ะ
คะแนนรอบการสัมภาษณ์ทำได้ โต้ตอบได้ค่ะ แต่บอกก่อนค่ะว่าภาษาอังกฤษของไดร์ระดับเบสิก พูดจาสื่อสารกับเพื่อนๆ นางงามสบายค่ะ รู้เรื่อง แต่ถ้าสมมติได้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย การตอบคำถามบนเวทีต่อหน้าคนจำนวนมากจะพูดได้ไม่ถึงขั้นแสดงความคิดเห็นเยอะๆ ยาวๆ แล้วไดร์ก็ชอบพูดอะไรที่ไม่กำกวม การจัดเรียงประโยคเป็นทางการมากๆ ต้องเป๊ะ 1-2-3-4 ทำให้คิดเยอะ พูดช้า ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาไทยก็เป็นค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้กำลังวางแผนค่ะว่ากำลังจะเรียนระดับปริญญาโทต่อโดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษ
ไดร์โชว์มวยไทยแบบลีลารอบแข่งขันกีฬา คนรู้จักมวยไทยกันดีอยู่แล้ว ได้คำชม (บอกโดยไม่ลืมรอยยิ้ม) รอบนี้เป็นความประทับใจที่สุดในการไปแข่งมิสเวิลด์ด้วยค่ะ มีเพื่อนๆ นางงามเชียร์กันเยอะ ส่วนคะแนนแข่งขันการเดินแบบก็เป็นเรื่องที่เราถนัดอยู่แล้ว” จิณณ์ณิตา เผยความรู้สึกว่าประทับใจที่สุด เพราะรู้สึกว่าการแข่งขันที่มอง “คู่แข่ง” เป็นเพื่อน ดีกว่าประชันฟาดฟันกันด้วยความสวยความงามอย่างเดียว เครียดแน่นอน เพราะนางงามแต่ละชาติสวยงามไม่แพ้กันเลย
“นางงามผมบลอนด์ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ แค่เขียนคิ้ว ทาปากสีกลอสๆ นู้ดๆ พวกเธอก็สวยแล้วค่ะ คือหันไปทางไหนก็มีแต่คนสวยมาก แล้วรูปแบบการแข่งขันของมิสเวิลด์จะให้นางงามแต่งหน้าทำผมเองตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย โดยมีช่างมาเช็กอัพให้ก่อนประกวดเท่านั้น เหตุผลคือแต่ละคนมาจากทั่วโลก สไตล์การแต่งหน้าก็แตกต่างกัน ถ้าช่างมาแต่งให้ก็อาจเป็นบล็อกเดียวกัน ส่วนใหญ่นางงามแต่งหน้าแบบธรรมชาติใสๆ แต่ไดร์ไม่รอดนะคะ (หัวเราะ) ไดร์ต้องจัดเต็มค่ะ แต่น่าเสียดายปีนี้ไม่ค่อยมีกิจกรรมนอกสถานที่มากนัก กองมิสไทยแลนด์เวิลด์เตรียมเสื้อผ้าให้ไปใส่เยอะมาก ได้ใส่โชว์ไปล่องเรือชมเทพีเสรีภาพที่นิวยอร์กแค่วันเดียว นอกนั้นอยู่ในสตูดิโอ ซ้อมเต้น ซ้อมเดิน ก็เลยไม่ได้ใส่ชุดสวยๆ ถ่ายรูปมากเท่าไหร่เลยค่ะ” จิณณ์ณิตา บอก นี่อาจเป็นสาเหตุที่กระแสเวทีนี้ไม่หวือหวานัก
ชีวิตทุกวันคือรันเวย์
แต่เรื่องกระแสนั้นจะบอกว่าไม่สนใจก็เป็นไปไม่ได้ มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด จิณณ์ณิตา ตัวแทนจากประเทศไทย อายุ 21 ปี ส่วนสูง 178 ซม. น้ำหนัก 60 กก. สวยพร้อมหุ่นเป็นได้ทั้งนางงามและนางแบบ สั่งสมประสบการณ์การประกวดมาหลายๆ เวที ทั้งเวทีเล็กและเวทีใหญ่ คว้ามงกุฎนางสาวถิ่นไทยงาม “อาชีพนางงาม” คือเป้าหมายและหนึ่งความฝันในชีวิต
“ชื่อไดร์ มาจากคำว่าไดนาโม เพราะคุณพ่อป็นช่างซ่อมเจ้าของอู่รถ คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างหัวโบราณค่ะ แต่ตอนหลังทั้งคู่เล่นเฟซบุ๊กก็เริ่มเปลี่ยนๆ ไปแล้ว (หัวเราะ) ตอนแรกที่ไดร์เข้ามาประกวดโดยเฉพาะการได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ่อก็เริ่มยอมรับว่ามีเกียรติ แต่ตอนเริ่มไปประกวดตามเวทีต่างๆ พ่อไม่ชอบเลยค่ะ พ่อพูดแรงมากว่าในโลกนี้มีตั้งหลายอาชีพ แล้วทำไมต้องมาทำอะไรที่โชว์เนื้อหนังมังสาใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นเวที นิสัยไดร์ดื้อค่ะ (บอกพร้อมรอยยิ้มสวย) อยากพิสูจน์มุมมองของเราที่นางงามคือการถูกยอมรับ มีแสงแฟลช มีเสียงปรบมือ ก็ไปประกวดด้วยตัวเอง เริ่มต้นเวทีเล็กๆ ก่อน เช่น เวทีนางนพมาศ เก็บประสบการณ์มาเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายที่เวทีระดับชาติ
