posttoday

รู้ก่อนซื้อ Fitness Tracker ตัวช่วยของคนรักสุขภาพ

30 มกราคม 2560

เข้าสู่ช่วงปีใหม่ หลายคนตั้งปณิธานในใจว่า “New Year ต้อง New You” อย่างน้อยถ้าไม่เปลี่ยนงาน

โดย...พุสดี

เข้าสู่ช่วงปีใหม่ หลายคนตั้งปณิธานในใจว่า “New Year ต้อง New You” อย่างน้อยถ้าไม่เปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานะจากโสดเป็นแต่งงาน ก็ต้องเปลี่ยนหุ่นย้วยเป็นหุ่นเฟิร์มให้ได้ ใครที่ตั้งมั่นจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่ล้มเหลวมาหลายครั้ง ปีนี้นอกจากจะใจแข็งๆ เอาชนะใจตัวเองแล้ว ลองหาตัวช่วยมาเป็นแรงจูงใจในการออกกำลังกาย อย่าง Fitness Tracker หรือ อุปกรณ์ติดตามประสิทธิภาพการออกกำลังกายมาติดตัวไว้ดู อาจจะช่วยให้คุณสนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น

ไม่ต้องแปลกใจหากคุณจะเห็นหนุ่มสาวสายเฟิร์มสวมริสต์แบนด์หลากสีสันติดตัวเวลาออกกำลังกาย เพราะเจ้าอุปกรณ์เล็กจิ๋วนี้มีฟังก์ชั่นสุดเจ๋งซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ระยะทางการวิ่ง การนับจำนวนก้าวเดิน รวมทั้งตรวจวัดสุขภาพการนอนว่าหลับสนิทดีตลอดคืนหรือไม่ เป็นต้น ด้วยฟังก์ชั่นเหล่านี้ทำให้สามารถสวมใส่ได้ตลอดวันไม่เฉพาะเวลาออกกำลังกายเท่านั้น จนทำให้หลายคนติดอกติดใจ และเปิดรับเจ้า Fitness Tracker มาเป็นอีกหนึ่งแอกเซสซอรี่คู่ใจที่ขาดไม่ได้

แต่ก่อนจะตัดสินใจถอย Fitness Tracker มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย ฟิตบิต (Fitbit) อุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงข้อมูลเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ มี 5 เคล็ดลับดีๆ มาฝากมือใหม่หัดใช้ Fitness Tracker

1.ทำความรู้จักก่อน

เจ้าสายรัดข้อมือสุขภาพ Fitness Tracker นี้ คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้ช่วยติดตามสัญญาณต่างๆ ในร่างกายของคุณ เพียงเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ ข้อมูลทั้งหมดจะแสดงผลผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.แบบ Track เฉพาะกิจกรรม เหมาะกับผู้ที่อยากติดตามพัฒนาการในการออกกำลังกายเป็นครั้งๆ เช่น เหล่านักวิ่งที่เลือกเก็บสถิติการวิ่งแต่ละครั้งมาเปรียบเทียบ 2.แบบ Track ตลอดเวลา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสะดวก ใช้ง่าย สามารถเชื่อมกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเพื่อติดตามผลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ก็ไม่ต้องกังวลว่าต้องพกอุปกรณ์หลายอย่าง แค่สวมข้อมือสุขภาพก็จบ 3.แบบ Multi-Purpose เป็นกลุ่มลูกผสมระหว่าง Smartwatch และ Fitness Tracker เป็นทั้งผู้ช่วยวัดประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ตรวจวัดก้าวเดิน การเต้นของหัวใจ บางรุ่นสามารถใช้บอกเวลา เชื่อมต่อกับโซเชียลเน็ตเวิร์ก ใช้เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวในการออกกำลังกายได้ด้วย

2.ก่อนตัดใจซื้อ

ลองดูงบในกระเป๋าก่อน เพราะตอนนี้มีหลายค่ายผลิต Fitness Tracker ออกมาเพื่อตอบโจทย์สายฟิตแอนด์เฟิร์ม มีหลายราคาให้เลือกตามเงินในกระเป๋า

3.ถามตัวเองให้ชัด

อยากได้ Fitness Tracker มาเป็นตัวช่วยในเรื่องไหนบ้าง เพราะ Fitness Tracker มีตั้งแต่รุ่นที่ช่วยเก็บข้อมูลสุขภาพพื้นฐานไปจนถึงรุ่นแอดแวนซ์ ยกตัวอย่าง ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกีฬาทางน้ำ แนะนำให้เลือก Fitness Trackers รุ่นที่สามารถลงน้ำได้ อย่างเช่น ฟิตบิต เฟล็กซ์ 2 ที่ออกแบบมาให้ใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำ โดยสามารถตรวจจับการว่ายน้ำได้อัตโนมัติ

4.ดีไซน์ต้องตอบโจทย์

ไหนๆ ก็ลงทุนซื้อ Fitness Trackers ทั้งที คุณคงไม่อยากให้เจ้าอุปกรณ์นี้มีประโยชน์แค่ตอนออกกำลังกาย ใครที่อาจจะไม่อินกับดีไซน์ของ Fitness Trackers ที่เหมือนริสต์แบนด์ หรือ บางแบรนด์ก็ออกมาแบบมาเป็นสมาร์ทวอตช์ ที่ให้ลุคสปอร์ตจ๋า ดูไม่เข้ากับลุคสาวหวาน คุณอาจมองหารุ่นที่มีดีไซน์เข้ากับสไตล์ของคุณ ที่น่าสนใจ คือ ฟิตบิต เฟล็กซ์ 2 ออกแบบมาให้สามารถปรับเปลี่ยนเป็นแอกเซสซอรี่ได้ เพราะมาพร้อมสายรัดข้อมือแบบคลาสสิก และสายรัดข้อมือแบบกำไลแฟชั่นให้สามารถถอดตัวเซ็นเซอร์ไปติดไว้ได้

5.การใช้งานของแบตเตอรี่

คงไม่ดีแน่ ถ้า Fitness Trackers ของคุณต้องนอนตายบนข้อมือ กลายเป็นแค่แอกเซสซอรี่ หรือสายรัดข้อมือ เพราะแบตเตอรี่หมด ถ้าคุณไม่อยากเพิ่มภาระต้องคอยตรวจเช็กว่า Fitness Trackers บนข้อมือแบตหมดหรือไม่ ก่อนซื้ออย่าลืมพิจารณาความอึดของแบตเตอรี่ Fitness Trackers ด้วยว่าใช้งานต่อเนื่องได้กี่วัน