กรดอะมิโน และโอเมก้า สารอาหารเพื่อพัฒนาการสมอง
นํ้านมนับว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าสำหรับเด็กและคนทุกวัย และเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ
โอเมก้า (Omega) หรือกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัวช่วยในการบำรุงสมอง โดยกระตุ้นให้สมองพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางและช่วยเรื่องการมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้มนุษย์เกิดความจำ อีกทั้งมีส่วนให้ร่างกายปรับสมดุลของสารเคมีที่มีผลให้รู้สึกสบาย ไม่เครียด มีความมั่นคงทางอารมณ์และมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย โอเมก้านั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่กลุ่มที่มีประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาในเด็ก ก็คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 และโอเมก้า 9
กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3) เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อโครงสร้างไขมันในสมองและจอประสาทตา มีส่วนให้เกล็ดเลือดมีความสมดุลอยู่เสมอ จึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือด และโรคหัวใจอีกด้วย ขณะที่กรดไขมันโอเมก้า-6 (Omega-6) มีส่วนให้เลือดไหลเวียนได้ดี รักษาระดับคอเลสเตอรอลที่ดีในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายลดอาการปวดและลดการอักเสบได้ รักษาความชุ่มชื้นของผิวพรรณ ช่วยคุมระดับฮอร์โมน และที่สำคัญคือช่วยให้สมองทำงานได้ดี และกรดไขมันโอเมก้า-9 (Omega-9) ช่วยควบคุมระบบการแข็งตัวของเลือด สร้างฮอร์โมนโพรสตาแกลนดินในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี จึงมีผลให้อวัยวะในร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วย
ขณะที่กรดอะมิโนนั้นมีทั้งแบบที่ร่างกายสร้างเองได้และสร้างไม่ได้ กรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างเองได้ที่รู้จักกันทั่วไปมีราว 20 ชนิด ส่วนกรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิด ซึ่งจำเป็นต้องรับจากการรับประทานอาหาร ใน 9 ชนิดนี้สำคัญต่อสมองมาก โดยมีการทำงานที่ซับซ้อนและสำคัญ กรดอะมิโนจำเป็น (Amino Acid) ได้แก่
1.ทริปโตเฟน (Tryptophan) มีส่วนเสริมสร้างคุณภาพในการนอนหลับอย่างเป็นธรรมชาติ
2.ทรีโอนีน (Threonine) ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย สู้เชื้อโรคและช่วยเผาผลาญไขมัน
3.ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) เพิ่มความตื่นตัว และสร้างความทรงจำในสมอง
4.เมไธโอนีน (Methionine) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยสลายไขมัน
5.ลิวซีน (Leucine) ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ ช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น
6.ไลซีน (Lysine) ช่วยเสริมสมาธิ ทำให้กระดูกแข็งแรง
7.วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานสมอง ทำให้กล้ามเนื้อประสานกันได้ดี
8.ไอโซลิวซีน (Isoleucine) เสริมสร้างการเจริญเติบโตของระบบประสาท เตรียมพร้อมสมองต่อพัฒนาการเรียนรู้
9.ฮิสทิดีน (Histidine) จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในเด็ก ช่วยการทำงานของระบบประสาท ป้องกันภาวะพัฒนาการช้า
อย่างไรก็ตาม เด็กในวัยกำลังเจริญเติบโตควรรับประทานอาหารอย่างเพียงพอให้ครบทั้ง 5 หมู่ เมื่อเห็นว่าลูกกินได้น้อย คุณพ่อคุณแม่ควรจัดอาหารระหว่างมื้อมาเพิ่ม แต่ต้องไม่บ่อยจนรบกวนอาหารมื้อหลัก และอาหารต้องไม่มีรสชาติหวานจัด เพราะจะทำให้ลูกไม่อยากอาหารได้ อย่าติดสินบนเพื่อให้เด็กยอมกินอาหาร จะทำให้เด็กติดนิสัยและไม่ยอมกินเมื่อไม่มีของมาแลกเปลี่ยน และพยายามอย่าบังคับขู่เข็ญให้เด็กกินอาหาร เพราะจะทำให้รู้สึกไม่ดีต่อการกินและไม่อยากกิน จะกลายเป็นคนกินยากไปแทน