สราญใจที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
หากรู้สึกจำเจกับการต้องพบปะตามห้างสรรพสินค้า ที่คนจอแจหิ้วถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรัง
โดย...นกขุนทอง ภาพ : กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร
หากรู้สึกจำเจกับการต้องพบปะตามห้างสรรพสินค้า ที่คนจอแจหิ้วถุงช็อปปิ้งพะรุงพะรัง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นแหล่งนัดพบเพื่อความสราญใจ เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่งานศิลปะ แต่ยังมีกิจกรรมการแสดงอื่นๆ ด้วย รวมไปจนถึงร้านค้าที่ให้คุณช็อปปิ้ง หรือจะนั่งดื่มในมุมสบายๆ พักผ่อนหย่อนใจก็มีให้เลือกสรร
พื้นที่นี้เปิดให้ทุกผู้ทุกวัยมาซึมซับศิลปวัฒนธรรมได้อย่างไม่รู้ตัวเลยเทียว โดยชั้น 3 มีทางเดินเชื่อมต่อกับทางยกระดับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะมาใช้บริการชมศิลป์กลางกรุง
artHUB@bacc คือ โซนของร้านอาหาร ร้านค้าของที่ระลึก ที่ครอบคลุมพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์ของหอศิลป์กรุงเทพฯ ตั้งแต่บริเวณชั้น 1-4 เป็นพื้นที่รวบรวมความหลากหลายความแตกต่างของร้านค้า ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนและมากด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพราะทุกร้านที่อยู่ในโซนนี้ได้รับโจทย์เหมือนกัน คือเน้นคอนเซ็ปต์ความเป็นศิลปะและต้องไม่เหมือนใคร โดยความเป็นศิลปะนี้จะถูกถ่ายทอดออกผ่านทางรูปแบบของการสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ รวมเป็นถึงการตกแต่งร้าน
แนะนำร้านน้องใหม่ คือ สวนชั้น 1 "It's going green" ที่มีแนวคิดทำร้านค้าให้เป็นเหมือนสวนที่ค่อยๆ เติบโตและแผ่ขยายสิ่งดีๆ มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค สินค้าจะมีทั้งของสด ของอุปโภค บริโภค ที่คัดสรรให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมีงานคราฟต์ดีๆ เช่น ผักสดออร์แกนิก น้ำผลไม้สด 100% น้ำมันมะพร้าว ซีอิ๊วที่ทำแบบกรรมวิธีโบราณ ไม่ใส่สารใดๆ ปลาเค็มจากประมงพื้นบ้าน สบู่ ยาสระผม เสื้อผ้าเส้นใยธรรมชาติ แชมพูสำหรับทาสหมาทาสแมวที่มีหัวใจออร์แกนิกด้วย
ชั้น 1 ยังมีร้านกาแฟ Gallery กาแฟดริป ร้านขายจักรยาน ชั้น 2-3 พื้นที่ระหว่างทางเดินนอกจากจะมีการศิลปะจัดแสดงประปราย ยังมีรับจ้างเขียนภาพเหมือน ภาพล้อเลียน มีร้ายขายเครื่องประดับแฮนด์เมด ฯลฯ ชั้น 4 จะมีร้านอาหารหลายร้าน เช่น ร้านเลอปลาแดก (Le Pla Daak) สำหรับคอส้มตำที่อยากแซ่บก็มีเมนูให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าอยากลิ้มรสชาติที่แปลกใหม่และหารับประทานยากต้องเมนูส้มตำบัวสาย ที่นำไหลบัวมาคลุกกับน้ำปรุงที่กลมกล่อมด้วยถั่วตัด ถั่วคั่ว ไม่เพียงมีร้านอาหาร แต่ชั้น 4 ยังมีร้านเพชร Moncher ที่ออกแบบเครื่องประดับตามตามบุคลิกและราศีผู้สวมใส่
ขึ้นมาถึงชั้น 7-9 (หรือชั้นอื่นบ้างประปรายตามคอนเซ็ปต์งาน) เป็นโซนจัดแสดงผลงานศิลปะ ตอนนี้มีนิทรรศการให้ได้ชมกันยาวๆ คือ ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 7 จัดแสดง “ความสุขของคนไทย ใต้ร่มพระบารมี 70 ปีแห่งการครองราชย์" (แสดงถึงวันที่ 2 ก.ค.) นำเสนอผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์และสื่อผสม ในรูปแบบเหมือนจริง ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดศิลปกรรมช้างเผือก ครั้งที่ 6 ประจำปี 2560
ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 8 มีส่วนหนึ่งของโครงการ "Condition Report" (จัดแสดงถึงวันที่ 2 ก.ค.) โครงการศิลปะเชิงปฏิบัติการร่วมกันระหว่างภัณฑารักษ์จากญี่ปุ่นและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อบ่มเพาะภัณฑารักษ์รุ่นใหม่ผ่านการทำงานร่วมกันกับภัณฑารักษ์ผู้มีประสบการณ์ รยางค์สัมพันธ์ Mode of Liaisons เป็นนิทรรศการสุดท้ายโดยภัณฑารักษ์รุ่นใหญ่ในกรุงเทพฯ
ห้องนิทรรศการหลัก ชั้น 9 นิทรรศการ CROSSING THE DATELINE (แสดงถึงวันที่ 4 มิ.ย.) เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มศิลปินไทยและต่างประเทศ 9 คน และศิลปินร่วมอีก 1 คน ที่มีโอกาสเดินทางไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทัศนคติเกี่ยวกับชีวิตและศิลปะ ณ โครงการศิลปินพำนักเวอร์มอน์ สตูดิโอ เซ็นเตอร์ รัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา จึงเกิดความคิดที่ต้องการนำเสนอบทสนทนาข้ามวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน ผ่านผลงานศิลปะรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ภาพถ่าย วาดเส้น สื่อผสม ศิลปะจัดวาง ศิลปะจัดวางเชิงปฏิสัมพันธ์ และวิดีโอจัดวาง เป็นต้น
นิทรรศการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ร้านค้าเองก็เช่นกันมีร้านใหม่ๆ ไอเดียดีๆ มาเติมเสมอ หากไม่รู้จะไปไหน ลองแวะไปหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร บริเวณสี่แยกปทุมวัน เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.bacc.or.th