หลักในการใช้ชีวิตทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ ไดร์ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก หุ่นเป๊ะ หน้าสวย ก็จะตามมาถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเอง ไดร์ใช้ชีวิตเน้นแนวคิดที่ว่า …เพราะชีวิตทุกวันคือรันเวย์ ตอนไปแข่งมิสเวิลด์ก็ใช้มอตโต้นี้มาตลอดค่ะ
เวทีระดับโลก การชนะใจคนที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน ทั้งเพื่อนนางงาม กรรมการ และเจ้าของเวที โดยมีเวลาเพียง 3 อาทิตย์ คือเรื่องยากที่สุดเลยค่ะ ต่างคนต่างที่มาจากทั่วโลก การเข้ากับเพื่อนๆ นางงาม ไดร์ก็ไม่ถึงขั้นคัลเจอร์ช็อกนะคะ มีเพื่อนนางงามฝั่งแอฟริกาบางประเทศไม่กินเนื้อหมู พอเห็นเรากินก็ตกใจประมาณเรากินเนื้อน้องหมาประมาณนั้นเลย แล้วกองก็กลัวนางงามอ้วน ก็จัดให้กินแค่ผัก ปลา ไก่ เนื้อวัว มีอยู่วันไดร์กินแซลมอนรมควัน เพื่อนกลุ่มนี้ก็ตกใจกันใหญ่อะไรแบบนี้ ประมาณยี้...เธอกินอะไรน่ะ? (หัวเราะ)
เพื่อนนางงามบางประเทศพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ก็มีซึมไปเหมือนกันค่ะ ไดร์ก็เคยซึมเพราะเคยไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนที่พูดสเปนทั้งโต๊ะ เพื่อนๆ เฮฮาคุยกันสนุกส่วนเราก็เงียบไปเลย เพราะถามภาษาอังกฤษเขาก็ไม่ตอบ แต่เพื่อนก็พยายามคุยกับเรานะคะ ไดร์อยากบอกรุ่นน้องๆ ปีต่อไปค่ะว่า แค่เราสื่อสารได้ก็พอแล้ว อย่าไปกลัวมาก เครียดมากเกินไปเรื่องพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะก่อนไปไดร์ก็เคยปรึกษากับแนท (อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015) แนทบอกเราก็ไม่ได้เก่ง พอพูดได้นิดหน่อย แต่เมื่อไปถึงกองประกวดก็มีนางงามอีกหลายๆ ประเทศที่พูดไม่ได้ ไม่ต้องไปกลัว เพราะเมื่อถึงเวลานั้นทุกคนก็ปรับตัวเข้าหากันได้เอง
เวลาเหนื่อย ท้อ ไดร์ใช้รอยยิ้มค่ะ ไม่ได้ฝืนนะคะ แต่ด้วยบุคลิกไดร์เหนื่อยก็ยังยิ้ม ก็จะมีคำชมว่าเจอมิสไทยแลนด์เวิลด์ก็ต้องเจอรอยยิ้ม (ยืนยันพร้อมรอยยิ้ม) แต่ก็มีช่วงท้อมากเครียด ร้องไห้เลยค่ะ 4-5 วันแรกไดร์ก็ใส่เต็มแล้วนะคะ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้เลย เขาไม่สนใจ ไม่เรียกถ่ายรูป ไม่เรียกซ้อมอะไรเลย เจอเข้าไป 2-3 ครั้งที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งใจไว้ ก็มีใจเสียร้องไห้ ก็ได้เบลล่าเพื่อนรูมเมทนี่ละค่ะช่วยกันปลอบใจกันและกัน เบลล่าบอก เฮ้ย...ยังไม่ถึง 2 อาทิตย์เลยนะ ถ้ารอบแรกยังไม่ได้ ก็ไปรอบสองสิ เวทีนี้ยังมีการแข่งขันอีกหลายๆ รอบ ไม่ได้สัมภาษณ์ ก็มีกีฬา มีเดินแบบ ให้ทดสอบความสามารถอีกตั้งหลายอย่างให้เราเต็มที่นะคะ”
จิณณ์ณิตา ทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มที่กลายเป็นโลโก้มิสไทยแลนด์เวิลด์สาวสวยคนนี้ไปเล้ว เรียกว่าจบการประกวดเสียงเชียร์ของกองเชียร์ไทยแลนด์กึกก้องให้กับสาวงามเวทีนี้