ว่าด้วยเรื่อง "ความอ้วน" ถ้าไม่ระวังโรคภัยต่างๆ จะถามหา

09 กุมภาพันธ์ 2560

ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ มากมายซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพย่ำแย่ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป

โดย...ภาดนุ ภาพ เอพี/เอเอฟพี

ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ มากมายซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพย่ำแย่ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะทุกคนสามารถระมัดระวังไม่ให้ตัวเองเป็นโรคอ้วนได้ ด้วยการสังเกตดูน้ำหนักของตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ

เราสามารถประเมินตัวเองว่าเป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกินหรือไม่ โดยการวัดค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) ซึ่งเป็นการวัดค่าไขมันในร่างกายโดยเทียบกับส่วนสูง น้ำหนัก และค่าดัชนีมวลกาย โดยใช้สูตรง่ายๆ ดังนี้

BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) X 2

เช่น หากสูง 170 ซม. และหนัก 55 กก. ค่า BMI จะเท่ากับ 55/(1.7) X 2 = 19.03 โดยประมาณ ซึ่งในวัยผู้ใหญ่ หากค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5-24.9 ก็ถือว่าน้ำหนักตัวยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้าค่า BMI อยู่ที่ 25-29.9 แสดงว่าน้ำหนักตัวเกิน และถ้าค่า BMI เท่ากับ 30 หรือมากกว่า นั่นหมายความว่า คุณกำลังเป็นโรคอ้วนแล้วล่ะ

ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนถือเป็นอันตรายต่อชีวิต เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต และมะเร็งถุงน้ำดี

ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะทำให้หายใจลำบาก มีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ปัญหาทางผิวหนัง และทำให้มีบุตรยากอีกด้วย

ข้อสังเกต : จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก พบว่า ทั่วโลกมีคนในวัยผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินมากกว่า 1,000 ล้านคน และอย่างน้อย 300 ล้านคนในจำนวนนี้เป็นโรคอ้วน

เพิ่มน้ำหนัก ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง

จากการศึกษาของคณะวิจัยมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ พบว่า ชายและหญิงที่มีไขมันในร่างกายและสัดส่วนรอบเอวต่อรอบสะโพกสูง จะมีโอกาสเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในขณะที่ปัจจัยในวัยเด็ก เช่น น้ำหนักแรกคลอด และภาวะโภชนาการ ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานน้อยมาก ซึ่งงานวิจัยดังกล่าวอาจช่วยลดความเชื่อที่ว่า สุขภาพที่ไม่ดีในบั้นปลายชีวิต เป็นผลมาจากการใช้ชีวิตก่อนหน้านี้

ข้อสังเกต : จากการรวบรวมข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า มีประชากรประมาณ 150 ล้านคนทั่วโลกเป็นโรคเบาหวาน และตัวเลขนี้อาจเพิ่มเป็น
2 เท่าภายในปี 2025

งานบ้านขจัดไขมัน

คุณผู้อ่านทราบไหมว่า การทำงานบ้านทุกวันสามารถเผาผลาญน้ำหนักส่วนเกินออกไปได้ รายการต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกิจกรรมที่ใช้พลังงาน (แคลอรี) ในระดับต่างกัน สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ย 70 กก. แต่ถ้าน้ำหนักของเรามากหรือน้อยกว่านี้ ก็จะใช้พลังงานแตกต่างกันออกไปด้วย

- เลี้ยงหลาน (แต่งตัวหรือป้อนอาหาร) ใช้พลังงาน 211-246 แคลอรี/ชั่วโมง

- เล่นกับหลาน ใช้พลังงาน 281-352 แคลอรี/ชั่วโมง

- ทำความสะอาดบ้าน ใช้พลังงาน 176-317 แคลอรี/ชั่วโมง

- ทำสวน ใช้พลังงาน 352 แคลอรี/ชั่วโมง

- ตัดหญ้าในสนาม ใช้พลังงาน 176-387 แคลอรี/ชั่วโมง

- เคลื่อนย้ายเครื่องเรือน ใช้พลังงาน 422 แคลอรี/ชั่วโมง

- ทาสีบ้านหรือติดวอลเปเปอร์ ใช้พลังงาน 317 แคลอรี/ชั่วโมง

- กวาดถนน ใช้พลังงาน 281 แคลอรี/ชั่วโมง

ได้อัพเดทเกร็ดความรู้ว่าด้วยเรื่องความอ้วนกันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่คุณผู้อ่านจะต้องลุกขึ้นมาปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของตัวเองซะใหม่แล้วล่ะ ถ้าทำได้รับรองว่าโรคภัยต่างๆ จะไม่ถามหา และโรคอ้วนจะไม่มาเบียดเบียนแน่นอน

Thailand Web Stat