posttoday

รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา หนุ่มนักบริหารมาดสุขุม

23 มีนาคม 2560

เบนซ์-รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา ผู้บริหารหนุ่มโปรไฟล์เริ่ด แต่เก็บตัวเหมือนเป็นหนุ่มโลว์โปรไฟล์นี้ กลายเป็นที่รู้จักในวงสังคม

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

เบนซ์-รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา ผู้บริหารหนุ่มโปรไฟล์เริ่ด แต่เก็บตัวเหมือนเป็นหนุ่มโลว์โปรไฟล์นี้ กลายเป็นที่รู้จักในวงสังคม หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเขาได้ลั่นระฆังวิวาห์กับสาวสังคมคนดัง ดีกรีนางเอกละคร เจ้าแม่โฆษณาอย่าง พอลลี่-พรพรรณ สิทธินววิธ หลังจากคบหาดูใจกันได้ไม่นาน

งานนี้ทำเอาหลายคนอยากเข้าไปทำความรู้จักเหลือเกินว่าชายหนุ่มมาดสุขุมและอบอุ่นคนนี้เป็นใคร เพราะถึงลองค้นหาความเป็นมาของเขาดู ก็บอกเลยว่าเรื่องนี้อากู๋ (กูเกิล) ยังต้องยอมแพ้

เส้นทางชีวิตของเบนซ์ ถ้าเปรียบเทียบเป็นการเดินทาง ต้องบอกว่าเป็นการเดินทางที่มีจุดหมาย แต่คำจำกัดความของปลายทางอาจไม่ใช่การเดินทางไปให้ถึงเท่านั้น แต่เป็นการสั่งสมความสำเร็จในทุกย่างก้าวเพื่อไปถึง ปัจจุบันผู้บริหารหนุ่มในวัย 36 ปี  นั่งแท่น Chief Operation Officer (COO) ของบริษัท ไทยสตีลอิมปอร์ต ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่นสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ในฐานะทายาทรุ่นที่ 3

เห็นลุคปราดเปรียว บริหารงานอย่างเฉียบขาด ใครจะคิดว่าเบนซ์ไม่ได้มีดีกรีในสายบริหารหรือการตลาดตามสูตรสำเร็จของผู้บริหารทั่วไป แต่เขาคือบัณฑิตหนุ่มนักกฎหมาย ที่เคยฝันอยากเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในระบบกฎหมายไทยมาก่อน

รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา หนุ่มนักบริหารมาดสุขุม

“หลังจากจบไฮสกูลที่สิงคโปร์ ผมตัดสินใจเรียนต่อคณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะสนใจเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ในสังคม ในแง่ตัวบทกฎหมายว่ามีกลไกอย่างไร แต่ด้วยความที่ออสเตรเลียมีข้อกำหนดว่า นักศึกษาต่างชาติไม่สามารถเรียนวิชากฎหมายอย่างเดียวได้ ต้องเรียนคู่กับคณะอื่นด้วย ผมเลยเลือกสายการเงินคู่ไปด้วย เพราะตอนนั้นผมสนใจพวกกฎหมายเอกชนเกี่ยวกับการทำสัญญาการเงินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอปรึกษาที่บ้านก็เห็นด้วย เพราะถ้าเรียนด้านการเงินควบคู่ จะทำให้ผมมีความรู้เรื่องตลาดเงินและตลาดทุน สามารถต่อยอดนำไปใช้ทำอาชีพในอนาคตด้วย”

เบนซ์ใช้เวลาเรียนปริญญาตรีเบ็ดเสร็จ 5 ปี จึงตัดสินใจกลับมาทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เขาบอกว่า เมื่อมองย้อนกลับไป ยังรู้สึกดีใจที่ตัวเองได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ได้เรียนในสิ่งที่รักและสนใจ บวกกับสามารถเอามาต่อยอดในการทำงานได้ 5 ปีในการทำงานด้านกฎหมาย สนุกครบรส ถึงงานจะหนัก แต่ก็ได้เรียนรู้ และท้าทาย ได้เป็นส่วนหนึ่งในฟันเฟืองของระบบกฎหมายที่เขาวาดหวังไว้สมใจ

“งานสนุกมาก แต่ก็แลกกับเวลาในชีวิตมากเหลือเกิน เพราะช่วงทำงานทางบริษัทให้ผมไปเรียนปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่มด้วย เพราะอยากให้เรามีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายไทยเพิ่มเติม ช่วงทำงานอยู่ที่บริษัทกฎหมาย ผมรู้สึกว่าผมบาลานซ์ชีวิตการทำงานและส่วนตัวไม่ได้ บวกกับมาถึงจุดที่ผมมองว่า รู้สึกว่าคุณพ่อแก่ขึ้นเยอะ ธุรกิจตรงนี้เป็นสิ่งที่เลี้ยงดูเรามา ถึงเวลาแล้วที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว เลยตัดสินใจลาออกจากงานเข้ามาทำงานที่บ้านแทน”

รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา หนุ่มนักบริหารมาดสุขุม

แม้จะเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจ แต่เพราะเป็นการเปลี่ยนสายงานแบบหน้ามือเป็นหลังมือ บวกกับเบนซ์ต้องการเรียนรู้งานจากรากฐานของบริษัท ตำแหน่งแรกที่เขาเข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว จึงไม่ใช่ตำแหน่งสวยหรูในฐานะบอร์ดบริหาร แต่เริ่มต้นจากงานในฝ่ายขาย เพื่อใกล้ชิดกับลูกค้าของบริษัทให้มากที่สุด

“ด้วยความที่เราใหม่มากในธุรกิจนี้ ผมมองว่าถ้าเริ่มต้นจากฝ่ายขายจะได้ศึกษาว่าลูกค้าของเรามีพฤติกรรมการซื้ออย่างไรก่อนน่าจะดี ผมทำอยู่ครึ่งปี พอได้ความรู้ ได้ไอเดีย ก็นำความรู้นี้ไปทำงานต่อในฝ่ายจัดซื้อ จากจัดซื้อ ผมเริ่มอยากศึกษาเรื่องคน อยากพัฒนาองค์กรโดยเริ่มจากคน ผมย้ายไปทำงานในแผนกบุคคล ระหว่างนั้นก็ดูแลงานในส่วนกฎหมาย การทำสัญญาที่ผมถนัดไปด้วย”

เบนซ์ บอกว่า เพราะข้ามสายงาน ทำให้กราฟการเรียนรู้ของเขาในช่วงนั้นชันมาก แต่เขาพร้อมที่จะเรียนรู้ เขาเชื่อว่าการฝึกฝนและความพยายาม ให้เวลากับสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ สักวันจะเกิดผล เพราะไม่มีอะไรที่เกินความตั้งใจของคนเราไปได้

รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา หนุ่มนักบริหารมาดสุขุม

“ผมให้ความสำคัญเรื่องคนมาก ผมมองว่าหน้าที่ของผู้บริหารหรือองค์กรก็ดี มีหน้าที่มองหามุกน้ำงามในบริษัทให้เจอ จากนั้นเจียระไนและส่งเสริมไปให้สุด ผมมองความสำเร็จขององค์กรว่าเหมือนกับต้นไม้ หลายครั้งที่เราเผลอมองแต่ใบ ดอก กิ่ง จนลืมมองส่วนที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ราก ต้นไม้จะโตไม่ได้ถ้ารากไม่แข็งแรง  เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ผลที่ยั่งยืน ผมว่าต้องเริ่มจากรากที่แข็งแรง ผมไม่กลัวว่าต้นไม้ของเราจะมีแต่รากและลำต้น แต่ไม่ผลิใบออกผล เพราะถ้ารากแข็งแรง ต่อให้ลมพัดมาต้นก็แค่สั่นไหวแต่ไม่พัง”

7 ปีมาแล้วที่เบนซ์เข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ของธุรกิจครอบครัว เขาบอกว่าทุกวันยังมีเรื่องให้คิดให้แก้ไข มีความทุ่มเทกับการพัฒนาสิ่งเล็กในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อว่าสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ในอนาคตจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

“ในอนาคตผมตั้งเป้าว่าจะสานต่อธุรกิจของที่บ้านให้ดีที่สุด พร้อมทำให้องค์กรของเราเป็นองค์กรที่สามารถเติมเต็มและดึงศักยภาพของพนักงานออกมาให้ได้มากที่สุด  ผมไม่เร่งสร้างความเติบโต แต่ขอโตแบบช้าๆ แต่แข็งแรง” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย