พงษ์ศักดิ์ สมบัติกิจตระกูล ปันความสุขผ่าน รีสอร์ท สโลว์ไลฟ์
ก่อนจะมาเป็นเจ้าของ “บ้านลีลาไทย รีสอร์ท แอนด์ สปา” ซึ่งเป็นรีสอร์ทเรือนไทยประยุกต์แอบอิงแนบชิดธรรมชาติ
โดย ภาดนุ
ก่อนจะมาเป็นเจ้าของ “บ้านลีลาไทย รีสอร์ท แอนด์ สปา” ซึ่งเป็นรีสอร์ทเรือนไทยประยุกต์แอบอิงแนบชิดธรรมชาติ รายล้อมด้วยสวน ด้านหนึ่งติดริมคลองน้ำใส เปี๊ยก-พงษ์ศักดิ์ สมบัติกิจตระกูล เล่าว่า เดิมทีเขามีอาชีพเป็นช่างเสริมสวยมานาน (ปัจจุบันก็ยังทำอยู่) แต่วันหนึ่งเขากับแฟนก็คุยกันว่า บ้านแฟนมีที่ดินซึ่งติดริมคลองอยู่ที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ซึ่งบรรยากาศดีมาก น่าจะปลูกเป็นเรือนไทยประยุกต์สัก 2 หลัง เพื่อเอาไว้อยู่เองตอนเลิกทำงานในกรุงเทพฯ
“ไปๆ มาๆ เมื่อเพื่อนๆ ชาวต่างชาติของผม ซึ่งมีทั้งชาวออสเตรเลีย อังกฤษ และญี่ปุ่น มีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ทำไมเราไม่แบ่งปันความสุขจากธรรมชาติสวยๆ ที่รายล้อมตัวเราแบบนี้ให้ผู้อื่นบ้าง พวกเขาเลยยุให้ผมทำรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์แนวสโลว์ไลฟ์ขึ้นมา ผมจึงปรึกษากับเพื่อนๆ และแฟนจนนำไปสู่การร่วมลงทุนเพื่อสร้างรีสอร์ทนี้ขึ้นมา
รีสอร์ทนี้มีที่ดินเป็นผืนยาวๆ คล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว ด้วยเนื้อที่ 5 ไร่ ตีขนาบไปกับสวนมะม่วงของเจ้าของอื่น ก่อนสร้างรีสอร์ทผมก็ระดมความคิดและปรึกษากับเพื่อนที่ร่วมลงทุนด้วยกันอยู่นาน โดยขั้นแรกเราทำเป็นโมเดลหรือแบบจำลองเรือนไทยที่เราต้องการสร้างจริงจำนวน 20 หลังขึ้นมาก่อน เพื่อล็อกตำแหน่งเรือนไทยแต่ละหลังตามแบบของที่ดิน พอโมเดลเสร็จเราก็มาคุยกันว่า ถ้าได้แบบนี้ก็ดีเลยล่ะ จากนั้นเราก็ร่วมลงทุนกันคนละหลายล้านบาทเลยล่ะ
ถามว่าทำไมต้องเป็นรีสอร์ทเรือนไทยน่ะเหรอ เหตุผลก็เพราะผมกับแฟนชอบบ้านสไตล์เรือนไทย แต่ถ้าเรือนไทยนั้นสร้างจากไม้อย่างเดียวมันก็จะดูแลรักษาลำบาก เราจึงสร้างเป็นเรือนไทยประยุกต์ร่วมสมัยที่ใช้วัสดุกึ่งปูนกึ่งไม้ ซึ่งก็ออกมาตรงใจเราทีเดียว”
พงษ์ศักดิ์ บอกว่า ระยะเวลาในการสร้างรีสอร์ท เฉพาะวางแผนและทำแบบจำลองขึ้นมาก็ใช้เวลาเกือบปี อีกอย่างแต่เดิมที่ดินผืนนี้เคยเป็นสวนมะม่วงมาก่อน จึงต้องใช้เวลาในการปรับเตรียมสถานที่อยู่นานพอสมควร กว่าจะสร้างเสร็จก็ใช้เวลาเป็นปีเช่นกัน จนออกมาเป็นเรือนไทยสไตล์รีสอร์ท 20 หลังอย่างที่เห็น ซึ่งเรือนหลังหนึ่งสามารถนอนได้เต็มที่ 4 คน เพราะมีชั้นลอยอยู่ในเรือนทุกหลัง
“ตั้งแต่เริ่มเปิดบ้านลีลาไทยมา ปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว โดยความหมายของชื่อก็บอกในตัวอยู่แล้วว่า ผู้ที่มาพักจะได้สัมผัสกับวิถีธรรมชาติ อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ ซึ่งเป็นการพักผ่อนที่เงียบสงบ จังหวะชีวิตเดินไปแบบช้าๆ เหมาะกับการหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงได้เป็นอย่างดี คนที่มาพักที่รีสอร์ทเรามีทั้งกลุ่มคณะที่มาจัดประชุมสัมมนา หลังๆ ก็เริ่มมีกลุ่มคนที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งจะมาพักที่นี่หรือมาจัดกิจกรรมที่นี่ทุกเดือน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักวิ่งมินิมาราธอนหรือมาราธอนก็มาเข้าพักเป็นระยะๆ เพราะ จ.สมุทรสาคร อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แล้วยังเป็นโลเกชั่นที่เหมาะสมในการจัดกิจกรรมแข่งขันวิ่งด้วย พวกเขาจึงมาจัดกิจกรรมในย่านนี้บ่อยๆ
สำหรับคนทั่วไปที่ตั้งใจมาสัมผัสวิถีธรรมชาติอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่แล้วจะวอล์กอินเข้ามาในช่วงวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เพราะที่รีสอร์ทจะเปิดร้านอาหาร ‘บ้านลีลาไทย’ ไว้ด้วย ส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่เคยมาพักที่นี่แล้วถูกใจกับบรรยากาศ หรือเคยมาลองรับประทานอาหารแล้วรู้สึกติดใจในรสชาติของอาหารที่นี่ ซึ่งถ้าจะมาแนะนำให้โทรเข้ามาจองล่วงหน้าก่อน เพราะแฟนผมจะเป็นเชฟลงมือทำอาหารเองทุกเมนูเลย เป็นเมนูไทยๆ ซึ่งจะคัดวัตถุดิบสดใหม่ในทุกๆ วัน เช่น น้ำพริกปลาทู น้ำพริกกะปิ แกงส้มกุ้งชะอมทอด ปลาทอด เป็นต้น”
พงษ์ศักดิ์ บอกว่า คนที่มาพักที่รีสอร์ทนอกจากจะได้รับประทานอาหารอร่อย สะอาด สดใหม่ ปลอดสารพิษแล้ว ยังได้สัมผัสกับธรรมชาติที่แวดล้อมด้วยสวนมะม่วง สวนมะพร้าว สวนกล้วย รวมทั้งคลองเล็กๆ น้ำใสๆ ขนานไปกับรีสอร์ทที่มีปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายไปมาให้เห็น มีต้นไม้ ดอกไม้ และเสียงนกร้องให้ได้ยิน แถมตอนเช้าใครที่ต้องการตื่นขึ้นมาใส่บาตรที่ท่าน้ำ ซึ่งจะมีพระสงฆ์พายเรือมารับบิณฑบาตริมคลองก็สามารถแจ้งกับทางรีสอร์ทได้เลย
“นอกจากนี้ เรายังมีบริการพานักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาตินั่งเรือหางยาวไปชมตลาดน้ำคลองดำเนินสะดวก ซึ่งเชื่อมต่อกับคลองที่อยู่หน้ารีสอร์ทอีกด้วย แต่อาจจะต้องตื่นเช้าสัก 6 โมงเช้าได้ พอชมตลาดสัก 3-4 ชั่วโมง ซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็ค่อยนั่งเรือหางยาวกลับมารีสอร์ทอีกที แล้วยังมีการจัดทริปไหว้พระ 9 วัดในย่านนี้แบบ 3 วัน 2 คืน ที่สามารถเดินทางโดยเรือไปตามวัดต่างๆ ในย่านนี้ให้กับลูกค้าด้วย ถ้าพูดถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วคนไทยจะเป็นคนพามาพัก หรืออาจจะเป็นเพื่อนหรือเป็นแขกของพวกเขาซะมากกว่า
อีกอย่างชาวบ้านบริเวณนี้จะทำสวนกันซะเยอะ เช่น ฝรั่ง แก้วมังกร มะพร้าว และลำไย เป็นต้น ซึ่งทางรีสอร์ทเราก็ปลูกพืชผักสวนครัวกินได้แซมไว้ตามพื้นที่ว่างๆ ด้วยเช่นกัน เรียกว่าได้บรรยากาศสงบเรียบง่ายในจังหวะชีวิตช้าๆ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตริมคลองดำเนินสะดวกที่เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 35 กม. และเชื่อมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ราชบุรี และสมุทรสงคราม เข้าด้วยกันให้สามารถเดินทางทางน้ำได้
ในอนาคตผมมองว่าประเทศไทยเรากำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แล้วเจ้าหน้าที่ของบ้านพักคนชราอย่าง ‘บ้านบางแค’ มักจะพาผู้สูงอายุมาสัมมนาและมาพักที่รีสอร์ทเราเป็นประจำทุกปี รวมทั้งชมรมผู้สูงอายุต่างๆ ที่พาเจ้าหน้าที่และวิทยากรมาอบรมเพื่อเรียนรู้การดูแลผู้สูงอายุ ทีนี้ก็มีผู้บริหารของบ้านบางแคเสนอไอเดียว่าเราน่าจะสร้างที่พักสำหรับผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ขึ้นมาบ้าง เรียกว่าให้มาพักผ่อนที่นี่โดยคิดค่าพักเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนพร้อมอาหารก็ดูน่าสนใจดี’
พงษ์ศักดิ์ เสริมว่า เมื่อคิดดูแล้วไอเดียนี้น่าจะเป็นไปได้ เพราะรีสอร์ทแต่ละหลังก็เป็นรีสอร์ทใต้ถุนสูงที่ได้ทำห้องน้ำชั้นล่างเผื่อไว้แล้วตั้งแต่เดิม ถ้าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นที่พักของผู้สูงอายุ โดยกั้นห้อง ใส่เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเข้าไปก็น่าจะเป็นไปได้ง่าย เพราะตอนนี้เขาได้ทดลองทำที่พักสำหรับผู้สูงอายุไว้แล้ว 2 หลังด้วยกัน
“ขอย้อนไปพูดถึงคอร์สปฏิบัติธรรมที่ได้เกริ่นไปนิดนึง ส่วนใหญ่แล้วกิจกรรมแบบนี้จะมีเจ้าภาพหรือคนจัดงาน ซึ่งเป็นคนที่เคยมาพักแล้วรู้สึกชอบสถานที่ร่มรื่น มีความเป็นธรรมชาติ และเงียบสงบดีเป็นผู้จัด คนที่มาปฏิบัติธรรมก็มีทั้งวัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ โดยผู้จัดจะเชิญพระอาจารย์มาอบรมการปฏิบัติธรรม ซึ่งส่วนมากคนมักจะเดินทางมาพักในวันศุกร์เย็น และปฏิบัติธรรมในวันเสาร์เต็มวัน แล้วพักวันอาทิตย์ครึ่งวันเช้า พอครึ่งวันบ่ายก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ซึ่งผมว่าสถานที่และบรรยากาศของรีสอร์ทนี้มันเอื้ออำนวยให้จัดกิจกรรมเหล่านี้ได้ดีเลยครับ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจัดกันเดือนละ 1-2 ครั้งได้
ตั้งแต่เปิดรีสอร์ทมา 6 ปี ผลตอบรับจากลูกค้ากลุ่มต่างๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ในอนาคตอย่างที่บอกคือจะเพิ่มที่พักของผู้สูงอายุเข้ามา ตอนนี้ผมก็เริ่มส่งพนักงานไปอบรมการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มแล้ว ส่วนในเรื่องของอาหารการกิน เท่าที่เราได้เรียนรู้มาก็คือ อาหารของผู้สูงอายุนั้นต้องแบ่งเป็นวันละ 5 มื้อ และอาหารแต่ละมื้อต้องเป็นอาหารอ่อนๆ หรือเมนูที่ย่อยง่ายๆ
แล้วเรายังคิดไปถึงบริการเสริมที่ผู้สูงอายุบางท่านอาจต้องการ เช่น บริการรับ-ส่งตามวันเวลาที่แพทย์นัด พาไปเดินห้างเพื่อช็อปปิ้ง หรือบริการนวดตัว ซอยผม สระไดร ทำเล็บ สอนร้องเพลง สอนใช้ไลน์ในแท็บเล็ต กิจกรรมปลูกผัก ออกกำลังกาย เราก็จะมีคนดูแลหรือคอยสอนในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ให้ด้วยครับ เรียกว่าให้พวกเขาอยู่อย่างสุขกายสบายใจท่ามกลางบรรยากาศเขียวๆ สดชื่น กับอากาศบริสุทธิ์ ก็นับว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่เราสามารถแบ่งปันให้กับผู้ที่มาพักรีสอร์ทของเราได้”… โทร. 02-437-3355, 08-6896-6885 หรือ FB : Baanleelathai Resort And Spa