บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์
เริ่มต้นปี 2017 ด้วยความสำเร็จ สำหรับ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์
โดย...นูโน่
เริ่มต้นปี 2017 ด้วยความสำเร็จ สำหรับ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ตั้งแต่รายการแรกของปีในศึกแบดมินตัน “ปริ๊นเซสสิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2017” เมื่อสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความยินดีของแฟนกีฬาชาวไทยเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ต่อจาก รัชนก อินทนนท์ ที่ครองถ้วยหญิงเดี่ยวเมื่อปีที่แล้ว
แต่นอกจากกีฬาแบดมินตันที่ทุ่มเทให้ทั้งชีวิตและจิตใจมาตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า นักตบขนไก่สาวมือ 2 ของไทย ยังเป็นแฟนกีฬาวอลเลย์บอลและขี่ม้าอีกด้วย
“จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยได้ติดตามกีฬาอื่นเท่าไหร่ เพราะซ้อมแบดก็แทบทั้งวันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีการแข่งขันแมตช์ใหญ่ๆ ที่นักกีฬาไทยลงแข่งก็ติดตามเหมือนกัน เช่น วอลเลย์บอล และขี่ม้าค่ะ” บุศนันทน์ เผย
จุดเริ่มต้นของการหันมาให้ความสนใจกีฬาวอลเลย์บอลของเธอ อาจจะไม่แตกต่างจากแฟนกีฬาทั่วไปที่ชื่่นชมในผลงานอันยอดเยี่ยมของเหล่านักตบลูกยางสาวไทย ที่มอบความสุขและสนุกให้กับผู้ชมแทบทุกครั้ง ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ
เมื่อบวกกับความใกล้ชิดในฐานะนักกีฬาทีมชาติด้วยกัน ยิ่งทำให้อยากติดตามผลงานมากขึ้น
“ตอนไปเล่นเวตที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มีโอกาสได้เจอกับพี่เขาบ่อยๆ และแอบไปดูพี่เขาซ้อมบ้าง ก็รู้สึกว่าเขาดูใจดีและเป็นกันเองมากๆ ส่วนตัวแล้วชื่นชมพี่ๆ ทุกคนมาก ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศ”
ส่วนกีฬาขี่ม้านั้น มาจากคนใกล้ตัวโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเพื่อนสนิทกับ เสียงซอ เลิศรัตนชัย นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทย และเพื่อนร่วมคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลยมีโอกาสได้คุยกันบ่อย ทำให้กลายเป็นความสนใจไปโดยปริยาย
“ตอนแรกแทบไม่รู้จักกีฬาชนิดนี้เลย แต่พอรู้จักกับเสียงซอ ก็เริ่มสนใจแล้วก็อยากไปเห็นบรรยากาศจริงๆ รู้สึกว่ามันตื่นเต้น ลุ้นทุกครั้งให้ม้ากระโดดข้ามรั้วให้ได้ มันดูสง่า ดูเท่เวลาอยู่บนหลังม้า อีกอย่างมันเป็นเรื่องพิเศษ เพราะเพื่อนบอกอยู่เสมอว่าเป็นเรื่องยากมากที่ 1 คนกับอีก 1 ตัว ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ แล้วสู้ไปพร้อมๆ กัน”
ต่างกับกีฬาแบดมินตัน ซึ่งเล่นอยู่ในประเภทเดี่ยว ขึ้นอยู่กับตัวเอง และด้วยความแตกต่างตรงนี้ทำให้มีความน่าสนใจสำหรับบุศนันทน์
อย่างไรก็ตาม ด้วยบทบาทของนักกีฬาเหมือนกัน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปให้กำลังใจข้างสนาม แต่ก็พยายามติดตามทุกครั้งที่มีแมตช์แข่งขันใหญ่ โดยแมตช์ที่ประทับใจมากที่สุดคือ การมีโอกาสได้ไปเชียร์และให้กำลังใจเพื่อนสนิทที่สนาม ในการแข่งขันขี่ม้ารายการ “ปริ๊นเซส คัพ ไทยแลนด์ 2016”
“เป็นครั้งแรกที่ได้ไปดูเสียงซอลงแข่งขัน ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเพื่อนในสนาม” นักศึกษาปี 3 กล่าว
ครั้งนั้น เสียงซอ คว้าอันดับ 2 การแข่งขันประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ความสูง 110-120 ซม. โดยทำเวลาพ่ายพี่สาว สายลับ และคว้าอันดับ 6 กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ความสูง 140 ซม.
บุศนันทน์ ยืนยันว่าเสียงเชียร์มีส่วนช่วยมากๆ สำหรับนักกีฬาทุกคน ทุกกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคว้าแชมป์ล่าสุดในบ้านของเธอ ที่มีแฟนกีฬามาเชียร์ มาให้กำลังใจเยอะมาก
“เวลาเราอยู่ในสนามพอได้ยินเสียงเชียร์ดังๆ และพอมองไปรอบๆ เห็นคนเยอะๆ คอยตะโกนเชียร์ มันเหมือนมีพลังพิเศษ ทำให้เราฮึดสู้ทุกลูก มีกำลังใจที่จะวิ่งต่อไป และอยากทำให้พวกเราได้ภูมิใจและดีใจไปด้วยกัน”
สำหรับปีนี้ บุศนันทน์ ซึ่งรับใช้ชาติต่อทันทีในศึกทีมผสมชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนาม หลังคว้าแชมป์ ตั้งเป้าอยากติดท็อป 10 ของโลกให้ได้ ส่วนเป้าหมายสูงสุดในชีวิตก็เหมือนกับนักกีฬาหลายๆ คน นั่นคือ อยากเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ และคว้าเหรียญรางวัลกลับมาให้ได้
ไม่เพียงแค่ในวันที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่นักตบขนไก่วัย 20 ปี ย้ำว่า ในยามพ่ายแพ้ กำลังใจจากแฟนๆ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หลังหลายครั้งนักกีฬาจะโดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักเมื่อทำ
ผลงานน่าผิดหวัง
“กีฬามันก็มีวันที่เล่นดี ไม่ดี มีแพ้มีชนะ มันไม่มีใครที่จะชนะตลอด และก็ไม่มีใครที่แพ้ตลอด สำหรับครีมแล้ว แค่คิดว่าเราซ้อมอะไรมาบ้าง เตรียมตัวมาดีขนาดไหน และพอลงแข่งก็แค่เอาสิ่งที่เราซ้อมออกมาใช้ให้เต็มที่ แค่นี้ถือว่าเราพัฒนาขึ้นแล้ว สิ่งที่นักกีฬาต้องการคือกำลังใจ เพราะเราเองเวลาแข่งแน่นอนว่าต้องอยากชนะอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากแพ้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า พอแพ้แล้วเราได้อะไรจากการแพ้แต่ละครั้งมากกว่า” บุศนันทน์ ทิ้งท้าย