นครดารา ฝันที่เป็นจริง
สร้างสถิติใหม่ เป็นหนังที่คว้ารางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกโลกทองคำ หลังการประกาศผลรางวัลโกลเดน โกลบ ครั้งที่ 74
โดย...แหนง-ดู
สร้างสถิติใหม่ เป็นหนังที่คว้ารางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกโลกทองคำ หลังการประกาศผลรางวัลโกลเดน โกลบ ครั้งที่ 74 หนังเรื่อง La La Land ก็คว้ารางวัลไปมากถึง 7 รางวัล จากสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม “City of Stars”, นักแสดงชายยอดเยี่ยมประเภทเพลง/ตลก “ไรอัน กอสลิง”, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประเภทเพลง/ตลก “เอ็มมา สโตน”, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม “ดาเมียน ชาเซลล์”, ผู้กำกับยอดเยี่ยม “ดาเมียน ชาเซลล์” และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทเพลง/ตลก
ตามมาจากนั้นคือเสียงจากนักวิจารณ์บางคนที่บอกว่า รางวัลลูกโลกทองคำทั้ง 7 คือ การแสดงความรักและความลุ่มหลงตัวเองของ “ฮอลลีวู้ด”!
La La Land เป็นชื่อเล่นของลอสแองเจลิส และคำนี้ยังเป็นสำนวนที่หมายถึงสิ่งที่อยู่ห่างไกลจากความเป็นจริง หนังเรื่องนี้เป็น “มิวสิคัลฟิล์ม” เล่าเรื่องราวชีวิตในลอสแองเจลิสของ เซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิง) นักเปียโนแจ๊ซ และ มีอา (เอ็มมา สโตน) หญิงสาวที่ฝันอยากจะเป็นนักแสดง พวกเขาบังเอิญพบและตกหลุมรัก พร้อมไปกับการไล่ล่าฝัน พวกเขาก็ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ และฟูมฟักประคับประคองความสัมพันธ์ไปด้วย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าโชคดีมากพอพวกเขาอาจจะได้ทั้งหมดทุกอย่างที่ปรารถนา แต่เมืองแห่งดวงดาวนี้ไม่ได้ใจดีกับทุกคนขนาดนั้น
ผลงานของ ดาเมียน ชาเซลล์ ผู้กำกับหนุ่มวัย 31 ปี ที่โด่งดังมาจากหนังเพลง 3 รางวัลออสการ์อย่าง Whiplash หนังเรื่องนี้ให้กลิ่นอายความเป็นฮอลลีวู้ดในยุคเก่า พร้อมรสชาติครบครันจากการร้อง เล่น เต้น และแสดง นักแสดงหนุ่มหล่อ-สาวสวย ไรอัน กอสลิง และ เอ็มมา สโตน นั้นสร้างความประทับใจด้วยการถ่ายทอดบทบาทให้เข้าถึงตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งคู่ยังได้แสดงความสามารถซึ่งอาจจะไม่เคยมีใครได้รับรู้มาก่อนให้ประจักษ์
สำหรับ ดาเมียน ผลงานชิ้นนี้คือการเดินไปบนหนทางถนัดแบบเอาให้สุด ผลที่ได้คืองานดีๆ อีกเรื่อง เขาทำได้ดีทั้งสคริปต์ และการกำกับสไตล์ก้าวหน้า ดาเมียน ยังนำ เจ เค ซิมมอนส์ ครูสอนดนตรีสุดเฮี้ยบจาก Whiplash มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย ถึงแม้ว่าบทจะไม่มากมาย แต่เราก็สัมผัสได้ถึงพลังเมื่อปรากฏตัวบนจอ หนังเรื่องนี้ยังมี จอห์น เลเจนด์ ร่วมแสดง นักร้องดังเจ้าของเพลง All of You ยังแต่งเพลง Star A Fire ซึ่งวงเดอะ เมสเซนเจอร์ส ในเรื่องใช้แสดงด้วย
