สระว่ายน้ำระบบโอโซนฝีมือคนไทย
ต้องยอมรับว่าสระว่ายน้ำทั่วไปในประเทศไทย ใช้สารคลอรีนในการบำบัดน้ำ ซึ่งสารชนิดนี้กลายเป็นตัวการสำคัญในการก่อ
โดย...วรธาร
ต้องยอมรับว่าสระว่ายน้ำทั่วไปในประเทศไทย ใช้สารคลอรีนในการบำบัดน้ำ ซึ่งสารชนิดนี้กลายเป็นตัวการสำคัญในการก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำลายเนื้อเยื่อสายตา ทำให้ฟันผุกร่อน และมีสารตกค้างซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ด้วยเหตุนี้ รศ.ดร.ศิริวัฒน์ โพธิเวชกุล และ ผศ.ดร.นรเศรษฐ พัฒนเดช อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับนักศึกษาจึงได้พัฒนานวัตกรรมระบบเครื่องกำเนิดโอโซนเพื่อการบำบัดน้ำขึ้น และได้ทำการติดตั้งทดสอบระบบการทำงานที่เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ผลที่สระว่ายน้ำสมเด็จพระเทพฯ ขนาดสระ 1,500 ลูกบาศก์เมตร ภายในสถาบัน
“นวัตกรรมดังกล่าวเป็นการคิดค้นใหม่ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการผลิตก๊าซโอโซนระดับสูง แต่ยังช่วยประหยัดพลังงาน โดยใช้เทคโนโลยีสนามไฟฟ้าแรงดันไฟฟ้าสูง ความถี่สูง เพื่อให้เกิดกระบวนการแตกตัวด้วยกระบวนการโคโรน่าดีสชาร์จของออกซิเจนในอากาศ แล้วรวมตัวใหม่เป็นก๊าซโอโซน โดยมีการควบคุมการทำงาน การผสม และการควบคุมคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ ซึ่งผลจากการเดินเครื่องทดสอบพบว่ามีคุณภาพและผลวิเคราะห์เชื่อถือได้ สามารถนำไปเป็นต้นแบบผลิตในเชิงพาณิชย์ได้” รศ.ดร.ศิริวัฒน์ กล่าว
รศ.ดร.ศิริวัฒน์ ระบุถึงหลักการและเหตุผลในการพัฒนานวัตกรรมนี้ว่า เนื่องจากต้องการนำความรู้เชิงวิชาการขยายไปสู่การสร้างความปลอดภัยและยกคุณภาพชีวิตของคนไทย การใช้เทคโนโลยีก๊าซโอโซนเพื่อการบำบัดในสระว่ายน้ำ นับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีทางเลือกที่ถูกนำมาใช้ทดแทนคลอรีนเพื่อลดปัญหาพิษคลอรีนต่อสุขภาพของผู้ว่ายน้ำออกกำลังกาย
ที่ผ่านมา รศ.ดร.ศิริวัฒน์ บอกว่ามีการส่งเสริมอย่างจริงจังในการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำระดับโอลิมปิก ในส่วนของประเทศไทยได้มีการศึกษาผลกระทบการใช้คลอรีนบำบัดน้ำสระว่ายน้ำ และพบว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ทำให้กรุงเทพมหานครออกข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การประกอบการค้า ซึ่งเป็นที่รังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการจัดตั้งสระว่ายน้ำ พ.ศ. 2530 กำหนดให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดด่างอยู่ที่ 7.2-8.4 ซึ่งต้องควบคุมให้อยู่ในระดับนี้ทุกวันเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ
“ทว่าในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากที่จะควบคุมสภาพความเป็นกรดด่างของน้ำให้อยู่ในระดับ 7.0-8.5 จึงก่อให้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น สร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะดวงตาเพราะทำลายเนื้อเยื่อสายตา การผุกร่อนของฟัน โดยผลการวิจัยของกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พบว่านักกีฬาว่ายน้ำมีสภาพฟันผุกร่อนมากกว่าผู้ว่ายน้ำออกกำลังกายประมาณ 4.68 เท่า ขณะเด็กอายุ 5-6 ปี มีโอกาสทำให้ฟันแท้ที่กำลังเกิดใหม่มีภาวะสึกกร่อน รวมทั้งมีการวางเรียงตัวที่ผิดปกติผิดรูปร่างด้วย”
สำหรับการใช้โอโซนบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำแทนคลอรีน ช่วยให้น้ำที่ผ่านการบวนการบำบัดมีคุณภาพสูงและมีข้อดี ดังนี้
1.ไม่ทำให้ระคายเคืองตา แสบตา หรือทำให้ตาแดง แม้จะมีความเข้มข้นของโอโซนในน้ำสูงก็ตาม
2.ฆ่าเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เร็วกว่าคลอรีน 3,125 เท่า
3.สลายพิษจากปฏิกิริยาของคลอรีน ได้แก่ Chloramine ซึ่งมีกลิ่นไม่ค่อยดีและทำให้ระคายเคืองต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย และ Chloro-organic compounds หรือ Trihalomethanes (THMs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogenic) ได้
4.ออกซิไดซ์สารอินทรีย์ เช่น เสมหะ ปัสสาวะ ขี้ไคล และสารอนินทรีย์ เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เหล็ก แมงกานีส พบได้โดยทั่วไปในสระว่ายน้ำ ทำให้ตกตะกอนและน้ำดูใสขึ้นเมื่อผ่านระบบกรองและช่วยปรับสมดุล
5.ไม่ทำให้ความเป็นกรด-เบสของน้ำเปลี่ยนแปลง ซึ่งต่างจากการใช้คลอรีนที่จะทำให้ค่า PH เปลี่ยน ต้องเติมสารช่วยปรับค่า PH อยู่เรื่อยๆ
6.ก๊าซโอโซนผลิตได้จากก๊าซออกซิเจนซึ่งมีอยู่ในอากาศตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องจัดหาสารเคมีหรือสารตั้งต้นอื่นมาเติม ทำให้สะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้งานเป็นอย่างมาก
7.ยืดเวลาในการล้างไส้กรองของระบบกรองน้ำของสระว่ายน้ำ เพราะโอโซนจะไม่ทิ้งสารเคมีตกค้างในน้ำ เมื่อโอโซนทำปฏิกิริยาทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรคและสิ่งต่างๆ ในน้ำแล้วก็จะสลายตัวเป็นออกซิเจน จึงช่วยลดภาระการทางานของระบบกรองลงได้
8.ได้ออกซิเจนในน้ำเพิ่มขึ้นจากการสลายตัวของโอโซน ช่วยให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น
“เชื่อว่าอนาคตจะมีการสนับสนุนให้เลิกใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำที่สร้างใหม่ และให้ใช้เทคโนโลยีทดแทนอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของประชาชน ส่วนสระว่ายน้ำเดิมในประเทศไทยที่มีอยู่มากกว่า 1,000 แห่ง ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนกระบวนการบำบัดน้ำ ซึ่งการใช้ก๊าซโอโซนนับเป็นทางเลือกที่ได้รับการสนับสนุน” รศ.ดร.ศิริวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย