สวรรค์นักชิม ‘อิมพีเรียล โตเกียว’
นอกจากจะเป็นที่พักซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกสบายและอบอุ่นใจแล้ว “โรงแรมอิมพีเรียล”
โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง
นอกจากจะเป็นที่พักซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกสบายและอบอุ่นใจแล้ว “โรงแรมอิมพีเรียล” ณ มหานครโตเกียวนั้นยังนับเป็น “สวรรค์” ของนักชิมผู้แสวงหาอาหารอร่อย เพราะภายในอาณาบริเวณกว้างใหญ่ของโรงแรมนี้มีร้านอาหาร บาร์ และเลานจ์เกือบ 20 ร้าน ซึ่งสามารถรองรับตอบสนองทุกความต้องการได้
มื้อค่ำมื้อแรกของเราที่ คามอง (Kamon) ร้านเทปปันยะกินี้มอบประสบการณ์อันน่าตื่นตา เมื่อเชฟมาปรุงอาหารให้ได้ชมตรงหน้า กลิ่นอาหารอันเย้ายวน เสียงอุปกรณ์การรับประทานดังเคล้าไปกับเสียงพูดคุยอย่างออกรสชาติของคนร่วมโต๊ะ ขณะที่สาเกร้อน-เย็น ซึ่งแพริ่งกับอาหารถูกนำมาเสิร์ฟ (แก้วสาเกแต่ละชิ้นแตกต่างกัน พนักงานให้เราเลือกชิ้นที่ชอบได้อีก) ร้านนี้สร้างความพึงพอใจให้คนชอบเนื้ออย่างสูงสุด เพราะไม่ได้มีแค่เนื้อวางุ โกเบ หรือ มัตสึซากะ ที่คุ้นเคยเท่านั้น แต่ยังมีเนื้อซากะ อิบารากิ ไซตามะ กันมะ ฯลฯ จากผู้ผลิตชั้นเยี่ยมไว้ให้บริการ เรียกได้ว่าสุดยอดเนื้อมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ นอกจากนั้นยังมีอาหารทะเลและผักสดๆ เป็นทางเลือก คนญี่ปุ่นจะรับประทานเนื้อกับเกลือและวาซาบิเล็กน้อย รสชาติออกมากลมกล่อมแตกต่าง อาหารเทปปันยะกิไม่จำเป็นต้องปรุงให้ซับซ้อน เพียงมีวัตถุดิบชั้นดี ปรุงสดใหม่ เท่านี้ก็อร่อยล้ำ
ภายในโรงแรมแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านอาหารฝรั่งเศส ซึ่งโด่งดังระดับประเทศ เลส์ เซซงส์ (Les Saisons) ดูแลโดย เชฟตีแยรี วัวแซง ผู้สั่งสมประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารมิชลินสตาร์ในฝรั่งเศสมาจนเชี่ยวชาญ มื้อเช้าของเลส์ เซซงส์อลังการล้ำทั้งสวยงามและอร่อย เมื่อสูตรและวิธีการปรุงแบบฝรั่งเศสดั้งเดิมผสมผสานสร้างสรรค์ด้วยหนทางและความรู้สึกใหม่ เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยน้ำผลไม้แสนสดชื่นตามด้วยขนมปังและแยมโฮมเมด ไข่คนกับเห็ดทรัฟเฟิลสีดำ ปลาเทราต์จากภูเขาฟูจิรมควัน ปลาอะคามัตสุหนังกรอบเสิร์ฟพร้อมผัก ชีส โยเกิร์ต ผลไม้ และเค้ก เมนูอันเป็นซิกเนเจอร์ของร้านนี้ คือ ขนมปังไส้ทรัฟเฟิล ซึ่งเชฟมิชลิน 3 ดาว เจอราร์ด โบเยอร์ สอนให้กับเชฟตีแยรี วัวแซง แป้งพายห่อหุ้มเห็ดทรัฟเฟิลและฟัวกราส์เสิร์ฟพร้อมซอส ด้วยอาหารและบรรยากาศทำให้แต่ละวันมีลูกค้าจองเข้ามาลิ้มลองความอร่อยมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นนักธุรกิจในชุดสูทซึ่งมารับประทานอาหารเช้าพร้อมพูดคุยธุรกิจ ที่นี่ยังมีห้องส่วนตัวไว้บริการด้วย
ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความเป็นมายาวนาน โตเกียว นาดามัน (Tokyo Nadaman) ในมื้อเที่ยงให้บริการเซตเมนูที่หลากหลาย ใครชอบอาหารเส้นแนะนำให้สั่งชุดโซบะ สาวๆ อาจจะต้องการอาหารเบาๆ ก็ต้องสั่งชุดปลา นอกจากนั้นก็มีชุดเนื้อ ชุดเทมปุระ หากเป็นมื้อค่ำที่ไม่เร่งร้อนเร่งรีบควรลองไคเซกิ ซึ่งก็คือชุดอาหารที่บริการทีละคอร์สตามลำดับแบบธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่พิถีพิถันทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบ การปรุงแต่ง และกรรมวิธี นับเป็น “ศิลปะแห่งอาหารญี่ปุ่น” ชุดอาหารของนาดามันมีใบไม้ดอกไม้ตามฤดูกาลตกแต่งมาอย่างสวย บรรยากาศร้านก็สบายหูสบายตา ทำให้เจริญอาหาร มีทั้งที่นั่งกับพื้นแบบญี่ปุ่นและโต๊ะแบบตะวันตก นาดามันสาขาที่โรงแรมอิมพีเรียลนี้อยู่ยืนยาวมาเกือบ 50 ปีด้วยคุณภาพที่ไม่ทำให้ใครผิดหวัง
ส่วน โตเกียว คิตโช (Tokyo Kitcho) เป็นสาขาของร้านอาหารซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เป็นร้านแนะนำสำหรับคนที่อยากรับประทานอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น มื้อค่ำของเราที่นี่เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วยไวน์บ๊วยหรืออูเมชู ก่อนจะเสิร์ฟซุป ปลาดิบ ออร์เดิร์ฟซึ่งรวมถึง มิลก์ ออฟ ค็อด หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ชิราโกะ ซึ่งก็คือ ถุงหรือท่อเก็บน้ำอสุจิปลานั่นเอง! อย่าให้ความแปลกมาหยุดยั้งคุณได้ ลองชิมดูจะพบกับความข้นมันอารมณ์คล้ายครีมคัสตาร์ด ต่อด้วยอาหารย่าง เคี่ยว หรือตุ๋น ข้าวและของหวาน มื้อนี้มีผักและปลาตามฤดูกาลซึ่งหารับประทานยากเป็นส่วนหนึ่งด้วย ปิดท้ายด้วยชาเขียวอันแสนอร่อยและเข้มข้น ตลอดมื้อนี้พนักงานหญิงในชุดกิโมโนดูแลและแนะนำแต่ละเมนูให้รู้อย่างดี ความสวยงามของแต่ละจานก็ไม่ด้อยไปกว่าความอร่อยเลย
ใครมาสายซูชิ ต้องไม่พลาด นากาตะ (Nakata) หนึ่งในร้านซูชิยอดนิยมของโตเกียว นำเสนอเมนู “โตเกียวสไตล์” ด้วยการนำสูตรดั้งเดิมมาสร้างสรรค์ใหม่ชนิดที่อาจจะทำให้ลืมซูชิแบบอื่นๆ ที่เคยกินไปเลย ส่วน อิเซะโช (Isecho) เป็นร้านกินดื่มอายุราวร้อยปี ให้บริการอาหารเกียวโตแบบดั้งเดิม อีกหนึ่งร้านยอดนิยมในโรงแรมนี้ คือ อิมพีเรียล ไวกิ้ง ซอล (The Imperial Viking Sal) ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แห่งแรกๆ ในญี่ปุ่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1958 จนถึงทุกวันนี้คนญี่ปุ่นยังคงเรียกอาหารบุฟเฟ่ต์ว่าไวกิ้งอยู่เลย อีกหนึ่งร้านอาหารฝรั่งเศส คือ ลา บราสเซอรี (La Brasserie) นำเสนอเมนูคลาสสิกในบรรยากาศอาร์ตนูโวราวกับอยู่ปารีส คนชอบไวน์มีทางเลือกมากมายที่นี่ หากปรารถนาจะเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นแบบลึกซึ้ง โตโก-อัน (TOKO-AN) ห้องจัดพิธีชงและเสิร์ฟชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นคือพลาดไม่ได้
ตลอดร้อยกว่าปีที่เปิดทำการมา โรงแรมอิมพีเรียลมีโอกาสต้อนรับผู้ที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ย้อนเวลากลับไปในปี 1954 นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ชาวอเมริกัน มาริลีน มอนโร ที่เพิ่งแต่งงานกับ โจ ดิแมกจิโอ อดีตนักเบสบอลชื่อดัง ทั้งสองควงคู่กันมาฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นและพักที่โรงแรมอิมพีเรียล เช้าวันหนึ่งซูเปอร์สตาร์สาวจากฮอลลีวู้ดก็สั่ง เนื้อแกะย่างบนกระทะ ขนมปังเมลบา (แห้ง กรอบ บาง) และนมอุ่นมาเป็นอาหารเช้า เวลาผ่านไป ทุกวันนี้ Marilyn Monroe Breakfast ยังมีให้สั่งที่โรงแรม ซึ่งผู้เขียนลองมาแล้ว อาจจะเป็นอาหารเช้าที่แปลกไปสักนิด หนักไปสักหน่อย แต่ก็อร่อยไม่เหมือนใคร หลังจากมื้อเช้าแบบมาริลีน มอนโร เราก็มีโอกาสได้ชิมขนมอร่อย และหน้าตาดีฝีมือเชฟรุ่นใหม่ของโรงแรม ซึ่งไปชนะรางวัลที่ 1 ระดับโลกมาในปี 2015 ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนคนดีมีฝีมือทำให้โรงแรมนี้มีบุคลากรที่จะมาสืบสานตำนานความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น
สวรรค์นักชิมอย่างโรงแรมอิมพีเรียล โตเกียว ตั้งอยู่ในเขตชิโยดะ ใจกลางมหานครโตเกียว สถานีรถที่ใกล้สุดคือ รถใต้ดินสถานีฮิบิยะ (รายละเอียดร้านและจองโต๊ะผ่าน www.imperialhotel.co.jp)