พูดถึงเพลงประกอบหนังเรื่องนี้แล้วต้องบอกว่า ทุกเพลงไพเราะจับใจและติดหู เป็นผลงานของ จัสติน เฮอร์วิทซ์ อดีตรูมเมทสมัยเรียนหนังสือของผู้กำกับ ซึ่งเคยร่วมกันทำงานใน Whiplash มาก่อน ส่วนเนื้อหาเป็นหน้าที่ของทีม เบนจิ พาเซค และ จัสติน พอล ยกเว้นเพลง Star A Fire ที่ จอห์น เลเจนด์ ร่วมแต่งกับ มาอุส เดอวรีส์ เจ้าของ 5 รางวัลแกรมมี่ ส่วนท่าเต้นออกแบบโดย แมนดี้ มัวร์ จากรายการ So You Think You Can Dance นั้นก็น่าประทับใจ
หนังสร้างโดยใช้เทคนิคใหม่และเก่าผสมผสาน ถ่ายทำโดยใช้ฟิล์ม 35 มม. เสื้อผ้าหน้าผมรวมทั้งเครื่องแต่งกายก็อลังการ สาวกวินเทจเห็นแล้วต้องปลื้ม ฉากน่าตื่นตาคือ การเปิดตัวของหนังซึ่งเปลี่ยนทางหลวงอันติดขัดในแอลเอให้กลายเป็นฟลอร์เต้นรำ รวมทั้งฉากพระนางในหอดูดาว พวกเขาเต้นรำท่ายาก ด้วยการใช้สลิงมาทำให้เหมือนร่ายลีลาแบบไร้แรงดึงดูด
นี่นับเป็นมิวสิคัลฟิล์มที่ดีและมีเอกลักษณ์ส่วนตัวมากที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคใหม่ หนังมีความแฟนตาซี ย้อนยุค ตลก ฉายภาพวงการบันเทิงที่สุดแสน “เมโลดราม่า” La La Land ยังเป็นหนังที่งดงามและเต็มไปด้วยความหวัง กระตุ้นเร้าให้คนดูได้สำรวจว่า ได้จัดการกับความฝันของตัวเองอย่างไร ... ทิ้งขว้างไว้ตามทาง หรือตามมันไปจนสุด แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนโง่!
ในช่วงที่ คีธ (จอห์น เลเจนด์) พูดกับ เซบาสเตียน แรงๆ เรื่องเกี่ยวกับดนตรีแจ๊ซซึ่งกำลังจะตายนั้น ก็ทำให้คิดเชื่อมต่อไปถึงเรื่องราวหรือวงการอื่นๆ ซึ่งถ้าไม่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย ก็ตายได้เหมือนกันในวันหนึ่ง
(สปอยล์) ก่อนหนังจะจบลงก็มีช่วง “What if” ซึ่งทุกชีวิตอาจจะเคยเจอเมื่อคิดย้อนหลัง ... “ถ้า” เราทำอย่างนั้น แทนที่จะทำอย่างนี้ บางสิ่งคงจะไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่ ถึงตอนนั้นบางคนอาจจะเริ่มตีอกชกหัวตัวเอง และบอกว่า “เห็นมั้ยล่ะ รักแท้ชั่วนิรันดร์ มันไม่มีอยู่จริงหรอก”! แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เชื่อเถอะว่า คนดูต่างก็เดินออกจากโรงพร้อมรอยยิ้ม
สำหรับคนที่ไม่ใช่คอหนังเพลงหรือหนังโรแมนติกก็อาจจะรู้สึกว่า ช่วงแรกๆ ของหนังเรื่องนี้ผ่านไปได้อย่างยากลำบากสักหน่อย แต่ถ้าอดทนรอก็จะได้พบกับความบันเทิงที่แสนเพลิดเพลิน หลังจากที่หนังได้ 7 รางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้งมีชื่อเข้าชิงในเวทีอื่น โดยเฉพาะออสการ์ที่คนอยากรู้ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ นั่นก็น่าจะทำให้คนออกไปดู La La Land กันอีกระลอก รอบซึ่งเหลืออยู่น้อยแล้ว (และเป็นรอบดึกเสียส่วนใหญ่) ก็น่าจะมีเพิ่มเติม ส่วนอัลบั้มซาวด์แทร็กนั้นก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ขึ้นชาร์ตอันดับสูงๆ ในบิลบอร์ดด้วย
หลังจากหนังจบ หลายๆ คนก็พบว่า La La Land คือ ฝันที่เป็นจริง ซึ่งสัมผัสได้บนจอภาพยนตร์